--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันศุกร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2557

จีทูจี ลวงโลก !!?

ผ่าปมร้อน!เขย่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ขายข้าว "จีทูจี" ลวงโลก งบ-สต็อกข้าวเสียหาย

คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งข้อหาทุจริตกับอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กับพวกรวมทั้งสิ้น 17 คน จากกรณีที่อ้างว่ามีการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ "จีทูจี" แต่ป.ป.ช.มีหลักฐานตามข้อกล่าวหาว่า "ไม่จริง" แต่กลับเป็นการเวียนข้าวมาขายในประเทศ โดยทำเป็นขบวนการทั้งจากบริษัทเอกชนในประเทศและเอกชนในจีน

กระทรวงพาณิชย์ อ้างว่าได้ระบายข้าว แบบ "จีทูจี" จำนวน 7.32 ล้านตัน กับรัฐบาลจีน แต่ปรากฏว่าเป็นการซื้อขายกับ"บริษัทผี" ของคนไทยและของจีน โดยมีการซื้อชื่อบริษัทเพื่อมาทำสัญญา

บริษัทจีนที่ว่านี้ชื่อ GSSG IMP AND EXP.CORP ตั้งอยู่ที่นครกวางเจา สาธารณรัฐประชาชนจีน

ตามเอกสารมอบอำนาจของบริษัท ปรากฏว่าผู้มีอำนาจได้ลงนามมอบอำนาจให้กับบุคคลคนหนึ่ง โดยมีภูมิลำเนาอยู่ที่จ.พิจิตร ให้มีอำนาจทำการแทนในการซื้อขายข้าวตามสัญญา "จีทูจี" จำนวน 5 ล้านตัน

แต่จากการตรวจสอบพบว่า ผู้มีอำนาจของบริษัทดังกล่าวกลับเป็น"ผู้ช่วยส.ส.พรรคเพื่อไทย"

ส่วนบุคคลที่รับมอบอำนาจให้ทำการแทน และอยู่ที่ จ.พิจิตร คนในพื้นที่เรียกว่า "เสี่ยโจ"

"เสี่ยโจ" เป็นคนของบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งเคยถูกป.ป.ช.ตรวจสอบพบว่ามีส่วนในการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวเมื่อปี 2546-2547 ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยมีพฤติกรรมนำข้าวเก่ามาเวียนเทียนเข้าโครงการรับจำนำ

นอกจากนั้น บริษัท เพรซิเดนท์ฯ ยังมีความเกี่ยวข้องกับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ที่เข้าประมูลข้าวของรัฐบาล หลังจากเมื่อปี 2547 บุคคลสำคัญใน บริษัทเพรซิเดนท์ฯ ได้ไปจดทะเบียนตั้ง บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด

"สยามอินดิก้า" กับ "เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง" ไม่ต่างกับเป็นนิติบุคคลเดียว

แต่ทำไม ไม่ซื้อข้าวในนามบริษัทจีน แต่กลับทำสัญญาแบบ "จีทูจี"

คำตอบ ก็คือ เพราะต้องการเลี่ยงการประมูลที่มีราคาสูง

ซื้อแบบ"จีทูจี" จะได้ข้าวกระสอบละประมาณ 300 บาท ในขณะที่ราคาข้าวในตลาดในช่วงนั้น อยู่ที่กระสอบละ 1,500-1,555 บาท

หากรัฐบาลขายด้วยวิธีนี้ทั้งหมด 7.32 ล้านตัน จะมีค่าส่วนต่างราคาถึง 2 หมื่นล้านบาท

ยิ่งกว่านั้น เมื่อมีการตรวจสอบบันทึกการเบิกข้าวของกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ พบว่ามีการอำพรางชื่อบริษัทที่จะส่งมอบข้าว โดยในใบบันทึกช่วงต้น พบมีการบันทึกชื่อบริษัทรับข้าวว่า "สยามเอริก้า" แต่ช่วงท้ายของบันทึก เจ้าหน้าที่กลับพิมพ์ว่า "สยามอินดิก้า"

เมื่อดูบัญชีออมทรัพย์ของกรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งเป็นบัญชีข้าวของรัฐบาล ก็ยิ่งมีข้อพิรุธ

ข้อมูลในช่วงวันที่ 28 ก.ย.-15 ต.ค. ที่รัฐบาลบอกว่ามีการขายข้าว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ พบว่ามีการถอนเงินจากธนาคารใหญ่ในหลายลักษณะ ทั้ง "แคชเชียร์เช็ค" และ "การโอนเงิน"

ยกตัวอย่างเช่น เงินชำระค่าข้าว บัญชีกรมการค้าต่างประเทศ เลขที่ 385-0-09504-5 บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย พบว่ามาจากแคชเชียร์เช็ค ของธนาคารใหญ่ 4 แห่ง คือ ธนาคารกสิกรไทย กรุงเทพ กรุงไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ และเชื่อมโยงแคชเชียร์เช็ค 2 ใบ คือธนาคารกสิกรไทย ลงวันที่ 11 ต.ค. 2555 มูลค่า 527,117,625 บาท และแคชเชียร์เช็ค กสิกรไทย ลงวันที่ 11 ต.ค. 55 มูลค่า 177,000,000.00 บาท ซื้อโดยคนของบริษัทสยามอินดิก้าและพบว่าเช็คของบุคคลผู้นี้ ได้รับเงินโอนมาจากคนของสยามอินดิก้า

หากเป็นการค้าแบบ "จีทูจี" จะต้องมีการเปิด "แอล/ซี" แต่กลับไม่พบว่ามีการเปิด "แอล/ซี" แสดงว่าไม่มีการค้าข้าวให้ต่างประเทศจริง

จากการตรวจสอบบัญชีเงินหมุนเวียนจากธนาคารใหญ่ เช่น มีการโอนเงินรวม 72 รายการจากธนาคารใหญ่ 4 แห่งในประเทศไทย รวมมูลค่า 4,960 ล้านบาท และมีการถอนเงินออกจากบัญชีกรมการค้าต่างประเทศ 2 ครั้ง รวมเป็นเงิน 4,200 ล้านบาท

เมื่อไม่มีการค้าข้าวแบบ"จีทูจี"จริง แล้วข้าวไปไหน

คำตอบก็คือถูกขายให้กับโรงสีและจำหน่ายในประเทศ ดังจะเห็นได้จากราคาข้าวสารในประเทศแทบไม่ขยับ และ ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากมีข้าวระบายออกสู่ตลาดตลอดเวลา เท่ากับว่าผู้ที่"แอบระบายข้าว"ในนาม"จีทูจี" มีต้นทุนที่ถูกกว่า จึงกดราคาเพื่อเร่งขายข้าวออกมาสู่ตลาด

ผลขาดทุนจึงเกิดกับรัฐบาล ขณะที่ผลกำไรจาก"ส่วนต่าง"ราคาตกกับเอกชนที่ร่วมขบวนการ จึงเป็นที่มาว่าเหตุใดคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดถูกกล่าวจากป.ป.ช.ว่า "ทุจริต"

ที่มา.กรุงเทพธุรกิจ
------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น