โดย.ฐากูร บุนปาน
ก่อนจะพูดถึงเหตุการณ์เมืองไทย ขออนุญาตพาไปประเทศไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านเราอย่างบังกลาเทศ ที่มีคนบอกว่าสถานการณ์คลับคล้ายกัน
ที่นั่นจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อสุดสัปดาห์แรกของปี และมีพรรคการเมืองมากกว่า 20 พรรค รวมทั้งพรรคฝ่ายค้านใหญ่ที่สุด ประท้วงด้วยการไม่ลงรับสมัครเลือกตั้ง
ไม่ได้ประท้วงไม่ลงรับสมัครอย่างเดียว แต่ระดมประชาชนออกมาต่อต้านการเลือกตั้ง จนกระทั่งเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ และประชาชนกลุ่มที่สนับสนุนการเลือกตั้งด้วย
ตามรายงานบอกว่ามีผู้เสียชีวิตไปแล้วไม่น้อยกว่า 20 ราย บาดเจ็บอีกนับร้อย
ทำให้มีผู้ออกมาใช้สิทธิทั่วประเทศเพียงประมาณร้อยละ 26
และตามฟอร์ม ผู้ต่อต้านรัฐบาล ผู้ไม่ต้องการการเลือกตั้ง รวมทั้งพรรคฝ่ายค้านในเมืองไทย ออกมา "เตือนกึ่งขู่" รัฐบาล ผู้จัดการเลือกตั้ง รวมถึงผู้ต้องการเลือกตั้งทันที
ว่าให้ดูตัวอย่างเอาไว้
ขืนเดินหน้าจัดการเลือกตั้ง อาจจะเดินซ้ำรอยบังกลาเทศได้
ฟังแล้วก็น่าคิด-ถ้า
1.ไม่สะกิดใจว่าสาระสำคัญของเหตุการณ์ทั้งสองประเทศนั้นแตกต่างกันหลายประการ
ตั้งแต่รากเหง้าความเป็นมาของปัญหา จำนวนพรรคการเมืองที่คัดค้านการเลือกตั้ง และปริมาณของผู้ที่คาดว่าจะออกมาใช้สิทธิ
2.เวลาตั้งคำถามคนอื่น แล้วกลับมาตั้งคำถามตัวเองด้วยว่า ถ้าไม่อยากให้เผชิญหน้ากันถึงเลือดตกยางออก ทำไมไม่เลือกการเลือกตั้งซึ่งเป็นวิธีตัดสินข้อขัดแย้งที่ไม่ต้องเอาชีวิตคนอื่นมาเสี่ยง
แต่เลือกตั้งยังเป็นฉากถัดไป
เพราะวันนี้คนไทย-โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ กำลังใจจดใจจ่อกับคำขู่ เอ๊ยประกาศ "ปิดกรุงเทพฯ" ของม็อบกำนันเทือกอยู่
ถึงแม้จะพยายาม "ลดดีกรี" ลงหลังจากประกาศกร้าวไปหนแรกแล้ว "เรียกแขก" ให้ออกมาแสดงความเห็นคัดค้านได้ทั่วกรุงเทพฯ
แต่ก็ยังส่อนัย "กร้าว" อยู่ดี
เพราะที่ประกาศว่าจะยุบเวทีปราศรัยราชดำเนินแล้วไปปักหลักอยู่ตามสี่แยกใหญ่ๆ แทน จนกว่าจะชนะนั้น
ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่
แค่ปิดราชดำเนิน การจราจรการดำเนินชีวิตของชาวบ้าน-ลูกเล็กเด็กแดงทั่วไป การค้าการขายของคนตัวเล็กตัวน้อยย่านนั้นก็ยับเยินอยู่แล้ว
กระจายไปแยกใหญ่ๆ ก็หนักหนาสาหัสยิ่งขึ้น
ไอ้ที่ประกาศว่าจะทุบหม้อข้าวนั้น น่าสงสัยอยู่ว่าจริงๆ แล้วทุบหม้อข้าวใคร
ถ้าทุบหม้อข้าวตัวเอง แล้วจะเอาเงิน เอาสรรพกำลังจากไหนมาจัดเวทีขวางทางสัญจร ทางทำมาหากิน ทางเล่าเรียนของคนทั่วไป
แต่ถ้าทุบหม้อข้าวชาวบ้าน ไม่กลัวชาวบ้านกับชาวบ้านลุกขึ้นมาตีกัน ไม่ว่าจะด้วยความเหลืออด อุบัติเหตุ หรือความจงใจบ้างหรือ
ถ้าประเมินแล้วยังทำ
ต้องถามว่าท่านอยากได้อะไร ถึงขนาดเอาชีวิตคนอื่นไปเป็นเดิมพัน
ถ้ายิ่งใหญ่ขนาดนั้น ไม่สละชีวิตตัวเองให้ดูก่อนหรือ?
ที่มา:มติชนรายวัน
-----------------------------------
ก่อนจะพูดถึงเหตุการณ์เมืองไทย ขออนุญาตพาไปประเทศไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านเราอย่างบังกลาเทศ ที่มีคนบอกว่าสถานการณ์คลับคล้ายกัน
ที่นั่นจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อสุดสัปดาห์แรกของปี และมีพรรคการเมืองมากกว่า 20 พรรค รวมทั้งพรรคฝ่ายค้านใหญ่ที่สุด ประท้วงด้วยการไม่ลงรับสมัครเลือกตั้ง
ไม่ได้ประท้วงไม่ลงรับสมัครอย่างเดียว แต่ระดมประชาชนออกมาต่อต้านการเลือกตั้ง จนกระทั่งเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ และประชาชนกลุ่มที่สนับสนุนการเลือกตั้งด้วย
ตามรายงานบอกว่ามีผู้เสียชีวิตไปแล้วไม่น้อยกว่า 20 ราย บาดเจ็บอีกนับร้อย
ทำให้มีผู้ออกมาใช้สิทธิทั่วประเทศเพียงประมาณร้อยละ 26
และตามฟอร์ม ผู้ต่อต้านรัฐบาล ผู้ไม่ต้องการการเลือกตั้ง รวมทั้งพรรคฝ่ายค้านในเมืองไทย ออกมา "เตือนกึ่งขู่" รัฐบาล ผู้จัดการเลือกตั้ง รวมถึงผู้ต้องการเลือกตั้งทันที
ว่าให้ดูตัวอย่างเอาไว้
ขืนเดินหน้าจัดการเลือกตั้ง อาจจะเดินซ้ำรอยบังกลาเทศได้
ฟังแล้วก็น่าคิด-ถ้า
1.ไม่สะกิดใจว่าสาระสำคัญของเหตุการณ์ทั้งสองประเทศนั้นแตกต่างกันหลายประการ
ตั้งแต่รากเหง้าความเป็นมาของปัญหา จำนวนพรรคการเมืองที่คัดค้านการเลือกตั้ง และปริมาณของผู้ที่คาดว่าจะออกมาใช้สิทธิ
2.เวลาตั้งคำถามคนอื่น แล้วกลับมาตั้งคำถามตัวเองด้วยว่า ถ้าไม่อยากให้เผชิญหน้ากันถึงเลือดตกยางออก ทำไมไม่เลือกการเลือกตั้งซึ่งเป็นวิธีตัดสินข้อขัดแย้งที่ไม่ต้องเอาชีวิตคนอื่นมาเสี่ยง
แต่เลือกตั้งยังเป็นฉากถัดไป
เพราะวันนี้คนไทย-โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ กำลังใจจดใจจ่อกับคำขู่ เอ๊ยประกาศ "ปิดกรุงเทพฯ" ของม็อบกำนันเทือกอยู่
ถึงแม้จะพยายาม "ลดดีกรี" ลงหลังจากประกาศกร้าวไปหนแรกแล้ว "เรียกแขก" ให้ออกมาแสดงความเห็นคัดค้านได้ทั่วกรุงเทพฯ
แต่ก็ยังส่อนัย "กร้าว" อยู่ดี
เพราะที่ประกาศว่าจะยุบเวทีปราศรัยราชดำเนินแล้วไปปักหลักอยู่ตามสี่แยกใหญ่ๆ แทน จนกว่าจะชนะนั้น
ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่
แค่ปิดราชดำเนิน การจราจรการดำเนินชีวิตของชาวบ้าน-ลูกเล็กเด็กแดงทั่วไป การค้าการขายของคนตัวเล็กตัวน้อยย่านนั้นก็ยับเยินอยู่แล้ว
กระจายไปแยกใหญ่ๆ ก็หนักหนาสาหัสยิ่งขึ้น
ไอ้ที่ประกาศว่าจะทุบหม้อข้าวนั้น น่าสงสัยอยู่ว่าจริงๆ แล้วทุบหม้อข้าวใคร
ถ้าทุบหม้อข้าวตัวเอง แล้วจะเอาเงิน เอาสรรพกำลังจากไหนมาจัดเวทีขวางทางสัญจร ทางทำมาหากิน ทางเล่าเรียนของคนทั่วไป
แต่ถ้าทุบหม้อข้าวชาวบ้าน ไม่กลัวชาวบ้านกับชาวบ้านลุกขึ้นมาตีกัน ไม่ว่าจะด้วยความเหลืออด อุบัติเหตุ หรือความจงใจบ้างหรือ
ถ้าประเมินแล้วยังทำ
ต้องถามว่าท่านอยากได้อะไร ถึงขนาดเอาชีวิตคนอื่นไปเป็นเดิมพัน
ถ้ายิ่งใหญ่ขนาดนั้น ไม่สละชีวิตตัวเองให้ดูก่อนหรือ?
ที่มา:มติชนรายวัน
-----------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น