--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2552

09-09-09 รหัสอุบาทว์ อำมาตย์ดัน "เฮียกวง"หุ่นเชิดตัวใหม่..


09-09-09รหัสอุบาทว์อำมาตย์ยึดประเทศ-เป็นปกล่าสุดของแนวร่วมREDที่จะออกวางแผงทั่วประเทศวันพรุ่งนี้ กล่าวถึงกลิ่นโชยอำมาตย์เลือกฤกษ์วันที่ 9 เดือน 9 ปี2009 ก่อรัฐประหาร

ตั้งหุ่นเชิดตัวใหม่ที่มา นิตยสารแนวร่วมRED รายสัปดาห์7 สิงหาคม 2552เป้าหมายปลายทางชีวิตของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรัฐมนตรีคลัง และรองนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลนายกทักษิณ ชินวัตร แม้จะยังไม่ชัดเจน แต่มีความเป็นไปได้ว่าตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” ยังเป็นที่หมายปองของเขาอยู่ ถึงจะบอกว่าไม่มีความทะเยอทะยานทางการเมืองก็ตามตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ทำให้ระยะห่างของเขากับนายกทักษิณ

ปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้น จนทำให้ความไว้เนื้อเชื่อใจในฐานะขุนพลเศรษฐกิจมือฉมังลดต่ำลงจนแทบเป็นศูนย์ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่หลายคนบอกว่าเขาจะได้เป็น ก็เพราะมีคนแบกใส่พานอุ้มชู และเป็นอีกครั้งที่ชื่อของ ดร.สมคิด อยู่ในกระแสข่าวลือท่วมตลาดหุ้นว่าเขาจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่จะถูกเชิดขึ้นมา หลังการทำปฏิวัติอีกครั้งในเร็ววันนี้ !หลัง 09-09-09 ข่าวลือจะเป็นจริงอย่างนั้นหรือ?..............................................................

การพูดถึงสมคิดในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเกิดขึ้นมาแล้วอย่างน้อย 2 ครั้ง หนึ่งนั้นคือเขาตกเป็นข่าวว่ารับอาสาเป็นแกนนำนำขุนพลทางการเมืองของพรรคไทยรักไทย 7-8 คน อาทิ สมศักดิ์ เทพสุทิน สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ฯลฯ พร้อมสถาปนาอำนาจรัฐใหม่

ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของนายกทักษิณ ซึ่งข่าวลือนี้เกิดขึ้นในช่วงปลายรัฐบาลนายกทักษิณที่ถูกกลุ่มพันธมิตรฯโหมโจมตีอย่างหนักว่ากันว่าความคิดจะสละเรือไทยรักไทย ไม่ขออยู่ภายใต้การคัดท้ายของนายท้ายเรือชื่อทักษิณของสมคิดและพวก เป็นเพราะเขาได้รับการร้องขอจากผู้มีบารมีคนหนึ่ง

โดยให้เจ้าของหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่คนหนึ่ง (ไม่ใช่ชัช เตาปูนแห่งสยามรัฐ) เป็นคนนำสมคิดเข้าพบ และพูดกันว่าสมคิดต้องมนต์ลมปากผู้มีบารมีคนนี้ จนพร้อมถูกตราหน้าว่าเป็น “กบฏ” กับนายกทักษิณ ผู้ซึ่งดึงเขาเข้ามาในวังวนการเมืองอย่างเต็มตัวส่วนอีกครั้งนั้นเกิดขึ้นหลังเขาตกเป็นผู้ถูกคุมขังทางการเมือง บ้านเลขที่ 111 โดยสมคิดได้รับการเชื้อเชิญจากรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ให้เป็นที่ปรึกษาทำหน้าที่

ประสานและกระชับความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจกับต่างประเทศ จนมีเสียงเอะอะโวยวายว่านักโทษทางการเมืองอย่างเขาจะเข้ารับตำแหน่งอะไรไม่ได้เป็นอันขาด จนเขาต้องประกาศถอนตัว เสียรังวัดไปอักโขว่ากันอีกล่ะว่าจริงๆแล้ว คมช.และรัฐบาลยุคนั้นไม่ได้คิดวางสมคิดไว้เป็นที่ปรึกษาแต่อย่างใด หากขอใช้เวลาเพื่อหาทางช่องทางล้างมลทินให้เขา

เพื่อที่จะเชิดขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงเสียงจริงแต่แล้วสมคิดก็มีอันต้องรับประทานแห้วทั้งสองรายการ !เขาเองบอกกับลูกศิษย์ลูกหาที่เป็นศิษย์เก่านิด้าว่า ในเส้นทางชีวิตทางการเมืองของเขาได้ตัดสินใจพลาดไป 2 ครั้ง ซึ่งก็คือเหตุการณ์ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเอง

อย่างไรก็ตามในอีกด้านหนึ่งก็มีเสียงพูดว่า รัฐบาลฤาษีเลี้ยงเต่าและ คมช.หาใช่ว่าจะเชื่อสมคิดได้สนิทใจ บางคนบอกว่าสมคิดไม่ได้เก่งจริง เค้าโครงความคิดในเรื่องประชานิยมต่างๆ ล้วนเป็นไอเดียสุดบรรเจิดของนายกทักษิณทั้งสิ้น โดยสมคิดเป็นเพียงผู้เก็บรายละเอียดมาเรียงร้อยให้เป็นระบบ นำไปสู่การอธิบายที่ทำให้คนเข้าใจได้ง่ายเท่านั้นมีการตั้งคำถามว่าสมคิดเป็นมือเศรษฐกิจหรือไม่ คำตอบคือ ใช่ !

แต่เป็นมือเศรษฐกิจของใคร ระหว่างมือเศรษฐกิจระดับบุคคล กลุ่มบุคคล กับระดับประเทศมองในทัศนะแบบไทยๆ ที่มิพ้นกรอบประเทศไทย กระแสการเมืองของนักการเมืองอาชีพ (คือมีอาชีพ Occupation เป็นนักการเมือง จรงกันข้ามกับมืออาชีพ Professional เพราะมืออาชีพทางการเมือง ในความหมายสากล หมายถึงผู้ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน สังคมและประเทศ ) มองสมคิดเป็นมือเศรษฐกิจระดับประเทศจุดขายของสมคิดที่พยายามยืนยันคือ เซียนการตลาดระดับโลก

โดยอาศัยอ้างอิงจากการเป็นผู้ร่วมเขียนหนังสือ New Competition หนังสือการตลาดกับฟิลลิป คอทเลอร์ ปรมาจารย์ทางการตลาดระดับโลกในประเด็นนี้ถามว่าสมคิดเป็นนักการตลาดระดับโลกหรือไม่ไทย

อาจบอกว่าใช่ แต่พอพ้นจากประเทศไทยแล้ว คำตอบควรอยู่ที่ปลายสุดขอบฟ้าเพราะอะไรในเชิงทฤษฎี สมคิดไม่เคยนำเสนอมุมมองใหม่ทางการตลาดที่แตกต่างไปจากคอทเลอร์ที่นำเสนอไว้ในความเป็นมือ

เศรษฐกิจของรัฐบาล สมคิดเข้าไปแตะระบบการเงินและการคลังของประเทศ เข้าไปล้วง Otop และครัวไทยสู่โลก โดยระดับวงในเยินยอยอมรับสมคิดในขอบเขตของมือปฏิบัติที่ดีตามนโยบายที่กำหนดแล้วถามว่ารัฐบาลที่ให้โอกาสสมคิดทำอย่างนั้นได้ ใคร คือ ผู้กำหนดนโยบายคำตอบก็คือ ทักษิณ ชินวัตรนั่นจึงเป็น

เหตุผลอย่างหนึ่งของการไม่ยอมรับแบบเต็มร้อยในตัวสมคิดของหลายๆคนอย่างไรก็ตามด้านหนึ่งมีเสียงพูดว่า สาเหตุที่สมคิดต้องถอนสมอจากการเป็นที่ปรึกษา เพราะไม่อยากเสียหมาซ้ำสอง !“ อาจารย์ยอมรับว่าเดินหมากพลาดไป แต่การที่ถอนสมอมาแต่ต้นๆ ก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน เพราะจะได้ไม่ต้องเข้าไปยุ่งวุ่นวายในเรื่องต่างๆ ให้รกสมอง “ลูกศิษย์คนหนึ่งของเขาบอกสมคิดนั้นมีภาพลักษณ์สดใส เป็นนักวิชาการระดับก้อนทองสมองเพชร เป็นนักวางกลยุทธ์ชาญฉลาด อ่อนน้อมถ่อมตนต่อทุกคน ทุกที่ จึงทำให้เป็นที่ยอมรับ ขับความเด่นของการเป็นนักบริหารที่มีความสามารถออกมาโดยปริยายเหตุที่เกิดขึ้นครั้งที่สองนี้ สมคิดได้บอกกับคนสนิทว่า เขาไม่ควรหลงเชื่อบางคน ยังดีไหวตัวทันและชิงลาออกเสียก่อน ไม่งั้นคงเกิดเรื่องวุ่นวายแน่นอน

ผมกล้าที่จะถอนตัวโดยไม่กลัวเสียหน้า ผมต้องการพิสูจน์ให้คนไทยได้เห็นว่า ณ วันนี้ความสมานฉันท์ในบ้านนี้เมืองนี้สำคัญกว่าอื่นใด ผมไม่โกรธเคืองใคร เพราะช่องทางที่จะทำงานให้บ้านเมืองนั้นมีมหาศาล “ เขากล่าวและชะรอยอาจต้องกล่าวซ้ำในลักษณะนี้อีกก็เป็นได้ หลังตกเป็นหนึ่งตัวเก็งนายกรัฐมนตรีคนต่อไปสองเหตุการณ์ที่กล่าวถึงนี้ บางคนสรุปว่า นี่คือก้าวที่พลาดมหันต์ทางการเมืองของสมคิด เพราะเขาตกอยู่หว่างเขาควาย ในลักษณะที่เรียกว่า หันซ้ายพันธมิตรฯก็ไม่รับ หันขวาก็น้ำตาตกใน เพราะจันทร์ส่องหล้า ชินวัตร และพลพรรคเพื่อไทยก็หวาดระแวง !แต่บางคนก็บอกว่า

ถ้าในเหตุการณ์ที่หนึ่ง สมคิดตัดสินใจเด็ดขาดร่วมกับกลุ่ม 7 ส.ปลดพันธนาการเป็นอิสระจากพรรคไทยรักไทย บางทีการปฏิวัติ 19 กันยา อาจไม่เกิดขึ้น ประเทศไทยไม่ต้องเดินเข้าสู่มุมอับสายตาต่างชาติ และบางทีในวันนั้นจะเป็นการเริ่มต้นนับหนึ่งของการก้าวไปสู่การเป็นนายกรัฐมนตรีของเขาก็เป็นได้ มิใช่ในวันนี้หรือในอนาคตที่ไม่รู้ว่าสมคิดจะต้องหลบก้อนหินก่อนก้าวสู่อำนาจหรือเปล่าหรือว่าการชะลอตัดสินใจเด็ดขาดรับข้อเสนอของฝ่ายอำมาตย์ในวันนั้นของสมคิด อาจเกิดขึ้นเป็นจริงหลังเขาตอบรับข้อเสนอที่ยากปฏิเสธหลังการปฏิวัติที่กำลังตกเป็นข่าวลือในปัจจุบันบางทีดีลที่กำลังจะเกิดขึ้น จะเป็นดีลที่ถูกใจสมคิดมากที่สุดก็เป็นได้ !

ทั้งนี้โดยไม่สนใจว่าครั้งหนึ่งเขาเคยอยู่ร่วมรัฐบาลที่ดำเนินนโยบายประชานิยมอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ก่อนจะหมุนตัวกลับมารับใช้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงได้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่ากิ้งก่าที่เปลี่ยนสีเพื่อรอจังหวะเขมือบตัวแมลงหรือไว้อำพรางศัตรูอย่างไรก็ตาม สมคิดบอกกับคนสนิทว่า เขาตกเป็นข่าวเข้าร่วมสังฆกรรมทางการเมืองกับกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ตลอดเวลา ทั้งๆที่จริงแล้วเขายังขอเวลาไม่คิดอะไรทั้งสิ้น เนื่องจากมองว่าลิเกยังไม่ได้ตั้งโรง จะรีบโหมออกแขกกันไปทำไม ?Step By Step ของนักวางกลยุทธ์ จะดำเนินไปอย่างไร ห้ามกะพริบตา ! หรือว่าบัญชีแค้นของคนรักทักษิณจะต้องเพิ่มชื่อของสมคิดเข้าไปด้วยอีกคน ?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น