--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

แดง งวย งง แดง มึน ตึบ !!?

Let it be..ทักษิณ..

Let it be..ปรองดอง..

Let it be..ตระกูลเสี้ยม

เวลาสองทุ่มปลายๆ ของวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เดินทางรอนแรม ขึ้นเครื่องบินเลียบเลาะประเทศไทยมานานกว่า 6 ปี เริ่มส่งเสียงและฉายภาพสดๆ ผ่านวิดีโอลิงค์มายังมวลชนคนเสื้อแดงกว่า 4 หมื่นคน สี่แยกราชประสงค์พื้นที่จัดงานแดงเถือกเต็มแน่นทุกซอกย่านเศรษฐกิจกลางเมือง

คนเสื้อแดง สวมเสื้อแดง ถือสัญลักษณ์แดงๆ มาร่วมงานรำลึก 2 ปีวีรชน 91 ศพที่ตายด้วยคมกระสุนปืนสงครามจากการปราบปรามของฝ่ายอำนาจรัฐพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นรัฐบาลในช่วงปี 2553 แต่ในปี 2555 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เธอคือน้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้น งานรำลึก อาลัย คนตายจากการชุมนุมทางการเมืองจึงดูคึกคักเป็นพิเศษ โดยส่วนสำคัญต้องยอมรับว่า พวกเขาต้องการฟังเสียง เห็นภาพสดของ พ.ต.ท. ทักษิณผ่านวิดีโอลิงค์

> เสียสละเพื่อปรองดอง

เมื่อภาพวิดีโอลิงค์ปรากฏขึ้น พ.ต.ท. ทักษิณ สวมเสื้อยืดสีแดงเพื่อแสดงความเป็นพวกกับมวลชน เป็นมิตรกับญาติวีรชน คนเสื้อแดง แน่ละ เมื่อเป็นพวกจึงต้องแสดงความรัก เห็นใจ เข้าใจพวก แล้วชี้ทางเดินไปสู่การปรองดองให้พวก เพื่อสร้างสังคมแก่คนรุ่นหลังๆ ให้ยิ่งใหญ่อะไรประมาณนั้น

ในคืน 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา พ.ต.ท. ทักษิณ ร่ายยาวอารมณ์ ด้วยซุ่มเสียงหว่านล้อมผ่านวิดีโอลิงค์นานเกือบ 50 นาที สาระเนื้อๆ ของคำพูดอยู่ที่การให้สติมวลชน ในการต่อสู้ที่มุ่งเอาชนะกัน มันเกิดผลเสีย ต่อสังคมในวงกว้างมากกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จึงเรียกร้องให้คนเสื้อแดงเสียสละความเจ็บปวด เจ็บแค้น แล้วเดินไปสู่ “สังคม ปรองดอง”

เขาว่า 6 ปีบ้านเมืองขัดแย้งมาก พอแล้วขอทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน ก้าวไปข้างหน้า...เดินหน้าสู่การปรองดอง ฟื้นความยุติธรรมและรัฐบาลเร่งเยียวยา อดีต นายกรัฐมนตรี ผู้พเนจรอยู่ต่างประเทศเชื่อว่า นักประชาธิปไตยและนักสิทธิมนุษยชนทั่วโลกคงเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น 6 ปีที่ผ่านมานั้น

“ความเจ็บปวดที่ได้รับจากการถูกไล่ล่า ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่คนไทย ทั้งประเทศได้รับ ต้องย้อนถามว่ามีใครได้ดีบ้าง” เขาเปรียบเทียบความทุกข์ยากของตัวเองกับความเสียหายของส่วนรวมให้คนเสื้อแดงได้สติ

ในบางช่วงบางตอน เขาลากโยงไปถึงคดี “อากง” ว่า 6 ปีที่ผ่านมา ปัญหาเกิดจากการศึกษา ทำให้เกิดความเข้าใจผิด คนที่ควรรักษากติกาคิดไม่เป็น กระบวนการ ยุติธรรมก็คิดไม่เป็น เช่น คดีนายอำพล ตั้งนพกุล หรืออากง เอสเอ็มเอส อายุ 61 ปี ผู้ต้องหาในคดีหมิ่นเบื้องสูง ที่เสียชีวิตขณะถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษ กรุงเทพมหานคร แต่สาระสำคัญที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการสื่อสารถึงคนเสื้อแดงเป็นพิเศษคือ “การปรองดอง” โดยระบุว่า ไม่รู้จะตอบแทน บุญคุณอย่างไร นอกจากอยากจะทำให้ชีวิต ของท่านดีขึ้น อยากให้อนาคตลูกหลานดี ตั้งใจอย่างนั้น “ถ้ามีการปรองดองเมื่อไหร่ ผมก็ได้ มีโอกาสกลับไปตอบแทนพี่น้อง” พ.ต.ท. ทักษิณ ทิ้งรหัสการกลับสู่ประเทศไทยของ เขาที่ซ่อนปม หมัดแน่นอยู่ในการปรองดอง

“ถามว่าความปรองดองต้องทำอะไร แน่นอนว่าการปรองดองเราจะไม่ชี้นิ้วใส่หน้ากัน แต่เราต้องค้นหาความจริง เพื่อจะได้ไม่เกิดสิ่งเหล่านี้ซ้ำซ้อนอีก รัฐต้องมีการชดเชยผู้ที่ได้รับความเสียหาย ผู้ที่เดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยผู้ตาย หรือผู้ที่ ติดคุกทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องได้รับการดูแลเยียวยา”

“ผมรู้ว่าหลายคนเจ็บปวด และหลาย คนไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่วันนี้เรื่องส่วนตัวต้องเก็บไว้ทีหลัง ต้องเอาเรื่องของ บ้านเมืองอนาคตลูกหลานไว้ก่อนดีกว่า”

“การพูดครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย และหวังว่าการเมืองจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว เพื่อร่วมกันรักษาสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ต่อไป” พ.ต.ท. ทักษิณ ส่งสัญญาณหยุดการเคลื่อนไหว ราวกับบอกให้คนเสื้อแดงยุติการชุมนุมแสดงพลัง เพื่ออยู่นิ่งๆ ให้เป็นหลักประกัน เกิดสังคมปรองดองขึ้น อะไรแบบนั้น

พ.ต.ท.ทักษิณ ย้ำหลายรอบ ซ้ำไปวนมาตลอดว่า “พี่น้องเสื้อแดงได้ทำหน้าที่มาสุดทางแล้ว อาจจะมีคนโกรธผม แต่ยืนยันไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง”

เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดจบ คงมีแต่ “ความเงียบ” คนเสื้อแดงไร้ปฏิกิริยาคึกคัก คึกคะนอง ส่งเสียงแสดงพลังเช่นทุกครั้งที่ฟังวิดีโอลิงค์จาก “ทักษิณ” คนเสื้อแดงคง “งง” กับคนที่เรียกร้องให้เขาเสียสละออกมาต่อสู้เพื่อเรียกร้อง “ความยุติธรรม” ให้กับสังคม แน่ละ คนเสื้อแดงอาจมึนกับ “พวก” ร่วมอุดมการณ์ที่ต่อสู้กันมาตลอด 6 ปีที่ราวกับประกาศ “หยุดแล้ว” เหมือนกับถูกบีบกดดัน ต่อรอง เพื่อการปรองดองในอนาคต

ในวันถัดมา 20 พฤษภาคม เวลาบ่าย แก่ๆ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขณะร่วมประชุมคณะ รัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดกาญจนบุรี ให้ความเห็นถึงความปรองดองของ พ.ต.ท. ทักษิณ ผู้เป็นพี่ชายว่า “เป็นเรื่องกระบวน การของรัฐสภา เราคงต้องทำหน้าที่ในส่วน ของฝ่ายบริหาร”

ส่วนการเสนอ พ.ร.บ.ปรองดอง เข้า สภาแล้ว พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการอย่างไร เธอกล่าวว่า ต้องอาศัยมติพรรค “จริงๆ แล้วในขั้นตอนนี้จะมีการประสานใน ส่วนขอสภาอีก ซึ่งเป็นเรื่องของกระบวนการ”

นั่นสะท้อนว่า การปรองดองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เรียกร้องให้คนเสื้อแดงเสียสละ ไม่ได้เป็นเรื่องเดียวกันของพรรค เพื่อไทยและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่มีอำนาจใน ทางการเมือง

เมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่กล้าประกาศนำพรรคเพื่อไทยสร้างความปรองดองขึ้นแล้ว โอกาสจะเกิดการปรองดองตามกระบวนการรัฐสภาจึงเป็นเพียงแสงวูบวาบ ดับๆ ติดๆ เท่านั้น คนเสื้อแดง ยิ่งมึนงงเข้าไปอีก

> “บ่น เบื่อ ผิดหวัง”

ในเฟซบุ๊กของ ดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิจารณ์คำพูดผ่านวิดีโอลิงค์ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยอารมณ์ “เหลืออด” อ่อนใจ กับการตีสองหน้าของพรรคเพื่อไทยและแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปช.)

ดร.สมศักดิ์ เขียนในเฟซบุ๊กมีสาระหลักๆ ว่า มีคนเสื้อแดงจำนวนมาก ไม่พอใจต่อเรื่อง “ปรองดอง” ของ พ.ต.ท. ทักษิณ รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ นปช.“คุณทักษิณเอง พูดซ้ำหลายครั้งมาก ทำนอง..พี่น้องหลายคนอาจโกรธผม.. หรือ..อาจจะไม่พอใจบ้างบางคน.. คุณเต้น (ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ) ที่เป็นนักพูด มือ 1 ของ นปช. ก็ถึงกับต้องออกมาขอว่า อย่าวิจารณ์ ในที่สาธารณะให้วิจารณ์กันภายใน”

“แต่ผมว่า สิ่งที่คนจำนวนมาก รู้สึก อึดอัด ไม่พอใจ ไม่ใช่เพียงเรื่องทิศทางปรองดอง ที่จะให้อภัยทุกฝ่าย และเรื่องนักโทษการเมือง แต่ผมว่า ยังมีด้านที่สำคัญ คือ ความไม่พอใจ อึดอัด ที่ว่าตกลงจะเอา อย่างนี้เลยแน่ๆ ใช่ไหม...ต้องพูดออกมา ตรงๆ”

ดร.สมศักดิ์ ระบุว่า ทุกคนอยากได้ยินคำตอบที่เป็นทางการแบบตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม ไม่เล่นโวหาร ไม่เล่นละคร อะไรกันอีก โดยเฉพาะต้องบอกกับ ประชาชนและมวลชนเสื้อแดงกันตรงๆ ในปัญหาต่อไปนี้

1.ตกลงว่า รัฐบาลเพื่อไทย ซึ่งรวมถึง ส.ส. ที่คุมสภาอยู่และ นปช. ที่มี “แกนนำ” เป็น ส.ส.จำนวนมาก จะผลักดันให้มีการ “ปรองดอง” ที่ “ให้อภัย” ทุกฝ่าย ไม่มีการลงโทษฝ่ายใดเลย โดยเฉพาะคือ ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐในการสลายการชุมนมเมื่อปี 2553 ใช่หรือไม่ ?

2.ตกลงว่า จะไม่มีการทำอะไรกับ “นักโทษการเมือง” ที่อยู่ในคุก หรือที่มีคดีติดตัวอยู่เลย จนกว่าจะมีการผลักดันในข้อ การปรองดองไปพร้อมๆ กันไป ใช่หรือไม่?

คนเสื้อแดงอีกหลายคนที่เป็นเพียงแนวร่วม และไม่ได้อยู่ในตระกูลพรรคเพื่อไทย อย่างนายสมบัติ บุญงามอนงค์ นักเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ นางพะเยาว์ อัคฮาด แม่น้องเกด เหยื่อ 19 พ.ค. 2553 และนายใจ อึ๊งภากรณ์ อาจารย์ด้านรัฐศาสตร์ ซึ่งหลบหนีคดีมาตรา 112 ที่ต่างประเทศ ล้วนมีอารมณ์และวิจารณ์การ ปรองดองผสมท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่แตกต่างกันนัก

น.ส.ยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทย พ.ต.ท. ทักษิณ และ นปช. เงียบ ยังไม่แสดงท่าที คงมีแต่นายนพดล ปัทมะ ร่อนแถลงการณ์ ตอบโต้พรรคประชาธิปัตย์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ทิ้งคนเสื้อแดง อะไรแบบนั้น

l Let it be...ปรองดองและเสียสละ

ในเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวกับคนเสื้อแดงที่ไปต้อนรับถึงประเทศเขมร เขาร้องเพลงหลายเพลง และเพลง Let it be ที่เขาแปลว่า “ช่างหัวมัน” ได้ถูกร้องด้วยอารมณ์แปลงเนื้อหาอย่างสนุกสนานเหตุการณ์วันนั้น คนเสื้อแดงสนุกสนาน ฮึกเหิมด้วยพลังการต่อสู้ไปสู่เป้าหมายกันยกใหญ่ เป้าหมายหนึ่งคือ อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับไทยแน่ละ...ในคืนวันที่ 19 พฤษภาคม วันการรำลึก อาลัยกับวีรชน 91 ศพที่ตาย ท่ามกลางการชุมนุมทางการเมืองเพื่อเห็นใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งไม่ได้รับความเป็นธรรม แล้วยกระดับถึงการสร้างสังคมประชาธิปไตยให้คนมีความเท่าเทียมทางการเมือง พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เรียกร้องให้เสื้อแดงเสียสละเพื่อสร้างสังคมปรองดอง เพื่อเป็นหนทางพา “ทักษิณ” กลับบ้าน คนเสื้อแดงเต็มแน่นพื้นที่ราชประสงค์ เงียบ มึน... Let it be...ทักษิณ

ที่มา.สยามธุรกิจออนไลน์
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น