งดประชุม3วันไฟเขียว'ส.ส.-ส.ว.'ช่วยน้ำท่วมชูโรดแม๊พเหลือง-แดง
คอป.เปิดโรงแม๊พเยียวยาเหยื่อการเมืองวางคิวถก'แม่น้องเกด-เมียร่มเกล้า-ลูก เสธ.แดง-มาร์ค-พ่อค้าราชประสงค์'หวังสร้างปรองดอง ขณะที่ “รัฐสภา” สั่งงดประชุม 3 วันไฟเขียว ส.ส.-ส.ว. ช่วยน้ำท่วม “จตุพร” แจงเปิดหมู่บ้านแดงระดมปัจจัยซับน้ำตา จวก “ปชป.” เล่นการเมืองไม่รู้จักกาลเทศะย้ำรื้อกฎหมาย “สนช.” 177 ฉบับหลังน้ำลดแน่นอน ด้าน “ผบ.ทบ.” ลั่นพร้อมบุกสภาขวางแก้ พ.ร.บ.กลาโหม ด้วยตัวเอง แถมสอนมวยผู้แทนต้องแก้จิตสำนึกสำคัญที่สุด ยันเลิกพูดปฏิวัติได้แล้ว ฝ่าย “ปชป.” ซัด “ปู” ทำตัวปากว่าตาขยิบ ส่วน “เรืองไกร” ยื่น “กกต.” สอยเก้าอี้ 2 ส.ส.ปชป. แทรกแซงอัยการ ด้าน “วิรัตน์” ขีดเส้น 15 ต.ค. ลุยล่าชื่อถอดถอน “จุลสิงห์” หากไม่ยอมส่งเอกสารคดีเลี่ยงภาษี
งดประชุมสภา 3 วันลุยน้ำท่วม
เมื่อวันที่ 11 ต.ค. นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 รักษาการประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า จากการหารือกับนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร และ พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา เห็นว่าควรงดการประชุมสภาในวันที่ 12 และ 13 ต.ค. รวมทั้งการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในวันที่ 17 ต.ค. นี้ เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีสมาชิกวุฒิสภาและนายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ เสนอให้รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อมาแก้วิกฤติในขณะนี้ว่า ไม่ทราบเจตนาของ ส.ว. และนายถวิล แต่ตนยืนยันว่าไม่เห็นด้วย เพราะรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี สามารถสั่งการได้ตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อให้ข้าราชการปฏิบัติตามคำสั่งได้อยู่แล้ว ดังนั้นรัฐบาลไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่ต้องประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
“พท.”อ้างระดมแดงซับน้ำตา
นายจตุพร ในฐานะแกนนำคนเสื้อแดง กล่าวตอบโต้นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า การเปิดหมู่บ้านคนเสื้อแดงที่ จ.อุดรธานี เป็นการสร้างความแตกแยกภายในประเทศว่า นายชวนนท์ไม่ทราบข้อเท็จจริงแล้วมาพูดใส่ร้าย ภารกิจหลักของการไปเปิดหมู่บ้านคนเสื้อแดงที่ จ.อุดรธานี นั้น เพื่อเชิญชวนชาวอุดรธานีและคนไทยทั้งประเทศที่ไม่ประสบภัยน้ำท่วมมาร่วมกันตั้งเต็นท์บริจาคสิ่งของช่วยผู้ประสบภัย และวันที่ 14 ต.ค. เวลา 10.00-24.00 น. จะจัดคอนเสิร์ตคนเสื้อแดงที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว เพื่อรับบริจาคเงินและสิ่งของจำเป็น จากนั้นวันที่ 15 ต.ค. จะขนสิ่งของที่ได้ไปแจกจ่ายผู้ประสบภัย ทั้งนี้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง จะประสานไปยังศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย หรือ (ศปภ.) เพื่อกำหนดให้คนเสื้อแดงแต่ละจังหวัดรับผิดชอบเฉพาะจุดในแต่ละพื้นที่
จวก“ปชป.”ไม่รู้จักกาลเทศะ
ส.ส.เสื้อแดง กล่าวอีกว่า การดำเนินการของคนเสื้อแดงในครั้งนี้จะใช้รูปแบบการเคลื่อนพลทั้งแผ่นดินเหมือนวันที่ 12 มี.ค. 2553 แต่ครั้งนี้เป็นรูปแบบการเคลื่อนพลขนของไปบริจาค ดังนั้นคนที่เล่นการเมืองไม่รู้กาลเทศะและเล่นไม่เลิกคือพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากนี้ขอฝากไปถึงประชาชนที่กำลังประสบอุทกภัยในขณะนี้ว่า ตนเข้าใจความรู้สึกของผู้ที่ได้รับผลกระทบและความสูญเสียจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม แต่อยากให้อดทนอดกลั้น หากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และสมาชิกไปบริจาคสิ่งของในพื้นที่ใด ขออย่าแสดงอาการใด ๆ เหมือนเหตุการณ์ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา อย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าวตนมองว่าชาวบ้านคงไม่ได้มีเจตนาก่อกวน แต่เป็นเพียงแค่การแสดงความเห็นเป็นปกติ เพราะวันที่นายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี ประชาชนไม่เห็นว่าทำอะไร
ฮึ่มน้ำลดรื้อกฎหมาย“สนช.”
ส่วนการแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 นั้น นายจตุพร กล่าวว่า หลังรัฐประหารสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ผ่านกฎหมายจำนวน 177 ฉบับ บางฉบับผ่านด้วยองค์ประชุมไม่ถึงกึ่งหนึ่งโดยมี พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมรวมอยู่ด้วย บางฉบับมีองค์ประชุม 84-85 เสียง บางฉบับมีแค่ 40 คนจากสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จำนวน 250 คน ซึ่งเป็นการตรากฎหมายที่มิชอบ หลังน้ำลดจะสังคายนากฎหมาย 177 ฉบับทั้งหมด คาดว่ากว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลายรวมเวลาฟื้นฟูคงไม่ต่ำกว่า 3 เดือน ดังนั้นไม่ใช่ว่าจะดำเนินการทันทีตามที่พรรคประชาธิปัตย์กำลังบิดเบือน อีกทั้งแก้ไขวันนี้ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะการแต่งตั้งโยกย้ายผ่านพ้นไปแล้ว
ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวด้วยว่า การที่นายสกลธี ภัททิยกุล รองโฆษกพรรคประชาธิ ปัตย์ ระบุว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยหวังรวบอำนาจในกองทัพนั้น คนที่พูดเป็นทายาทคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) แต่พวกตนเป็นคนในกระบวนการประชาธิปไตย ซึ่งประชาชนมีสิทธิตรวจสอบรัฐบาลและรัฐบาลก็มีสิทธิตรวจสอบการบริหารของราชการ
“บิ๊กตู่”แนะแก้จิตสำนึกของคน
วันเดียวกัน ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคเพื่อไทยเตรียมขอแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม โดยอ้างว่านายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไม่มีอำนาจโยกย้ายแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล ขอถามว่าถ้าทหารแข็งแรงเกินไปแล้วจะปฏิวัติอย่างเดียวใช่หรือไม่ ทำไมไม่ให้ทหารแข็งแรงเพื่อป้องกันชายแดน พัฒนาช่วยเหลือประชาชน
“วันนี้อย่าพูดคำนี้ สิ่งที่ผ่านมาแล้ว ก็แก้กัน อย่าให้เกิดขึ้นมาอีก และไปหาวิธีการอื่น ไม่ใช่มาแก้กันด้วยกฎหมาย ถามว่ากฎหมายหรือรัฐธรรมนูญที่แก้กันมา ทำอะไรได้บ้าง แก้อะไรได้บ้าง อยู่ที่คนทั้งสิ้น ต้องมีความสำนึก ความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์สุจริต ท้ายสุดคือความจงรักภักดีเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ต้องไปแก้อะไรทั้งสิ้น” ผบ.ทบ. ระบุและว่า วันนี้ตนไปมีทีท่าอะไรอย่างอื่นหรือไม่ เราไม่ได้ไปต่อสู้กับใครเลย เป็นเรื่องของการทำงานร่วมกัน
ลั่นบุกสภาแจง พ.ร.บ.กลาโหม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาไม่ได้มีประเด็นขัดแย้งใน พ.ร.บ. ดังกล่าว เพียงแต่ถามมาตนก็ตอบให้ฟังว่ามี พ.ร.บ. กลาโหมอยู่ ถามว่าแก้ได้ไหม ตนก็ตอบว่าไม่ได้ เพราะเวลาประชุมกับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ก็หัวเราะพูดคุยกัน คนนี้เป็นตรงนั้น คนนั้นเป็นตรงนี้ ไม่ได้มีอะไรที่ขัดข้อง ไม่มีการยกมือโหวตกัน ไม่เคยทะเลาะกัน และทะเลาะกันไม่ได้ มีการให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพราะเป็นพี่น้องโตตามกันมาทั้งนั้น และเป็นอดีตผู้บังคับบัญชา
ต่อข้อถามว่า คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มี ส.ส.พรรคเพื่อไทยเป็นประธาน กมธ. เตรียมให้กองทัพเข้าชี้แจงเรื่อง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนอาจไปชี้แจงด้วยตัวเองก็ได้ แต่ปกติแล้วหากมีหนังสือเชิญมาจะให้ผู้แทนหรือฝ่ายที่เกี่ยวข้องเรื่องกฎหมาย เช่น นายทหารพระธรรมนูญ กรมพระธรรมนูญ ไปชี้แจง ทั้งหมดเป็นระบบ
“ปชป.”ซัด“ปู”ปากว่าตาขยิบ
ด้านนายสกลธี ภัททิยกุล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงจุดยืนถึงการแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม เนื่องจากพรรคเพื่อไทยจุดประเด็นการแก้ไข ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่เห็นด้วย จะได้เป็นการปรามลูกพรรคให้ไปสนใจแก้ไขปัญหาน้ำท่วมมากกว่าการแทรกแซงการโยกย้ายข้าราชการ หรือถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เห็นด้วย ประชาชนจะได้รับทราบว่ากระบวนการเรียกร้องแก้ไข พ.ร.บ.ดังกล่าว เป็นแนวทางของพรรคเพื่อไทยขณะที่นายเจะอามิง โตะตาหยง ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการสั่งงดการประชุมสภา เพราะเวทีสภาไม่ใช่เวทีของรัฐบาล แต่เป็นเวทีสะท้อนปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน การที่จะให้ ส.ส. ได้ลงพื้นที่ไปช่วยแก้น้ำท่วมก็เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายเข้าใจ แต่ ส.ส.กรุงเทพฯ ซึ่งกำลังจะประสบปัญหาก็ต้องการสะท้อนความเดือดร้อนเพื่อให้รัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ไข การปิดสภาเช่นนี้จึงไม่เป็นผลดีต่อแนวทางการแก้ไขปัญหาของทุกฝ่าย
“คอป.”แย้มแนวทางเยียวยา
ขณะเดียวกัน นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) เปิดเผยผ่านทวิตเตอร์ถึงผลการประชุม คอป. ว่า ที่ประชุมจะจัดให้มีการประชุมระดมความเห็นวางกรอบการเยียวยาโดยจะเชิญนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอของ คอป. (ปคอป.) เข้าร่วม ส่วนตัวแทนผู้เกี่ยวข้องจะเชิญมา 3 กลุ่ม คือ ผู้เกี่ยวข้องโดยตรง ได้แก่ ญาติผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ เช่น ภรรยา พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมนเกด อัคฮาด น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ลูกสาว พล.ต.ขัตติยะ หรือ เสธ.แดง ผู้ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง เช่น กลุ่มผู้ค้าย่านราชประสงค์ด้วย กลุ่มสุดท้าย คือ กลุ่มผู้มีประสบการณ์ด้านการเยียวยาหรือเคยได้รับผลกระทบมาก่อน เช่น คุณอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ญาติวีรชนพฤษภา 35 องค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) เบื้องต้นคาดว่าจะดำเนินการได้ภายในช่วงเดือน ต.ค. นี้
นายกิตติพงษ์ เปิดเผยอีกว่า วันที่ 12 ต.ค.นี้ นายคณิต ณ นคร ประธาน คอป. พร้อมคณะ จะหารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ที่โรงแรมสยามซิตี จากนั้นจะนัดพูดคุยกับบุคคลสำคัญอื่น ๆ ต่อไป
“อสส.”ส่งเอกสารคดีเลี่ยงภาษี
อีกเรื่องหนึ่ง นายวินัย ดำรงค์มงคลกุล โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงการจัดส่งสำเนาเอกสารการไม่ฎีกาคดีเลี่ยงภาษีหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และนายบรรพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรมของคุณหญิงพจมาน ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ตามที่ได้ร้องขอก่อนหน้านี้ว่า นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด (อสส.) กำลังพิจารณาว่าเอกสารส่วนใดที่สามารถส่งให้พรรคประชาธิปัตย์ได้บ้าง ที่ขอมาก็สามารถส่งให้ได้มากพอสมควร แต่เอกสารบางอย่างก็ไม่มี ส่วนสำเนาความเห็นของอัยการแต่ละคนไม่สามารถให้ได้ จะให้ได้เฉพาะความเห็นของคณะทำงาน
ส่วนกรณีพรรคประชาธิปัตย์ขู่จะยื่นถอดถอนอัยการสูงสุดนั้น โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ไม่ทราบว่าจะถอดถอนด้วยเรื่องอะไร เพราะอัยการมีความเห็นโดยถูกต้องแล้ว โดยคณะทำงานของอัยการตรวจสอบคดีของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ก็มีความเห็นพ้องไปในทางเดียวกัน
ร้อง“กกต.”เชือด“ถาวร-วิรัตน์”
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว. สรรหา ยื่นหนังสือให้ กกต. ตรวจสอบนายถาวร เสนเนียม และนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กรณีใช้สถานการณ์เป็น ส.ส. เข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือพรรคการเมือง อันเข้าข่ายฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 266 (1) ที่อาจจะทำให้สมาชิกภาพความเป็น ส.ส. สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106 (6)
หนังสือระบุว่า การที่นายวิรัตน์และนายถาวรเข้ายื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุด เพื่อขอเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการไม่ยื่นฎีกาคดีภาษีหุ้นบริษัทชินคอร์ปต่อศาลฎีกา และขอให้อัยการดำเนินการส่งมอบเอกสารของคดี รวมทั้งการออกมาให้สัมภาษณ์เตรียมจะถอดถอนอัยการสูงสุด ทั้งหมดนี้ทำให้เชื่อได้ว่าบุคคลทั้งสองมีพฤติการณ์เข้าข่ายการกระทำต้องห้าม รวมทั้งให้ กกต. พิจารณาด้วยว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีอำนาจใดในการลงมติและมีหนังสือไปยังอัยการสูงสุด ซึ่งหากเห็นว่า ป.ป.ช. กระทำการโดยไม่มีอำนาจ ก็ให้ส่งเรื่องไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 244 (1) (ค) เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ซึ่งเป็นอำนาจในการตรวจสอบ
“วิรัตน์”โต้ล้วงลูกองค์กรอิสระ
ด้านนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายเรืองไกร ยื่นให้ กกต. ตรวจสอบนายวิรัตน์และนายถาวร ใช้อำนาจหน้าที่แทรกแซงองค์กรอิสระว่า ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการแทรก แซง เพราะ ส.ส. ทำหน้าที่เพื่อประชาชนในการตรวจสอบการทำงาน และไม่เป็นการแทรก แซงดุลพินิจของอัยการสูงสุด เพราะคดีได้สิ้นสุดไปแล้ว เนื่องจากอัยการได้ใช้ดุลพินิจไม่ฎีกาคดีแล้ว เพียงแต่ตนและนายถาวร อยากทราบเหตุผลว่าเหตุใดอัยการจึงพิจารณาสั่งฟ้องบุคคลทั้งสามในตอนแรก และขอความเห็นถึงขั้นตอนที่อัยการไม่ฎีกาคดีด้วย
“การที่นายเรืองไกรออกมาร้องอย่างนี้ ไม่กระทบการทำงานของพวกผมอย่างแน่นอน แต่อยากถามนายเรืองไกรว่าทำหน้าที่โดยสุจริตหรือทำเพื่อใคร และมีเจตนาอะไร ในช่วง 1-2 วันนี้จะให้เวลาอัยการเรียกประชุมคณะทำงาน เพื่อพิจารณาว่าจะส่งเอกสารใดมาให้พรรคบ้าง แต่ถ้าถึงวันที่ 15 ต.ค. แล้วไม่มีความคืบหน้า พรรคก็จะพิจารณากระบวนการยื่นถอดถอนต่อไป” หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย ระบุ
ครม. แต่งตั้ง“บิ๊ก” 2 กระทรวง
วันเดียวกัน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. มีมติแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดังนี้ นายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง ผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ เป็นรองปลัดกระทรวงฯ นางพรทิพย์ ปั่นเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ นายเกษมสันต์ จิณณวาโส อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และนายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เป็นเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ประชุม ครม. ยังเห็นชอบการแต่งตั้งในกระทรวงคมนาคม ดังนี้ นายวันชัย ภาคลักษณ์ รองอธิบดีกรมทางหลวง เป็นอธิบดีกรมทางหลวง และนายชาติชาย ทิพย์สุนาวี รองอธิบดีกรมทางหลวงชนบท เป็นอธิบดีกรมทางหลวงชนบท นอกจากนี้ยังได้รับทราบการแต่งตั้งนายอัยยณัฐ ถินอภัย ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และแต่งตั้ง น.อ.จิรพล เกื้อด้วง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน.
ต้นฉบับ: http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=8&contentId=169113
ที่มา: เดลินิวส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น