
มติชน : “อภิสิทธิ์”ชี้โครงการต้นกล้าอาชีพ แค่งานเฉพาะกิจ หนุน”กอร์ปศักดิ์”ยุติโครงการ เฟส2 โยนให้ ก.แรงงานไปทำต่อ ผอ.โครงการเผย”กนก”กุนซือนายกฯอยากให้เดินหน้าต่อ เน้นเพิ่มศักยภาพแรงงานรับ ศก.ฟื้น รวมทั้งช่วยคนพิการ-วินมอเตอร์ไซค์ มีอาชีพใหม่ ยันไร้ปัญหาทุจริต
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงกรณีที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ออกมาระบุว่า จะยกเลิกโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงาน เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน หรือ โครงการต้นกล้าอาชีพ เฟส 2 ว่า กำลังคุยกับนายกอร์ปศักดิ์อยู่ คิดว่าวัตถุประสงค์ของโครงการจริงๆ เหมือนเป็นโครงการเฉพาะกิจ แนวที่ทำมาสามารถต่อยอดได้ ถ้าจะทำต่อก็ควรไปที่หน่วยงานปกติคือกระทรวงแรงงาน ไม่ควรเป็นโครงการเฉพาะและตั้งอยู่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะไม่อนุมัติงบประมาณโครงการต้นกล้าอาชีพ เฟส 2 อีก 7.4 พันล้านบาทแล้วใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า มอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องไปสรุปตัวเลขต่างๆ มาว่า สิ่งที่ดำเนินการไปแล้ว และงบฯที่ค้างอยู่เป็นอย่างไร ยอมรับว่ายังมีปัญหาเรื่องการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบฯในโครงการต้นกล้าอาชีพอยู่ เพราะส่วนใหญ่เป็นการโอนเงินไปที่หน่วยบริการ จากนั้น หน่วยบริการต้องโอนเงินต่อไปอีกที
“ผมกำลังให้เขาสรุปมาว่า ตกลงจะทำถึงเมื่อไหร่ จะหยุดเลย หรือถ้าคิดว่า มีงานบางส่วนที่ทำมาแล้ว และมีเสียงสะท้อนในทางที่ดี อยากให้มีโครงการในลักษณะนี้อีก ซึ่งผมมีความเห็นว่าถ้าเป็นงานประจำ ก็ควรโอนไปให้หน่วยปกติทำ ไม่เช่นนั้นในอนาคตเราจะมีโครงการที่เกิดขึ้นแล้วมาอยู่ที่สำนักนายกฯ หรือสำนักต่างๆ มากมาย” นายอภิสิทธิ์กล่าว
ด้านนายโสภณ อัศวานุชิต ผู้อำนวยการโครงการต้นกล้าอาชีพ กล่าวว่า นายกอร์ปศักดิ์ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารโครงการต้นกล้าอาชีพ ได้แจ้งให้ตนทราบก่อนหน้านี้แล้ว ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว จำนวนผู้ว่างงานลดลงจนเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมีโครงการนี้ต่อไป โดยย้ำว่าเงินที่นำมาใช้ เป็นเงินกู้ การใช้จ่ายต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุด ขณะนี้รัฐบาลมีงานหลายเรื่องที่ต้องรีบดูแล โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหานิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ที่ต้องใช้งบฯในการแก้ไขปัญหาค่อนข้างมาก นอกจากนี้ ปัจจุบันมีหลายโรงงานเริ่มมีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาแล้ว ต้องการแรงงานจำนวนมาก หากโครงการต้นกล้าอาชีพ ยังเปิดต่อไป จะไปดึงแรงงานส่วนนี้ ไม่ให้กลับไปทำงานในโรงงานต่างๆ ได้
“นายกอร์ปศักดิ์ยังย้ำด้วยว่า การดำเนินงานโครงการต้นกล้าอาชีพในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกอบรมต้นกล้าปกติ การฝึกอบรมต้นกล้าพิเศษ อาทิ ผู้สอบบัญชีกองทุนหมู่บ้าน จำนวน 4,000 คน ต้นกล้านักฟุตบอลอาชีพ 3,750 คน และการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่สำรวจข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ จำนวน 60,000 คน ขอให้ใช้จ่ายเงินจากงบฯเดิมที่ตั้งไว้ 6.9 พันล้านบาท ที่เหลืออยู่อีก 2 พันกว่าล้านไปก่อน อย่าเพิ่งไปแตะต้องงบฯในส่วนการดำเนินงานระยะที่ 2 ในช่วงปี 2553 ที่ตั้งไว้ 6 พันกว่าล้านบาท แม้ว่า ครม.จะเห็นชอบไว้แล้วก็ตาม”นายโสภณกล่าว
นายโสภณกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม แม้นายกอร์ปศักดิ์จะมีนโยบายชัดเจนว่าไม่ต้องการทำโครงการนี้ ต่อไป แต่เรื่องนี้คงจะต้องหารือในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการ ในวันที่ 3 ธันวาคมนี้อีกครั้ง ว่าผลจะเป็นอย่างไร เพราะมีคณะกรรมการหลายคน อยากจะให้รัฐบาลดำเนินงานโครงการนี้ต่อไป แต่ปรับปรุงรูปแบบการดำเนินงานใหม่ จากการชะลอเลิกจ้าง มาเป็นการเพิ่มศักยภาพและทักษะการทำงานของแรงงานให้มากขึ้น เน้นเรื่องคุณภาพเป็นหลักไม่ให้เน้นเรื่องปริมาณเหมือนเดิม
“ทราบว่า นายกนก วงษ์ตระหง่าน ที่ปรึกษานายกฯ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการโครงการนี้ก็อยากให้ดำเนินการต่อ เพราะเห็นว่าโครงการต้นกล้าอาชีพประสบความสำเร็จอย่างมาก ยิ่งช่วงที่เศรษฐกิจประเทศกำลังฟื้นตัว รัฐบาลควรใช้โอกาสนี้ ฝึกอบรมเพิ่มศักยภาพแรงงานให้ดีขึ้น เพื่อยกระดับการแข่งขันกับต่างประเทศ ส่วนผมก็สนับสนุนให้มีต่อไป แต่อาจปรับรูปแบบมาเป็นการฝึกอบรมแรงงานที่ด้อยโอกาส เช่น คนพิการ วินมอเตอร์ไซค์ และคนด้อยโอกาสทางการศึกษา ให้มีทักษะการทำงาน นำไปใช้ประกอบอาชีพได้ดีขึ้น” นายโสภณกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าสาเหตุที่ต้องยกเลิกเพราะการดำเนินงานมีปัญหาความไม่ชอบมาพากลมาก นายโสภณกล่าวว่า ไม่เป็นความจริง การดำเนินงานที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก และเห็นเป็นรูปธรรมมากกว่าโครงการอื่น เห็นได้จากจำนวนผู้สมัครเข้าร่วมโครงการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงเดือนพฤศจิกายนมีคนแจ้งความจำนงสมัครเข้าร่วมโครงการมากเป็นประวัติการณ์ถึงหลักแสนคน สาเหตุที่คนสมัครเป็นจำนวนมาก คงเป็นเพราะเห็นตัวอย่างของผู้ที่ฝึกอบรมและไปประกอบอาชีพได้จริง เลยไปพูดกันปากต่อปาก ทั้งที่งบฯประชาสัมพันธ์โครงการใช้น้อยมาก
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ยืนยันว่าการดำเนินงานโครงการต้นกล้าอาชีพที่ผ่านมาไม่มีปัญหาการทุจริต นายโสภณ กล่าวว่า ตนคงไปรับประกันอะไรแบบนั้นไม่ได้ แต่ถ้าจะมีก็มีน้อยมาก และเป็นเพียงแค่ปัญหาในระดับปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ โดยรูปแบบปัญหาที่พบก็มีหลากหลาย เช่น การลงชื่อเข้าฝึกอบรมแทนกัน แต่ก็มีไม่มาก ตนมองว่าเป็นเรื่องปกติ นอกจากนี้ ก็มีปัญหาเรื่องจุดฝึกอบรมต่างๆ ที่แจ้งจำนวนผู้เข้ารับอบรมไม่สอดคล้องกับขนาดของจุดฝึกอบรม รวมถึงหลักฐานการเบิกจ่ายที่ไม่ครบถ้วน แต่ปัญหาเหลานี้มีไม่มาก และที่ผ่านมาสำนักงาน ก็ควบคุมอย่างเข้มงวดตลอดเวลา หากพบอะไรผิดสังเกตก็สั่งระงับการเบิกจ่ายเงินทันที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น