แม้คลุกอยู่ในครอบครัวนักการเมือง เข้าใจกลเกมการเมืองเป็นอย่างดี
แต่ "พรทิวา" บอกว่า "การเมืองมันโหดร้าย อย่าดี-เด่น เข้าใจว่ามีคนหมั่นไส้ ปรามาส"
เพราะเธอคือคนการเมืองหน้าใหม่ ได้ครอบครองกระทรวงเศรษฐกิจ 1 ใน 5 กระทรวงเกรดเอ
เธอจึงตกเป็น "เป้าหมาย" การถูกขึ้นบัญชีอภิปรายไม่ไว้วางใจแต่หัววัน
"ตัวเราเองเหมือนเป้าจริง ๆ นะ เป็นนักการเมืองใหม่เอี่ยม เพิ่งเป็น ส.ส. มาถึงเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คนหมั่นไส้เยอะ เรารู้ คนปรามาสเยอะแยะ เขาเป็นนักการเมืองมาตั้งนานยังไม่ได้เป็นเลย พอเราคิดได้อย่างนี้ เราจึงไม่อยากโกรธใคร"
เธอบอกว่า ข้ามพ้นการถูกแฉโพยในสภามาได้สมัยแรก เพราะ "พวกเราเยอะ"
"ปีแรกไม่โดนอภิปรายไม่ไว้วางใจนะ ก็เข้าใจเรื่องปกติของกระทรวงพาณิชย์ โดนอยู่แล้ว ถ้าไม่โดนอาจจะสงสัยว่ามีอะไรดี แต่อาจจะด้วยความปรานีก็ได้ว่าเป็นเด็กใหม่"
ด้วยความเป็นเด็กใหม่ แม้อยู่กระทรวงใหญ่ แต่เธอบอกว่าไม่เคย "ตัวพอง ตัวใหญ่" เพราะ "มันไม่ใช่เรา เราก็เป็นนักการเมือง เป็น ส.ส. เวลาหาเสียงเป็นยังไง อยู่ในกระทรวงเราก็คิดว่าคือประชาชนที่ได้รับการยอมรับจากข้าราชการ เพราะเราไม่เรื่องมาก ติดดิน อะไรก็ได้ ฟังเยอะ ให้เครดิตเขา"
เธอเลือกกระทรวงที่ทำงานยาก แทนที่โควตาเก่าในกระทรวงที่ทำงานง่าย ด้วยเหตุผลที่ว่า "กระทรวงนี้ สนุก เหนื่อยด้วย"
อีกเหตุผลหนึ่งเป็นเหตุผลทาง การเมือง ที่มีคนบอกกับเธอว่า "เรานักการเมืองหน้าใหม่ อนาคตยังไปอีกไกล การเมืองมันโหดร้ายนะ ไม่มีปลาดี แต่ทางแกนนำพรรคเรียกเราไปคุย ให้เราเป็น เราจะพูดอะไรได้ มันเป็นการเมือง เป็นระบบพรรค มันคุยกันมาแบบนี้ เราเป็นผู้รับภาระตรงนี้ เป็นตัวแสดง ไม่รู้จะพูดอย่างไร"
เลขาธิการพรรคการเมืองอันดับ 2 ของรัฐบาล "อภิสิทธิ์" วิเคราะห์การเมืองว่า ถ้ากลุ่มคน 111 ได้คืนสิทธิ์การเมือง ช่วง พ.ค. 2555 อาจจะเป็นเงื่อนไขในการจัดรัฐบาลครั้งหน้า
"สมมติเลือกตั้งปีนี้เร็ว ก็ปีหน้าเขาก็กลับมาทัน...แต่เลือกตั้งเที่ยวนี้คงอยู่ ไม่ได้นานหรอก เพราะ 111 จะออกมา ขาใหญ่ทั้งนั้น รับรองว่าการเมืองป่วนแน่นอน ให้เขารออีกเลือกตั้ง รออีก 4 ปีเป็นไปไม่ได้ ไม่มีทาง ฉะนั้น ไม่มีทางเพราะเขารอมาแล้วตั้ง 5 ปี ตาย ไฟหมด คนลืมหมด"
"เลือกตั้งเที่ยวนี้รัฐบาลจะอยู่ได้ไม่นาน จะลำบากมากสุดก็ปีหนึ่ง"
ถามว่า เธอและพวกจะได้กลับมาเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอีกหรือไม่ เธอตอบว่า
"พี่สมศักดิ์เขาเคยพูดเสมอเวลาให้สัมภาษณ์ว่าเขาไม่เคยเป็นฝ่ายค้าน ไม่เคยเลย จริง ๆ ท่านสมศักดิ์มองการเมืองเขาวิเคราะห์ขาดเสมอ ไม่เคยอยู่ฝ่ายค้าน แต่เคยแค่สุญญากาศ 3 เดือน"
หากเป็นเช่นนั้น ช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคต้นสังกัดของเธอจะใช้แคมเปญ "ไซโลกลาง 1 ตำบล 1 โรงสี 1 ธนาคารข้าว" เป็นต้นเรื่อง ในการค้นหาเสียงสนับสนุน
แม้เธอจะออกตัวไว้ว่า "เอาเข้าจริงทำยากมาก ไหนจะหาสถานที่ให้คนในชุมชนดูแลโรงสี เก็บของ เวลาราคาดีค่อยทยอยขาย ราคาไม่ตก หรือติดขัดอะไรก็แบ่งมาขาย เพื่อแก้ปัญหาระยะยาว ไม่ต้องมีโครงการประกัน หรือจำนำ"
"งานกระทรวงพาณิชย์เป็นงาน แก้ปัญหา ไม่ใช่งานแบบถนนไร้ฝุ่น หาเสียงได้ เอาธงฟ้าไปแล้วไง เอาไปหาเสียงไม่ใช่ง่าย จะใช้ผลงานกระทรวงพาณิชย์ อย่างส่งออกดี เอาไปหาเสียงกับรากหญ้ามันไม่เกี่ยวน่ะ จะเอาเรื่องตรึงราคาไปหาเสียง ก็เจอเรื่องขึ้นน้ำมันปาล์ม 9 บาทอีก"
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจ
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น