--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ศึก "เสือเก่า"กับ"ทหารเสือ"ย่างก้าวรุกรับของ"บิ๊กจิ๋ว"ตามดูบทบาท"พล.อ.สังวาลย์ หินกลิ้ง"(เตีย บันห์) อีกครั้ง


ที่มา:ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ลําพังปล่อยให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ นายกษิต ภิรมย์ สู้ศึกกับ สมเด็จฮุน เซน เห็นทีการนี้อาจเพลี่ยงพล้ำ เพราะมีทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ บิ๊กจิ๋ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ผนึกกำลังกันอีกด้วย บรรดาแม่ทัพนายกองทั้งหลาย จึงต้องยอมละทิ้งเรื่องค้างคาใจ กระโดดลงมาสู่สมรภูมิขแมร์ แต่หมากตัวหนึ่งในกระดานที่น่าสนใจคือ พล.อ.สังวาลย์ หินกลิ้ง แต่คน เขมร เรียกว่า เตีย บันห์

... วันนี้ ทั้งสามทหารเสือ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ.



นัยว่า ถ้าไม่เห็นแก่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ที่มีความสัมพันธ์กันแนบแน่น ในนาม "แก๊ง ออฟ โฟร์" แล้วล่ะก็ บิ๊กทหารบางคนแทบอยากจะ "ลอยแพ" รัฐบาลไปเลยก็ได้



จะไม่ให้น้อยใจ แคลงใจ และไม่พอใจได้อย่างไร ก็นายอภิสิทธิ์ เล่นท่องคาถา "สนธิ ลิ้มทองกุล" ตลอดเวลา เดินเกมตามเสียงกระซิบสีเหลือง ให้น้ำหนักและความเชื่อถือต่อนายสนธิ แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างมาก ที่สำคัญคือ การเชื่อตามนายสนธิ ว่า ใครเกี่ยวข้องกับการลอบยิงเขาบ้าง



แต่ในเมื่อผู้นำทหารเองก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากการค้ำจุนหนุนรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์นี้ให้อยู่ไปตลอดรอดฝั่ง จนกว่าจะพร้อมสำหรับการสู้ศึกเลือกตั้ง และร่วมกันปิดทางกลับคืนสู่อำนาจของ พ.ต.ท.ทักษิณ "ศัตรูร่วม" ของพวกเขา แล้วคงรักษาอำนาจไว้ให้มั่นคงและยาวนานที่สุด



พล.อ.ประวิตร ต้องรับหน้าที่โทรศัพท์สายตรงถึง พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมกัมพูชา ซึ่งถือว่าเป็นทหารเขมรที่สนิทสนมกับทหารไทยมากที่สุด เกือบทุกวัน



อย่าลืมว่า พล.อ.เตีย บันห์ คนนี้ เป็นชาว จ.เกาะกง ที่ติดกับ จ.ตราด หรือเรียกว่า "ไทยเกาะกง" ที่พูดภาษาไทยได้ชัดแจ๋ว มาเรียนที่คลองใหญ่ จ.ตราด และมีชื่อเป็นภาษาไทยว่า "สังวาลย์" หรือเรียกว่า" เตีย สังวาลย์" แต่มีชื่อในตำนานสุดฮาว่า "สังวาลย์ หินกลิ้ง" เพราะตอนเด็กชอบกลิ้งไปกลิ้งมา และว่ากันว่า คุณหญิงเตือนใจ ภริยานั้น แท้จริงแล้วก็เป็นคนไทยด้วยซ้ำ จนถึงขั้นที่ตั้งชื่อลูกชายคนโตว่า"เตีย สยาม (เสียม)"



ทั้ง สมเด็จฮุน เซน และ พล.อ.เตีย บันห์ มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับ พล.อ.ชวลิต มายาวนาน ตั้งแต่ พล.อ.ชวลิต เข้ามามีบทบาทในการสร้างสันติภาพเขมรสามฝ่าย แต่ช่วงหลัง พล.อ.ชวลิต แตะมือให้น้องรักอย่าง พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ มาเป็นทายาท ในการประสานงานติดต่อกับผู้นำเขมรมาตลอด



จนเป็นที่กล่าวแซวกันอย่างขำๆ ว่า ถ้า พล.อ.วิชิต เกิดที่เขมร พล.อ.เตีย บันห์ ก็คงอดเป็น รมว.กลาโหม บางรายถึงขั้นที่ว่า สมเด็จฮุน เซน อาจไม่ใช่นายกรัฐมนตรีเขมร แต่เป็น สมเด็จวิชิต ที่เล่าขานกันว่า ทางเขมรแต่งตั้งให้

ที่ผ่านมา พล.อ.วิชิต มักจะเป็นนายทหารไทยที่มาช่วยวางแผนการสู้ศึกการเมืองให้กับ สมเด็จฮุน เซน มาตลอด โดยเฉพาะการเลือกตั้ง เรียกได้ว่า การเมืองไทยกับการเมืองเขมร นั้นโยงเกี่ยวกันแบบลึกลับใต้ดินมาตลอด ภายใต้ปฏิบัติการแห่งขงเบ้ง



ไม่แค่นั้น ที่ผ่านมา ผู้นำกองทัพไทยหลายยุค มักจะใช้งานให้ พล.อ.วิชิต เจรจาและประสานกับกัมพูชาตลอด รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่ง พล.อ.ชวลิต ก็มีความใกล้ชิดลึกซึ้งมาทั้งสิ้น โดยไม่เคยจะสร้างนายทหารด้านเขมรขึ้นมาใหม่ จนทำให้กองทัพขาดบุคลากรที่มีสายสัมพันธ์กับกัมพูชา และเพื่อนบ้าน



เมื่อในวันนี้ พล.อ.วิชิต ซึ่งเกษียณจาก รอง ผบ.ทบ. ไปอยู่พรรคเพื่อไทยกับ พล.อ.ชวลิต ไปแล้ว ผู้นำกองทัพ ก็ไม่อาจจะไหว้วานให้ พล.อ.วิชิต ช่วยทำอะไรให้ได้อีกแล้ว เพราะจะเป็นการให้เครดิตแก่ พล.อ.ชวลิต ซึ่งวันนี้กองทัพถือว่า ยืนอยู่ตรงกันข้ามแล้ว



พล.อ.ประวิตร จึงต้องต่อสายตรงเอง แต่ก็ได้แค่กับ พล.อ.เตีย บันห์ ในฐานะที่เป็น รมว.กลาโหม ด้วยกัน ไม่ถึงขั้นต่อสายตรงถึง สมเด็จฮุน เซน



พล.อ.อนุพงษ์ จึงได้พยายามเจาะเข้าทาง พล.อ.เจีย ดารา รอง ผบ.สส. ซึ่งรู้กันดีว่าเป็นมือขวาของ สมเด็จฮุน เซน ด้วยการสร้างสัมพันธ์ เชิญมาเที่ยวเมืองไทย เลี้ยงหูฉลาม เล่นกอล์ฟบ่อยๆ พร้อมนโยบายให้ ผบ.หน่วยทหารในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา สร้างสัมพันธ์กับฝ่ายกัมพูชา ด้วยการพบปะพูดคุย ทานข้าว และเล่นกีฬาด้วยกัน

พล.อ.อนุพงษ์ นั้นมีแผลใจกับ พล.อ.ชวลิต เมื่อครั้งไปกระซิบห้ามไม่ให้ นายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ตั้ง พล.อ.ชวลิต คุมใต้และความมั่นคง แถมหักหาญน้ำใจ พล.อ.ชวลิต กลางวงประชุมที่ บก.ทบ. ค้านแนวคิดแก้ปัญหาที่ พล.อ.ชวลิต เสนอแบบทันควัน



จึงไม่แปลกที่ตอนนี้เมื่อ พล.อ.ชวลิต มายุ่งเรื่องปัญหาใต้ พล.อ.อนุพงษ์ จึงสั่งให้ ทบ. และ กอ.รมน. ทำการพีอาร์.สู้ เพื่อให้เห็นว่า มาถูกทางแล้ว พร้อมคัดค้านแนวคิด นครรัฐปัตตานี และการนิรโทษกรรมผู้ก่อเหตุ

ส่วน บิ๊กตุ้ย พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. ที่ก็ยกหูหา พล.อ.โปล ซาเรือน ผบ.สส.กัมพูชา อยู่เนืองๆ เพราะเขาผู้นี้ก็ถือเป็นสายตรงของ สมเด็จฮุน เซน ที่ตั้งขึ้นมาแทน พล.อ.แก กิม ยาน ที่นั่งมานาน และถูกปลดไปด้วยข้อหา ถูกไทยกลืน



แต่ พล.อ.เตีย บันห์ อยู่ยงคงกระพันมานานกว่าสิบปี เพราะ สมเด็จฮุน เซน ต้องการให้เป็นผู้ประสานกับทหารไทย โดยมั่นใจว่าเขาไม่มีวันจะถูกไทยกลืน ต่อให้เป็นคนไทยเกาะกงก็ตาม

เมื่อกัมพูชาจับกุม นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทย ในข้อหาจารกรรมตารางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ในระหว่างที่มาเยือนพนมเปญ เมื่อ 10-14 พฤศจิกายน ท่ามกลางการลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต ทั้งการเรียกทูตไทยกลับ ส่วนกัมพูชาก็ขับเลขานุการทูตไทยออกจากพนมเปญ

โทรศัพท์มือถือของ พล.อ.เตีย บันห์ ก็ดังระงม โดยที่ต้นทางมาจากบิ๊กๆ ทหารไทยทั้งสิ้น แม้แต่ พล.อ.ประวิตร ที่พยายามวอนขอให้มีการปล่อยตัววิศวกรไทย



"ผมบอกกับผู้ใหญ่หลายคนที่โทร.มาเลยว่า ผมช่วยไม่ได้ เพราะคนทำผิดจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย จะปล่อยไปเฉยๆ ไม่ได้ เขมรมีกฎหมาย ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน" พล.อ.เตีย บันห์ กล่าว

ด้วยเพราะหน่วยข่าวกรองของ พล.อ.เตีย บันห์ ยืนยันว่า วิศวกรไทยรายนี้ จารกรรมตารางการบินจริง และเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ปลอดภัย จึงได้เปลี่ยนเครื่องบินตอนขากลับให้ใหม่ ในฐานะเจ้าที่ พล.อ.เตีย บันห์ เองก็เป็น ส.ส. ของ จ.เสียมราฐ



พล.อ.เตีย บันห์ นั้นคุมทหารทั้งกองทัพ รวมทั้งหน่วยการข่าว และทีม รปภ.วีไอพีทั้งหมด ซึ่งก็ล้วนเคยถูกส่งมาฝึกที่ศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) ของ บก.กองทัพไทย มาแล้วทั้งสิ้น นอกเหนือจากกองกำลังส่วนตัวของ สมเด็จฮุน เซน



วันนี้ ตั้งแต่พนมเปญ จนถึงเกาะกง ผลประโยชน์ต่างๆ ตกอยู่ในมือของนักธุรกิจสาย สมเด็จฮุน เซน ทั้งสิ้น ทั้งผู้ผูกขาดบุหรี่และเหล้านอก และเจ้าของกาสิโนหลายแห่ง ที่ปอยเปต และเกาะกง อย่าง นายก๊กอาน และ นายพัด สุภาภา

ไม่นับการเดินเกมการเมืองระหว่างประเทศที่แยบยลและเหนือชั้นของ สมเด็จฮุน เซน ที่ใช้แผน โลกล้อมประเทศไทย เช่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และ พล.อ.ชวลิต ในทางทหาร ฮุน เซน รบมาทั้งชีวิต และหากรบเขมรจะไม่รบโดยลำพังแน่



ศึกสยามเหลืองกับขแมร์กะฮอม ครั้งนี้ จึงใหญ่หลวง จนสุดคาดเดาว่า นายอภิสิทธิ์ และผู้นำทหารไทย จะคุมเกมไม่ให้บานปลาย และจบอย่างไร...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น