โบราณท่านว่า “วันเวลาไม่เคยคอยท่า กาลเวลาไม่เคยคอยใคร”ดูทรงนักเลือกตั้งเมืองไทยก็คงเห็นตามเช่นนั้น นั่นก็เป็นเหตุให้ประชาชนคนไทยมักประสบพบเจอ อาการ “น้ำขึ้นให้รีบตัก” ที่นักการเมืองนิยมใช้เสพผลประ โยชน์กันอย่างแพร่หลาย กลายเป็นยาดำขี้ฉ้อ เสพติดผิดวัตถุประสงค์..“วิญญาณบรรพบุรุษ ปู่ ยา ตา ทวด” นอนสะดุ้งตายตาไม่หลับ!!!
ยิ่งจับจากอาการระส่ำเที่ยวล่าสุดของ “รัฐบาลเทพประทาน” ของ “ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”..มองไปทางซ้าย “ม็อบแดงโห่ไล่ทวงอิสรภาพ 7 แกนนำแดง” มองไปทางขวา “ม็อบเหลือง+กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ” ขย่มกระแสรักชาติ ลากไส้ภาพสีเทาทางอธิปไตยที่ทับซ้อนอยู่บนกอง ผลประโยชน์
สองมือจุดประทัดไล่ส่ง “เทพประทาน” ปากไม่ว่างเรียกร้องปล่อยแกนนำกลุ่มคน ไทยหัวใจรักชาติ ที่ต้องสิ้นอิสรภาพอยู่ทั้ง ในคุกไทยและคุกเขมรงานเข้า 3 ม็อบรุมสกรัม กอปรกับ เพื่อไทยใกล้ตกผลึก สะบัดหลุดอาการผีหัวขาด “นักรบห้องแอร์มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” บารมีเอิบอิ่มเด่นชัดขึ้นมาท่าม กลางไฟฟอนที่กำลังสุมขอน “รัฐบาลเทพ ประทาน”
แนวร่วมหัวกลับ แตกเซลล์ไปทุกหย่อมหญ้า การเมืองในรัฐสภาและข้างถนน ก่อตัวก่อหวอดไล่ “นายกฯ อภิสิทธิ์” ได้อย่างน่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่ง ว่ากันว่าภายใต้ แรงบีบ วอร์รูมทั้งรัฐบาลและกองทัพ ต้องประเมินสถานการณ์กันแบบละเอียดถี่ยิบ
นี่ขนาดเหล่าทีมที่ปรึกษาระดมสมอง ระดับเพชรอย่างเข้มข้น แต่ “นายกฯ รูปหล่อ” และทีมงานพรรคร่วม ยังมิวายถูก สารพัด “หมัด เข่า ศอก ประเคนแข้งให้รับประทานแบบเช้าถึงเย็นถึง”
เหลี่ยมเซียนเขี้ยวหน้าโพเดี้ยมของประชาธิปัตย์และพรรคร่วม เริ่มแป้กเมื่อต้องมาเจอมวยเชิงสูงที่รู้ทันทุกกระบวนท่า ส่งผลให้ทุกวลีที่ “นายกฯ อภิสิทธิ์รองนายกฯ สุเทพ เทือกสุบรรณพล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณศิริโชค โสภา” รวมไปถึงสารพัด โทรโข่งที่ออกมาแก้เกี้ยว
กลายเป็นว่า..ยิ่งพูดยิ่งขาดทุน!!!ในเมื่อยืนอยู่บนชัยภูมิสเปก “สู้อาจ ตาย หนีอาจรอด” มันจึงทอดยอดมาเป็น วงเจรจาหูฉลามกาวใจปากมันชามเบ้อเร้อ อันมีพิกัดนัดถกอนาคตที่ โรงแรมหรูย่านมักกะสัน “พลาซ่า แอธทินี” เนรมิตภาพ ปรากฏการณ์ “ข้าวต้มมัดลุยไฟ” ฝ่าดงบาทาได้อย่างน่าสุ่มเสี่ยงยิ่ง
“นายกฯ อภิสิทธิ์” ประกาศสัญญา ประชาคมนักเลือกตั้ง ล็อกตัวเลขลุยถั่ว 4 เดือน ก่อนสลายขั้วผลประโยชน์และคืนอำนาจให้ประชาชน “หูฉลามกาวใจ” ออกฤทธิ์ว่องไวประหนึ่ง “กามนิตหนุ่ม”
เข็มนาฬิกาเดินผ่านแค่ชั่วข้ามคืน มหกรรมแก้รัฐธรรมนูญมาตราร้อนในวาระ 2 ที่พรรคประชาธิปัตย์และซีกพรรคร่วมรัฐบาล สู้ทุ่มเถียงกันมาอย่างยาวนานใน เรื่องสูตรตัวเลข “327+125” และ “400+100” สุดท้าย ฝุ่นที่เคยตลบเจือจางทันตาเห็น ฝักถั่วรัฐบาลเคาะผ่านประสานเสียง ตัวเลข “375+125” นิ่งอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ที่สำคัญมันเกิดขึ้น บนไฮไลต์ม้วนเดียวจบ ไม่ต้องต่อเวลา ข้ามวัน เว้นช่วงให้นักวิ่งนักล็อบบี้ ยิสต์ป่วนมติ
ในเมื่อวาระ 2 ฟันธง วาระ 3 ย่อมคอนเฟิร์ม ผ่านทางแยกนี้ไปได้ โค้งอันตรายถัดไปคงไม่พ้นเกมซักฟอกคา สภา ตรงนี้แม้จะดูเหมือนว่า พรรคเพื่อไทยจะเริ่มตั้งหลักได้ แต่ด้วยวาระฝักถั่วสมานฉันท์ มันก็คงไม่เกินกำลัง ของทีมงานพวกมากลากไป จะสไลด์ตัว หนีปัญหาฝ่าวงล้อมสมรภูมิน้ำลายได้อย่าง อยู่รอดปลอดภัย
อย่างขี้เหร่ ในกรณีบาดแผลเหวะ หวะเต็มตัว “นายกฯ อภิสิทธิ์” ก็ยังเหลือ ตัวช่วยต่ออายุขัยด้วยการแต่งหน้าทาปาก ซื้อเวลาปรับ ครม. ตกรางวัลให้ชมรมคนอกหักเป็นการปลอบใจส่งท้าย สมประ โยชน์ได้อีกนี่แหล่ะเซียนเขี้ยวตัวจริง
กระนั้น เงื่อนไข ครม.ใหม่ จะ “หล่อ” หรือ “ขี้เหร่” นักเลือกตั้งคงไม่แยแส เนื่องด้วย หัวจิตหัวใจของท่านๆ เหล่านั้น กำลังจดจ่ออยู่กับวาระปันผลในงบกลางปี 54 ที่เผอิญจะไหลซับไหลซ้อนมาพร้อมกับสาย น้ำแห่งกระสุนดินดำซึ่งจะหลากมาในฤดูกาลโยกย้าย!!!
และหากสมมติฐานดังกล่าวเกิดขึ้นจริง เงื่อนเวลาและเงื่อนไขที่ถูกล็อกไว้ นำ พา “เรือโนอาร์หนีกรรมติดจรวด” ที่มีสารพัดสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “นักเลือกตั้ง” มาถึงฟากฝั่ง เวลานั้นมาเยือนเมื่อไหร่ ปี่กลองเลือกตั้งประเทศไทยย่อมกระหึ่มดังในบัดดล
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก และเรื่องน่าแปลกใจที่ ประชาธิปัตย์ผนึกกำลังพรรคร่วมฯ ส่งไม้วิ่งหนีตาย 4X100 เมตรชาย อย่างไม่คิดชีวิต แต่มูลเหตุที่น่าสนใจไปกว่า นั้น มันน่าจะอยู่ที่ว่า..ป้อมค่ายไหนจะเป็นไม้สุดท้าย เบียดเข้าวินหลังเลือกตั้ง ใครกันแน่ระหว่าง..ฟ้าหรือน้ำเงิน!!!
ที่มา.สยามธุรกิจ
/////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น