--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

แกว่งเท้าหาเสี้ยน !!!??

แน่นอนว่า...ในสงครามที่...ฝ่ายหนึ่งมีกำลังเพียง 7 หมื่นนาย...สามารถเอาชนะ...กองทัพที่มีพลรบถึง 1 แสน 4 หมื่น 4 พันนาย..เป็นเรื่องควรจดจำไว้ดีใจ...เป็นความภาคภูมิใจของ...เผ่าพันธ์ุผู้ชนะ เป็นเรื่องบาดใจและควรแก่การลืมของ...ผู้พ่ายแพ้

ในปีพุทธศักราช...2328 พระเจ้าปดุง ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์พม่า...จำต้องสำแดงกฤษดาภินิหาร...กว้างใหญ่ขึ้นมา ครอบคลุมแว่นแคว้นทั้งหลายให้ศิโรราบ...กรุงรัตนโกสินทร์... ซึ่งกำลังก่อร่างสร้างอาณาจักรขึ้นมาใหม่...หลังจากพินาศวอดวาย จนไม่สามารถฟื้นฟูได้...จากการล่มสลายของกรุงศรีอยุธยา...จึง เป็นเป้าหมายเอก

พม่าจัดทหารเป็น 5 ทัพ...ยาตราเข้าพิฆาตไทย...ย่ำเหยียบ ตั้งแต่นครศรีธรรมราช...ราชบุรี เมืองเชียงแสน เชียงใหม่...เมือง ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก...ทัพใหญ่ไพร่พล 5 หมื่น...บุกผ่าน เจดีย์ 3 องค์ตรงเข้าโอบล้อมกรุงรัตนโกสินทร์...

ประเมินด้วย...แทบทุกหลักวิชา...กรุงรัตนโกสินทร์...ต้อง แหลกลาญ มหาราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์...แบ่งทัพออกสกัดพม่าทุก แนวบุก...ให้พระบวรเจ้ามหาสุรสิงหนาท...ตั้งรับทัพกษัตริย์ ปดุง...ที่ทุ่งลาดหญ้า...และนำนักรบไทยเผชิญหน้าเอาชนะพม่า... จนถอยร่น..ทัพใหญ่พม่า...รวมพลกั้นไม่ติดทัพไทยสกัดตัดการส่งเสบียงทั่วทุกด้าน...ทัพพม่าแม้นมีไพร่พลรบมากกว่า แต่ทว่า รวมกันไม่ติด...เพราะแผนการรบไทยเหนือกว่า..จึงล่าถอย...แต่ นั่นมัน 225 ปีมาแล้ว...

วันนี้ไทยได้รับก๊าซจากพม่า...มาผลิตไฟฟ้าในประเทศไทย... พม่ากำลังเปิดแผ่นดินให้ไทยสร้างถนนใหญ่ผ่านไปสู่ทวายเพื่อใช้ ลำเลียงสินค้านานาชนิดไปมหาสมุทรอินเดีย... พม่าคือทรัพยากรดิบมากมาย เพื่อให้ไทยแปลงรูปเป็นสินค้า ที่มีมูลค่าเพิ่ม สร้างกำไรให้กับพลเมือง 2 ชาติ...บริษัทไทยได้สัมปทานและงานก่อสร้างราคาหมื่นล้านในพม่า...

แต่...วันที่ 17 ถึง 25 กุมภาพันธ์...ปีนี้...กระทรวงกลาโหมกับจังหวัดกาญจนบุรี...จะเอาความพ่ายแพ้ของกองทัพพม่ามา... ประจาน...โดยจัดเป็นการแสดงประกอบที่เพียบพร้อม ด้วยแสง-สี-เสียง

แน่นอนว่า...สถานทูตพม่า..ที่ประจำอยู่ในประเทศไทย... ชาวพม่าที่ทำมาหากินอยู่ในเมืองไทย...คงไม่สนุกไปด้วยกับสิ่งที่ เกิดขึ้น... รัฐบาลพม่า..ที่ปรารถนาจะได้ความรักจากมหาชนชาวพม่า...คงจะนิ่งเฉยอยู่ไม่ได้...กับการย่ำยีเสียดสีบรรพบุรุษของเขาเมื่อ 225 ปีที่แล้ว...

นอกจากความสนุกสนานของพวกเราคนไทย...ที่ได้รู้ว่าครั้ง หนึ่งเราเคยรบชนะพม่าที่ทุ่งลาดหญ้า จังหวัดกาญจนบุรี...แล้วคน ไทยเรา..คงจะจำได้ถึงความพินาศฉิบหายใต้ย่ำตีนของกองทัพพม่า...คราวที่กรุงศรีอยุธยาล่มถึง 2 ครั้ง 2 คราว

เราคนไทย...น่าจะรู้กันโดยทั่วไปว่า...จำนวนมากในทองคำ ที่ห่อหุ้มเจดีย์ชเวดากอง..ในเมืองร่างกุ้งนั้น..มันถูกหลอมละลาย ไปจากทองคำที่หุ้มองค์พระมงคลบพิตร...ครั้งเสียกรุงศรีอยุธยา ล่มสลาย...มหานครที่เคยยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ของโลก...สูญ-หายไปเหลือไว้แต่ซากหักปรักพัง...เพราะแพ้สงครามพม่า

ปัญหาอยู่ที่ว่า...วันนี้ในชายแดนด้านตะวันออก.. ไทยกับกัมพูชา..กำลังมีปัญหาในเรื่องการแก่งแย่งในเรื่องเส้นแบ่งแผ่นดิน... แสนยานุภาพกองทัพของ 2 ชาติ...หันปากกระบอก ปืนเข้าสู้กัน...ไม่รู้ว่า...วันใดวันหนึ่ง...กระสุนจะลั่นใส่..

กัมพูชา...กับชาติเวียดนามและลาว...ลงสัตยาบรรณต่อ กัน..ที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลในยามสงคราม.. ผู้บัญชาการทหารบกไทย...ให้ความรู้กับพวกเราคนไทยว่า... หากมีสงครามกับกัมพูชา...เราจะเป็นประเทศเดียวดายในภูมิภาค นี้...กองทัพไทยให้คำเตือนมาแล้วว่า...ทหารเขมรกับทหารทั้ง 2 ชาติ...เป็นมิตรต่อกันและไม่ปรารถนาจะทำสงครามเข่นฆ่า

ชายแดนตะวันออก...สงครามกำลังรอวันเริ่ม...ปัญญา นิ่มขนาดไหน..จะไปสร้างบรรยากาศแห่งสงครามขึ้นมาใน ชายแดนตะวันตก ในขณะที่ชายแดนด้านใต้...ก็ร้อนเป็นไฟอยู่กับการทำสงครามกับที่เรียกกันว่า..สงครามแบ่งแยกดินแดน..

กระทรวงกลาโหม...เป็นกระทรวงสงครามนั่นก็ใช่... แต่การ ไม่ทำให้เกิดสงคราม...ก็เป็นหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมเช่นกัน... กระทรวงมหาดไทย...หน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขเป็นหน้าที่ ของท่าน...แต่สงครามและความตึงเครียดระหว่าง 2 ชาติ.. มันคือ ความทุกข์ยากและทำลายความมั่งมีศรีสุขของประชาชนของทั้ง 2 ประเทศตลอดชายแดน

จะมีอะไรเกิดขึ้นกับประเทศไทย...หากพม่าตัดก๊าซไม่ให้เข้า ทำไฟในประเทศไทย...คำตอบก็คือ...ความหายนะหลายแสน.. ประเทศไทยจะขาดโอกาสที่จะร่ำรวยมหาศาลจากการเป็นทางผ่าน ของสินค้าในชาติเอเชียผ่านไปสู่มหาสมุทรอินเดีย..นักท่องเที่ยว ทั้ง โลกที่บินมาเมืองไทยเพื่อไปเที่ยวต่อเมืองพม่าจะมีปัญหา..ฯลฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ...นายกรัฐมนตรี..เรื่องนี้เป็นหน้าที่ ของท่าน..

ที่มา.สยามธุรกิจ
/////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น