--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2552

จักภพ เพ็ญแข : ลุงชัย ไปกัมพูชา



โดย คุณจักรภพ เพ็ญแข
ที่มา คอลัมน์ สายตาโลก

นสพ.“แนวร่วม Red”4 สิงหาคม 2552

ไม่ทราบว่า เป็นข่าวมากน้อยขนาดไหนในเมืองไทย แต่การเดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการของประธานรัฐสภาไทย นายชัย ชิดชอบ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามหลังไม่น้อยในหมู่นักการทูตอาเซียน
ต่างก็ตีความว่า นี่เป็นสัญญาณประเภทไหน ต่อสถานการณ์การเมืองไทยที่ผันผวน

จนเพื่อนร่วมประชาคมวิเคราะห์ไม่ออก บอกไม่ได้แล้วว่า จะเป็นอย่างไรต่อไปตำแหน่งประธานรัฐสภา มีความสำคัญและมีความหมายมากในระบอบประชาธิปไตย

โดยเฉพาะตีคู่มากับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรอย่างของลุงชัยแล้ว ก็ถือกันว่าสลักสำคัญตำแหน่งขนาดนี้ จะไปเยี่ยมเยือนบ้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นครั้งคราว ก็ไม่ถือว่าแปลกประหลาด และออกจะเสริมทางพระราชไมตรีดีอยู่แต่เสียงกระซิบกระซาบที่ล่องลอยไปในหลายๆ ประเทศอาเซียน เขาไม่ได้พูดกันในประเด็นนั้นเขาพูดว่า ลุงชัยมาเยือนครั้งนี้ เพื่อเตรียมการอะไรบางอย่างให้กับลูกชายหัวแก้วหัวแหวน

ที่มีความสำคัญต่อความอยู่รอดของรัฐบาลไทยชุดนี้ ลูกชายคนที่ชื่อเนวิน และกำลังรอฟังคำพิพากษาของศาล ในวันที่ ๗ สิงหาคม ที่จะถึงนี่ล่ะครับคดีที่คุณเนวินเผชิญอยู่นั้น เป็นข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการฉ้อราษฎร์บังหลวง ในการจัดซื้อกล้ายาง ด้วยงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในสมัยที่ลูกชายลุงชัย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการอยู่ในกระทรวงนั้นอยู่หลายปีบริษัทที่พัวพันไปถึง คือยักษ์ใหญ่ในวงการที่ค่ายการเมืองรู้จักกันทั้งนั้น

นั่นคือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี ผู้เลื่องชื่อถ้าพบว่าผิด คุณเนวิน ชิดชอบ จะมีคุกตะรางมารออยู่ถึง ๑๐ ปีเต็มๆคดีกล้ายางนี้ ออกจะเป็นเรื่องประหลาด หากทบทวนความจำให้ดี หลายท่านจะจำได้ว่า เมื่อเกิดรัฐประหารในวันอังคารที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เพื่อล้มรัฐบาลทักษิณนั้น ชื่อคุณเนวิน ถูกจุดโพลงขึ้น คู่กับคำว่า กล้ายางเป็นชื่อแรกๆ ก่อนข้อกล่าวหาทั้งปวงของตัวคุณทักษิณเองด้วยซ้ำไป นัยว่า คนที่เป็น “นักรบ”

คนสำคัญของฝ่ายทักษิณ อย่างคุณเนวิน คงจะต้องกลายเป็นเหยื่อรายแรกๆ ของฝ่ายอำมาตยาธิปไตยแต่แล้ว เรื่องก็แผ่วบาง จนหายสาบสูญไป พร้อมกับ “ข่าวลือ” ว่า คุณเนวินเปลี่ยนข้างย้ายพรรค และย้ายพวก เมื่อเวลาผ่านไปสี่เดือน โดยไม่มีการติดต่อใดๆ ระหว่างสามีภรรยาฝ่ายประชาธิปไตย กับตัวคุณเนวิน ข่าวลือที่ว่า ก็เริ่มจริงขึ้นโดยลำดับจนเมื่อคุณเนวิน ต้อนรับคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ถึงบ้าน และสวมกอดว่าที่นายกรัฐมนตรีอย่างหวานชื่นเป็นที่สุด ต่อหน้ากล้องและผู้สื่อข่าวหมู่ใหญ่

จนเป็นข่าวไปทั่วแล้วคุณเนวิน ก็กลายเป็นนักการเมืองที่สะอาดบริสุทธิ์ขึ้นมาทันตาเห็น ไม่เสี่ยงภัยต่อการถูกกล่าวโทษแบบวันต่อวัน หรือเดือนต่อเดือนอีกต่อไป เกิด เนวิน ชิดชอบคนใหม่ ที่ไม่เป็นเหยื่อ แต่ออกล่าเหยื่ออย่างเข้มข้นเพื่อให้นายที่อยู่เหนือขึ้นไปพอใจว่า ย้ายข้างอย่างหมดจดชนิดเก็บทุกเม็ดการเอาใจเขา ด้วยการให้ประโยชน์ยังไม่พอ ต้องสังหารผู้นำของฝ่ายที่ตนเคยสังกัดอย่างชนิดฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และต้องทำลายชื่อเสียงความนิยมที่ผู้นำคนเดิมเขามีอยู่ ให้หมดสิ้นไปด้วย ไม่ทำอย่างนั้น สถานะของเขาในโลกใบใหม่

จะขาดความแน่นอนปัญหาคือ เมื่อรู้สึกว่าทุกอย่างนิ่งลงแล้ว ความแน่นอนมีมากขึ้นในบรรยากาศแล้ว คุณเนวิน ซึ่งบัดนี้มีพรรคภูมิใจไทยเป็นเครื่องมือใหม่ ที่กินจุ และต้องเติมน้ำมันมากตลอดเวลา ก็เร่งปฏิกิริยาเคมีทางการเมือง จนออกมาเป็นโครงการรถเมล์ ๔,๐๐๐ คัน ของกระทรวงคมนาคมแทบทุกคนในวงการเมือง และภายนอก ต่างเห็นว่า เป็นเรื่องที่คุณเนวินต้องได้โดยฉลุย และไม่มีปัญหาใดๆ พรรคการเมืองและผู้สมัคร ก็เริ่มคำนวณกันว่า งบลงทุนสำหรับการเลือกตั้งของค่ายคุณเนวิน จะมากหรือน้อยกว่าคนอื่นๆ

โดยเฉพาะคนที่ตัวกำลังสังกัดอยู่ด้วย และก็ตามมา ด้วยการย้ายพรรคแยกพวก ตามประสาสัตว์โลก นี่ยังไม่รวมอีกประมาณ ๘๐ โครงการ ที่มีจุดประสงค์ทางการเมืองอย่างเดียวกันไม่ผิดเพี้ยนแต่แล้ว ผู้สังเกตการณ์ก็ต้องประหลาดใจ เมื่อรู้ว่าเจ้าของโครงการรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เขาไม่ได้รู้สึกว่า ต้องตามใจคุณเนวินถึงขนาดนั้น ชะรอยจะคิดว่า หลอกเนวินมาฆ่าทักษิณแล้ว ก็ฆ่าเนวินอีกต่อหรืออย่างไรก็ไม่รู้ได้ เพราะความคิดบาปกรรมระดับระบอบแบบนี้ ผมไม่มีปัญญาความสามารถที่จะคิดถึงและเมื่อ

สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ ทั้งความไม่เอาอ่าวของรัฐบาล ที่มีพรรคประชาธิปัตย์ถือธงนำ สภาพการระบาดของไข้หวัดพันธุ์ใหม่ ที่ความกะล่อนของวิถีการเมืองแบบประชาธิปัตย์ ไม่อาจดูแลได้ เศรษฐกิจที่ผอมลงไปจนเหลือแต่กระดูก รวมทั้งรายได้จากการท่องเที่ยว ที่ลดลงฮวบฮาบ กว่า ๑ ใน ๓ และความขัดแย้งแย่งเศษเนื้อ ของคนในฝ่ายรัฐบาลคนที่กุมบังเหียนอยู่ข้างหลัง เขาก็อ่านได้ว่า แบบนี้ไม่นานนัก วิกฤติการเมืองก็จะลามมาจนถึงตัวเขา เขาก็ต้องตัดเชือกหรือตัดวงจรนั้นเสีย คดีกล้ายางของคุณเนวิน ก็ไหลกลับเข้ามาสู่ความรับรู้สาธารณะในจังหวะเดียวกันนั่นล่ะครับจะเรียกว่ากรรมเวรอย่างไร

ผมก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน แต่ตัวคุณเนวินเป็นคนประเภทที่มีสัญชาติญาณในการเอาตัวรอดสูง การที่จะเดินทระนงองอาจไปเข้าคุก โดยเสี่ยงกับการสูญเสียทุกอย่างในทางการเมือง เพราะตัวติดคุกแล้ว ก็คงถูกจำกัดทางจนแทบจะทำอะไรไม่ได้ และอาจสูญเสียพรรคให้คุณอนุทิน ชาญวีรกูล หรือใครต่อใครนั้น

ไม่ใช่สิ่งที่นักการเมืองคนนี้จะเลือกแน่ถ้าเจรจานอกรอบไม่สำเร็จ และเลือดรัฐบาลยังไหลออกจากตัวมากขึ้นทุกวัน คำพิพากษาของศาล ก็จะเป็นไปตามครรลองที่ไร้การบริหารจัดการจากฝ่ายคุณเนวิน และฝ่ายอำมาตย์เขาก็จะกำกับแทน โดยเอาประโยชน์สูงสุดทางการเมืองเป็นตัวตั้ง โดยเอาร่างของคุณเนวิน เป็นเครื่องมือในการซักล้างภาพลักษณ์ของตัวเอง เพื่อหลอกต้มประชาชนในฉากต่อไป และหาตัวละครใหม่มาเสี่ยงแทนตามกลเกมเดิมที่เล่นมาตลอดชีวิตของเขาทั้งหมดนี้ วงการทูตเขาเชื่อว่า เป็นแรงผลักดันสำคัญ ที่พาร่างอันชราของลุงชัย ชิดชอบ มาจนถึงกัมพูชา และเข้าพบสมเด็จนายกรัฐมนตรีของประเทศนั้น

โดยไม่ยอมพูดภาษาเขมรที่ลุงชัยเองก็พูดได้ แต่กลับผ่านล่ามแทนโดยตลอดด้วยเหตุผลคือ ฝ่ายโน้นเขาคงไม่ประสงค์จะรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมมากนัก เขาก็เอาภาษาอังกฤษมากั้นไว้เสียชั้นหนึ่ง เหมือนกำแพง คนเขาก็แปลความกันว่า ฝ่ายพนมเปญต้องรู้ดีทีเดียวว่า ลุงชัยมาหาทำไม และต้องการสิ่งใด ให้ตามที่ขอหรือไม่ เป็นเรื่องที่วงการทูตกำลังจับตากันอยู่การเมืองอันผันผวนของไทย ที่ทำให้คุณทักษิณและผู้สนับสนุนหลายคนมาลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ

ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอันใดแล้วแต่คดีความที่อาจทำให้คนอย่าง คุณเนวิน ชิดชอบ หรือแม้แต่ พลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ ต้องกระเซอะกระเซิงออกจากเมืองไทยมาตามเส้นทางสายเดียวกันในไม่ช้านั้น น่าจะเป็นเรื่องพิศวงที่สุดเรื่องหนึ่งของการเมืองใหม่ (สายพันธุ์เก่า)นี่คือคำพยากรณ์หรืออย่างไรว่า เมืองไทยกำลังไหลสู่สภาพที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดทางการเมือง ตามทฤษฎีรัฐศาสตร์โลกนั่นคือภาวะที่คาดการณ์ใดๆ ไม่ได้อีกต่อไป (state of unpredictability).

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น