--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2557

วิกฤติศรัทธา ประชาธิปไตย !!?

โดย.ปิยรัฐ จงเทพ

บ้านเมืองเราในเวลานี้ เป็นที่ทราบกันทั่วว่ากำลังประสบปัญหารุมเร้ามากมาย ทั้งเรื่องสภาพคล่องทางเศรษฐกิจ ปัญหาสังคม หรือจะเป็นปัญหาใหญ่อย่างวิกฤติการเมือง ที่นับวันจะรั้งแต่ทำให้ระบบการบริหาร การปกครอง และการพัฒนาทุกภาคส่วนทรุดหนักลงไปเรื่อยๆยากที่จะแก้ไข หลายคนจึงพยายามแสวงหาจุดร่วมที่เราจะนำพาประเทศไทยออกไปจากวงจรวิบัติกาลนี้แต่ก็เกิดคำถามคำโตๆขึ้นว่า “ทางออกอยู่ไหน? ใครเห็นบ้าง? ” เมื่อเกิดคำถามทุกคนก็ต่างหาคำตอบที่เป็นความหวัง แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าประเทศเรามักนิยมหาทางออกจากความขัดแย้งโดย “ คนกลาง ” แต่ในสภาพการณ์ปัจจุบัน คนกลางหรือกรรมการจะหาจากไหนเล่า ? เพราะเมื่อเราแลซ้ายแลขวาแล้วจะเห็นแต่ผู้เล่น ไม่เห็นมีกรรมการเลย



ไม่ใช่เราไม่เชื่อมั่นในระบบการถ่วงดุลของประเทศนี้ หรือหมิ่นองค์กรภายในประเทศที่อ้างว่าเป็นอิสระ แต่เมื่อเราติดตามพฤติกรรมของพวกเขาเหล่านั้นอย่างถี่ถ้วน มันชี้ชัดให้เราวิเคราะห์ได้ว่า หมดสิ้นแล้วกรรมการที่จะดำรงไว้ซึ่งศักดิ์และสิทธิ์ในการเป็นผู้นำช่วยหาทางออกสำหรับความแตกแยกในครั้งนี้

เมื่อประชาชนส่วนหนึ่ง ซึ่งผมเชื่อว่าไม่น้อยเลยทีเดียว มั่นใจว่าเสียงของพวกเขาต่างหากที่มีความสำคัญในการขจัดความอึมครึมที่ปกคลุมประเทศของเราในเวลานี้ พวกเขาจึงโหยหาหนทางออกและทางซึ่งจะนำไปสู่การมีส่วนตัดสินอนาคตของประเทศโดยวิธีการแสดงออกทางตรงนั้นคือ “การเลือกตั้ง” แต่แล้วความขัดแย้งกลับทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นไปอีก เมื่อเกิดกระแสต่อต้านการเลือกตั้งก่อนการปฏิรูปประเทศไทยเผชิญหน้ากับความเห็นของอีกส่วนที่ต้องการให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นประชามติของประชาชน



ดังนั้นจึงคิดว่าต้องเข้าคูหาเพื่อเลือกตั้งก่อน สถานการณ์ตอนนี้จึงสุ่มเสี่ยงมากต่อระบอบประชาธิปไตยของบ้านเราเพราะคนกลุ่มหนึ่งหมดศรัทธาต่อการนับเสียงของประชาชนทั้งประเทศและแน่นอนย่อมสร้างความไม่พอใจอย่างมากต่อคนส่วนใหญ่ก็ว่าได้ จึงเกิดคำถามกลับไปยังกลุ่มที่เรียกร้องการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง มากมายว่า “ ทำไมจึงไม่เคารพในการมีส่วนร่วมทางการเมืองของฉัน? ” และแน่นอนคำตอบที่ได้มักจะมาในทำนองเดียวกับผู้ปราศรับบนเวที อาทิ กลัวจะมีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง , คนไทยยังไม่พร้อมและไม่เข้าใจปัญหามากพอ , คนต่างจังหวัดถูกหลอกง่าย เป็นต้น หรือแม้แต่ระดับผู้ดีมีการศึกษาทั้งหลายยังหลุดเหยียดหยามน้ำใจเพื่อนร่วมชาติก็มีให้เห็นไม่น้อย โดยเฉพาะกรณีล่าสุดที่มีผู้ปราศรัยบอกตนเป็นชนชั้นสูงชนชั้นปัญญาชนจึงขอมาปฏิรูปประเทศไทย และคนไม่ยอมให้มีการปฏิรูปก่อนเลือกตั้งละ ? ที่ยืนของพวกเขาอยู่ที่ไหน ? หรือมองพวกเขาว่าต่ำเตี้ยเรี่ยดินไร้ราคา ไม่ควรมีศักดิ์และสิทธิ์เท่าตนอย่างนั้นหรือ เห็นทีเราต้องถามกลับว่า คนเหล่านี้หรือที่จะอาสามาเป็นผู้นำในการปฏิรูปประเทศ เพราะแต่ละคำพูดที่สบถออกมาทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจก็ตามมันแสดงให้เห็นชัดว่าพวกเขาไม่ได้เข้าใจ ปัญหาระดับโครงสร้างของประเทศนี้ เขายังเชื่อว่า ประเทศที่เจริญนั้นล้ำยุครุกสมัย เพราะชนชั้นสูงหรือกลางเป็นกลุ่มที่ชี้ชะตากรรม จนวันนี้พวกเขามองไม่เห็นกระดูกสันหลังของชาติ หรือแม้แต่กรรมกรผู้ก่ออิฐถือปูนให้พวกเขาได้อยู่ดีกินดี ใต้ชายคาตึกสูงใหญ่ระฟ้าเพื่อหลบแดด หลบฝน จัดงานเลี้ยงหรูหราได้ในทุกวันนี้

เห็นทีต้องยกคำของปราชญ์ มาเตือนสติกันเสียแล้วว่า

ที่เราเห็นภูเขาสูงงามตระหง่านเสียดฟ้าได้ ก็เพราะเรามีหญ้ารองมิใช่หรือ

ที่มา.Siam Intelligence Unit
----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น