--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ศาลวินิจฉัยยืนไล่ออก“วีรพล”ทุจริตเช่าซื้อคอมพ

ศาลปกครอง : ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยยืนไล่ออก “วีรพล” ทุจริตเช่าซื้อคอมพิวเตอร์กรมประชาสัมพันธ์ ระบุการไต่สวนของ ป.ป.ช. ชอบด้วยกฎหมาย และคำอุทธรณ์ของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น

องค์คณะตุลาการศาลปกครองสูงสุดที่มีนายนพดล เฮงเจริญ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด เป็นตุลาการเจ้าของสำนวนมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้น เห็นว่าคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ลับที่ 200/2546 ลงวันที่ 10 ก.ย. 2546 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของนายกรัฐมนตรีที่สั่งลงโทษปลดนายวีรพล ดวงสูงเนิน อดีตรองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ออกจากราชการกรณีทุจริตโครงการประมูลเช่าเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ส่วนควบในปีงบประมาณ 2542 ของกรมประชาสัมพันธ์ชอบด้วยกฎหมาย

ทั้งนี้ คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากนายวีรพลได้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองกลางที่ตนเองมาฟ้องคดี เพราะเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคำสั่งลงโทษต่างๆไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยขอให้มีศาลปกครองมีคำสั่งเพิกถอนมติ ป.ป.ช. ที่วินิจฉัยว่าตนกระทำผิดวินัยร้ายแรงฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง รวมทั้งขอให้สั่งให้สำนักนายกรัฐมนตรีเพิกถอนคำสั่งลงโทษทั้งปวง รวมถึงคำสั่งที่ 200/2546 ลงวันที่ 10 ก.ย. 2546 ที่ปลดตนออกจากราชการ และให้สั่งให้สำนักนายกรัฐมนตรีรับตนกลับเข้ารับราชการ

สำหรับเหตุที่ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องกับคำสั่งของศาลปกครองกลางระบุว่า เมื่อพิจารณาถึงอำนาจและกระบวนการไต่สวนวินิจฉัยคดีของ ป.ป.ช. เห็นว่า ป.ป.ช. มีอำนาจในการไต่สวนและวินิจฉัยเรื่องดังกล่าวที่มีการร้องเรียนตามบทบัญญัติ 301 ของรัฐธรรมนูญ 2540 อีกทั้งขั้นตอนและวิธีการสอบสวนของอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงได้ดำเนินการไปตามบทบัญญัติมาตรา 8 และมาตรา 92 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ป.ป.ช. 2542 โดยชอบแล้ว ดังนั้น ที่นายวีรพลอุทธรณ์ว่าสำนวนการสอบสวนของ ป.ป.ช. เป็นการกล่าวโทษโดยมิได้ให้โอกาสตนเองนำสืบแก้ข้อกล่าวหาจึงไม่อาจรับฟังได้

สำหรับประเด็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงของนายวีรพลนั้น จากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเมื่อคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาพิจารณาเบื้องต้น และมีมติให้ยกเลิกการประกวดราคาเพื่อให้มีการประกวดราคาใหม่ นายวีรพลได้เรียกคณะกรรมการมาประชุมที่ห้องทำงานของตนเอง และขอให้ทบทวนข้อเสนอที่ให้ยกเลิกการประกวดราคา เพื่อให้มีทางเลือกที่จะเสนออธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เช่น อาจเสนอให้เป็นไปตามเดิมคือ เห็นควรให้เช่าเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยคณะกรรมการส่วนใหญ่ไม่คัดค้าน มีเพียง น.ส.กนกพร ณ พิกุล ไม่เห็นด้วยและบอกจะไม่ลงนาม จากนั้นนายวีรพลได้ให้เจ้าหน้าที่แก้ไขข้อความจากเดิมที่จะเสนอให้อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ยกเลิกการประกวดราคาเป็นขออนุมัติให้เช่าเครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วนำเอกสารหน้าที่มีลายมือชื่อกรรมการทั้ง 5 คนมาประกอบ ก่อนเสนออธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ลงนาม

การแก้ไขข้อความในบันทึกโดยไม่ได้ให้กรรมการตรวจสอบใหม่จึงไม่ถูกต้อง ประกอบกับปรากฏชัดแจ้งว่า น.ส.กนกพรไม่เห็นด้วย แต่นายวีรพลยังนำชื่อของบุคคลดังกล่าวไปประกอบในบันทึก พฤติการณ์ของนายวีรพลจึงมีลักษณะไม่โปร่งใส ส่อไปในทางทุจริต แสดงให้เห็นว่าจงใจหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนทางราชการ คำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่ลงโทษปลดไล่นายวีรพลออกจากราชการจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว แต่เมื่อนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้มีอำนาจวินิจฉัยอุทธรณ์ของนายวีรพลเห็นควรให้ลดโทษจากไล่ออกเป็นปลดออกจากราชการ คำวินิจฉัยของนายกฯก็ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน คำอุทธรณ์ของนายวีรพลจึงฟังไม่ขึ้น ศาลปกครองสูงสุดจึงพิพากษายืน
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น