--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2552

10 ข่าวเด่นกองทัพ ‘ปีฉลู’


ที่มา:บางกอกทูเดย์
ในรอบปี 2552 เหตุการณ์บ้านเมืองมีหลากหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งของนักการเมืองที่ยังไม่ยอมปล่อยวางจากอำนาจอันหอมหวานขณะเดียวกัน “กองทัพ” ในฐานะกำลังหลักที่ปกป้องประเทศชาติในรอบปีก็ออกมาแสดงบทบาทมากกว่าทุกครั้ง ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในกองทัพ “บางกอกทูเดย์” ได้จัดอันดับ ข่าวเด่นที่เกิดขึ้นในกองทัพมาส่งท้ายปี

อันดับที่ 1 ย้อนเกล็ด “ลับ ลวง พราง”
เมื่อนักข่าวสาว สายทหาร “วาสนา นาน่วม” เปิดเผยบทสัมภาษณ์ “ขิงแก่” พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรี ที่บอกว่า พล.อ.สุรยุทธ์ พร้อมเป็นคนกลางในการเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรข่าวนี้ได้สร้างความฮือฮาอย่างมากในสังคมที่อยู่ดีๆ “บิ๊กแอ๊ด” จะอาสาเคลียร์ทุกเรื่องกับ “ทักษิณ” ซึ่งฝ่าย “ทักษิณ” ก็เสนอ3 เงื่อนไขหากมีการเจรจาทั้ง “เสนอให้รัฐบาลยุบสภา –นำรัฐธรรมนูญปี 2540 กลับมาใช้เลือกตั้งใหม่ทุกฝ่ายทุกสีต้องให้สัตยาบันร่วมกันว่าต้องยอมรับผลการเลือกตั้ง และไม่ไปดำเนินการใดๆ นอกสภา”แต่ข้อเสนอทั้งหมดยังไม่ทันจะได้พูดคุยระหว่างฝ่ายค้านกับรัฐบาล “บิ๊กแอ๊ด” ก็ออกมาเบรกข่าวทั้งหมดว่า “ไม่เคยพูด”ที่จะเป็นตัวกลางเจรจากับ “ทักษิณ” แถมยังมีประเด็นใหม่เกิดตามมาคือ “นักข่าว” มั่วเอง และยังทิ้งปมให้นักข่าวสาวว่าเธอไม่ใช่คนเดิมสุดท้าย “วาสนา นาน่วม” ต้องออกมายอมเป็นกระโถนให้“บิ๊กแอ๊ด” เพราะเธอเข้าใจว่างานนี้ “บิ๊กแอ๊ด” คงโดนผู้ใหญ่อัดมาเยอะเช่นกันข่าวนี้จึงถูกจัดให้เป็นอันดับหนึ่งของข่าวสาร จากสายทหารในรอบปี

ส่วนอันดับที่ 2 ต้องยกให้ข่าวนี้ “ผู้ทรงคุณ วุฒิชน ผบ.ทบ.”
ศึกภายในรั้วแดง กำแพงเหลือง ระหว่าง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผลผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.งานนี้ เสธ.แดง สวมบทฮาร์ดคอร์ ทันทีที่ถูก ทบ.ตั้งกรรมการสอบวินัย ที่หนีราชการไปพบ “ทักษิณ” ที่กัมพูชา และเข้ามาเคลื่อนไหวทางการเมือง ด้วยการนำอดีตทหารพรานมาเป็น การ์ดให้กับกลุ่มเสื้อแดงที่ชุมนุมเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.2552เสธ.แดง ถึงขั้นลมออกหู จนฟิวขาดออกมาสับ “บิ๊กป๊อก” จนเละว่า “กูทำอะไรมึง” กลายเป็นวิวาทะก่อนที่เรื่องจะหายไปเมื่อเรื่องถูกส่งให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดย ทบ.เสนอให้ปลดเสธ.แดง ออกจากราชการขณะที่ เสธ.แดงยังสร้างสงครามประสาทออกมาโจมตี ผบ.ทบ.และยื่นเรื่องกรมพระธรรมนูญเอาผิด ผบ.ทบ.ที่ออกทีวีกดดันนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เมื่อครั้งเป็นนายกฯ ลาออกจากตำแหน่งข่าวนี้จึงมาแรงไม่แพ้ข่าวอันดับที่ 1

มาที่อันดับที่ 3 “ทหารคุมเข้มสงกรานต์เลือด”
ข่าวที่คนไทยทุกคนไม่อาจลืมได้ เพราะเหตุการณ์ “ทหารถือปืน”และ คนเสื้อแดง ออกมาเผารถเมล์กลางถนน ในวันสงกรานต์จนรัฐบาลต้องออกมาประกาศใช้ “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” เพื่อควบคุมสถานการณ์เหตุการณ์ครั้้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องจากกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงบุกที่ประชุมอาเซียน ที่พัทยาจนต้องยกเลิกการประชุม รวมทั้งเหตุการณ์ที่คนเสื้อแดงบุกทุบรถนายกรัฐมนตรี ในกระทรวงมหาดไทยแต่เพียง 1 วันหลังจากทหารออกมาควบคุมสถานการณ์เหตุการณ์ก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ เมื่อแกนนำประกาศขอเข้ามอบตัว และ ยอมสลายการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลไม่เพียงแค่ภาพความรุนแรงที่ปรากฏออกมาจะเป็นประเด็นทางการเมือง ยังมีอาฟเตอร์ช็อคเมื่อ นายจตุพร พรหมพันธุ์แกนนำคนเสื้อแดง ออกมาแฉว่า “ทหารฆ่าประชาชน” และนำศพไปทิ้งแถว จ.ลพบุรีจนกองทัพต้องออกมาชี้แจงว่า ไม่มีใครเสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่ทหารออกมา และกระสุนที่ใช้เป็นกระสุนที่ใช้ในการฝึกซ้อมเรื่องนี้ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอีกว่า ที่สุดแล้วใครที่โกหกคำโตกันแน่ระหว่าง “คนเสื้อแดง” กับ “กองทัพ”

มาที่อันดับที่ 4 “พ.ร.บ.ความมั่นคง อาวุธลับกองทัพ-รัฐบาล”
เป็น พ.ร.บ.ที่ถูกประกาศใช้มากที่สุดในรอบปี เพราะทุกครั้งที่มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงรัฐบาลจะเลือกใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงในพื้นที่เขตการชุมนุมทั้งในพื้นที่เขตดุสิตและบริเวณโดยรอบ ซึ่งการประกาศใช้ทุกครั้งได้ผลเป็นอย่างดี การชุมนุมในแต่ละครั้งผ่านพ้นไปได้ด้วยดีจนทำให้รัฐบาลถูกมองว่ามี พ.ร.บ.ความมั่นคงไว้ปราบม็อบ

ส่วนอันดับที่ 5 “ซื้อใจหมื่นล้าน”
เมื่อ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รอง นายกฯด้านความมั่นคง นั่งหัวโต๊ะประชุม ครม.แทนนายกรัฐมนตรีที่ติดภารกิจ ประชุมสมัชชาสหประชาติ ณ นครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ไฟเขียวงบจัดซื้ออาวุธล็อตใหญ่ วงเงินหลายหมื่นล้านบาท ทั้งงบจัดซื้อจัดหาเฮลิคอปเตอร์ซีฮอร์ก ปราบเรือดำนํ้า จัดหาปืนเล็กยาว ขนาด 5.56 มิลลิเมตรของ ทบ. อนุมัติงบ สำหรับจัดหาอุปกรณ์ควบคุมฝูงชน เป็นต้นซึ่งงานนี้ถูกมองว่าเป็นการ “ซื้อใจ” กองทัพ ที่เข้ามาคํ้ายันเก้าอี้รัฐบาลชุดนี้ให้อยู่ไปตลอดรอดฝั่งข่าวคราวที่เกิดขึ้นในรอบปี

อันดับที่ 6 “นครปัตตานีประเด็นร้อนแห่งปี”
การออกมาเปิดประเด็นแก้ปัญหาความไม่สงบของ“พ่อใหญ่จิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทยด้วยแนวคิดจัดตั้ง “นครปัตตานี” ในรูปแบบเขตปกครองพิเศษเป็นที่จับตามองจากหลายฝ่ายว่าแนวคิดหวังผลทางการเมืองหรือไม่ หรือ แค่สร้างกระแสดิสเครดิตรัฐบาลเรื่อง “พ่อใหญ่” ออกมายืนยันว่า ต้องการสร้างความสงบให้เกิดขึ้นในภาคใต้ เพราะมองดูแนวทางแก้ปัญหาภาคใต้ของรัฐบาลแล้วยังไม่ถูกทาง อย่างที่รัฐบาลบอกมาแน่นอนว่าเรื่องนี้ “รัฐบาล” ได้ตีเจตนาของ “พ่อใหญ่จิ๋ว”ไปในทางหวังผลทางการเมือง มากกว่าจะออกมาสร้างบ้านแปลงเมืองทำให้แนวคิดนี้ยังอยู่บนหิ้ง ไม่สามารถนำมาปฏิบัติได้จริง

อันดับที่ 7 “ศึกเขาพระวิหาร”
เป็นมหากาพย์ของทั้ง ไทยและกัมพูชา ที่ต้องมาเผชิญหน้ากันเพื่อรักษาอธิปไตย เมื่อเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองส่งผลให้สถานการณ์แนวชายแดนไทยกัมพูชา กลับมาปะทุอีกครั้งเมื่อทหารพรานเหยียบกับระเบิด เสียชีวิต 1 นาย บนภูมะเขือ ระหว่างเดินลาดตระเวน ซึ่งไทยเชื่อว่าเป็นกับระเบิดที่กัมพูชาวางไว้ ทั้งๆ ที่มีอนุสัญญาที่เลิกวางกับระเบิดไปแล้วจากนั้นทั้ง 2 ฝ่าย ต่างเสริมกำลังตามแนวชายแดนพร้อมขนอาวุธหนัก รอคำสั่งหากมีการปะทะอีกรอบ แต่ระหว่างที่ทหารทั้ง 2 ฝ่าย ตรึงกำลังแนวชายแดนนั้น สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นในฝั่งไทยเมื่อม็อบพันธมิตรฯ บุกทวงคืนปราสาทเขาพระวิหารจากกัมพูชา ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียด ทำให้เกิดการปะทะกับชาวบ้าน บ้านภูมิซรอล อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษผลปรากฏว่า ทั้งม็อบและชาวบ้าน บาดเจ็บหัวร้างข้างแตกกันไปหลายรายขณะที่ชาวกัมพูชา นั่งมองคนไทยตีกันเอง!จากเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา ขยายผลมาถึงการจับกุมวิศวกรชาวไทย ที่ถูกกระทรวงต่างประเทศล้วงข้อมูลตารางการบิน พ.ต.ท.ทักษิณ หลังจากที่รัฐบาลไทยลดความสัมพันธ์ทางการทูต ด้วยการส่งเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยกลับกัมพูชาก่อนที่วิศวกรชาวไทยจะได้รับการพระราชทาน “อภัยโทษ”โดยการประสานจาก พล.อ.ชวลิต ที่ส่งหนังสือขออภัยโทษจากสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา จนถูกมองว่ามีการจัดฉาก หรือไม่

อันดับที่ 8 เป็นข่าวที่สืบเนื่องมาจากข่าวอันดับที่ 7
นั้นคือ “ไทยยกเลิกเอ็มโอยูกัมพูชา”หลังรัฐบาลกัมพูชา แต่งตั้งให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจให้กับ สมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาและไทยได้ลดความสัมพันธ์ทางการทูตไปแล้วมาตรการต่อมาที่รัฐบาลหยิบมาใช้คือ การยกเลิก บันทึกความเข้าใจ หรือ เอ็มโอยู ระหว่างรัฐบาลไทย-กัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่อ้างสิทธิ์ในพื้นที่ทับซ้อนบริเวณอ่าวไทย ฉบับวันที่ 18 มิถุนายน2544 บนเนื้อที่ 2.6 หมื่นตารางกิโลเมตรมาตรการดังกล่าวยิ่งส่งผลให้สถานการณ์แนวชายแดนตึงเครียดมากขึ้น

อันดับที่ 9 “บิ๊กบังเล่นการเมืองไม่ ลับ ลวง พราง”
หลังซุ่มอยู่หลังฉากมาสักพัก ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เพื่อมาเล่นการเมืองอย่างเต็มตัวของ “บิ๊กบัง”พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีต ผบ.ทบ. และประธาน คมช.ที่เหมือนหัวเรือใหญ่ที่เตรียมนำทัพ พรรคมาตุภูมิ เข้าสู่เส้นทางการเมือง09.20 น. วันที่ 18 พ.ย. เป็นฤกษ์งามยามดีที่ พรรคมาตุภูมิลั่นกลองรบเปิดตัวแม่ทัพ อย่างเป็นทางการ โดย พล.อ.สนธิยอมรับว่าการเข้ามาร่วมงานกับพรรคการเมืองอย่างพรรคมาตุภูมิเป็นเพราะพรรคมาตุภูมิ มีนโยบายที่เป็นกลางการออกมาประกาศเล่นการเมืองของ “บิ๊กบัง” อาจไม่เกินความคาดหมาย แต่สิ่งที่ทุกฝ่ายจับตาคือ อนาคตทางการเมืองของ “บิ๊กบัง” ในบทบาทหัวหน้าพรรคการเมือง จะไปได้ถึงฝั่งฝันหรือไม่ เป็นสิ่งที่สังคมกำลังจับตา

อันดับสุดท้ายอันที่ 10 “แห่ชมบินธันเดอร์เบิร์ด”
เป็นภาพของความสุขของคนไทย ที่ได้ชมการแสดงของฝูงบิน“ธันเดอร์เบิร์ด” ที่เปิดการแสดง ณ สนามบินดอนเมืองซึ่งการแสดงครั้งนี้ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนเป็นจำนวนมากที่เข้าชม จนทำให้รถติดยาวหลายสิบกิโลเมตร รวมถึงบนทางยกระดับโทลล์เวย์ที่ประชาชนหยุดรถเพื่อชมการแสดง ส่งผลให้การจราจรติดหนักเป็นประวัติการณ์ขณะที่ประชาชนที่เข้าชมต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าการแสดงชุดนี้ตื่นเต้นและสนุกมาก ทำให้กองทัพอากาศไทยยิ้มแก้มปริ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น