--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ฮือฮา.ทักษิณ แตกหัก เสี่ยไพโรจน์ !!?

จะมีใครสักกี่คนที่รู้ว่า ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับคนสนิทที่ชื่อ ไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ แตกคอกันเสียแล้ว

ทั้งที่หลังจากทักษิณถูกรัฐประหาร ต้องหลบลี้หนีคดี ระเหเร่ร่อนอยู่ในต่างประเทศ ก็มีไพโรจน์คนนี้เองที่ติดตามไปแทบทุกที่ คอยอยู่เป็นเพื่อน เอาใจใส่ดูแล ช่วยเหลือทุกอย่างในต่างแดน

ทว่า วันนี้ทั้งคู่กลับ "แตกหักกันสิ้นเชิง แบบไม่เผาผี" ทั้งที่ในยามทุกข์ยาก ทั้งคู่แทบเหมือนเงาตามตัวกัน ไปไหนไปกัน ทำอะไรทำด้วยกัน กินอะไรกินด้วยกัน หรือแม้แต่นอนไหนก็นอนด้วยกัน แต่วันนี้ เหตุไฉนสัมพันธ์ทั้งคู่ถึงได้ขาดกันอย่างไม่มีเยื่อใย

ย้อนอดีตของทั้งคู่ กลับไปในช่วงหลังวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ไพโรจน์ ประสบความยากลำบากในชีวิต กลายเป็นบุคคลล้มละลายตามคำฟ้องของบริษัทเงินทุน สินอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) แต่ไม่นานนัก กลับพลิกสถานการณ์ได้ชนิดหลังมือเป็นหน้ามือ เมื่อรับเป็น "นายหน้าขายอีลิทการ์ด" ให้กับรัฐบาลทักษิณ

โดยได้รับการช่วยเหลือทางการเงินจากนักธุรกิจมหาเศรษฐีคนหนึ่ง และเดินทางเข้าออกเพื่อติดต่อธุรกิจนอกประเทศเป็นว่าเล่น กระทั่งต่อมา เปิดบริษัทติดต่อทำธุรกิจในอังกฤษและดูไบ

ระหว่างที่ทักษิณหนีไปอยู่ที่อังกฤษ และเริ่มทำธุรกิจซื้อสโมสรฟุตบอลและทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ไพโรจน์ ซึ่งมีธุรกิจในต่างประเทศอยู่แล้ว ได้อาสาเข้าไปช่วยเหลือ ช่วยประสานผลประโยชน์ทุกๆ เรื่อง รวมถึงติดต่อจัดการให้ทักษิณได้ไปอาศัยอยู่ในดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พร้อมวิ่งเต้นซื้อบ้านที่ดูไบให้ด้วย ก่อนจะร่วมกันทำธุรกิจซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในดูไบด้วยกัน แต่แล้วธุรกิจนี้ ดูเหมือนจะไม่ประสบความสำเร็จ

นอกจากนี้ ไพโรจน์ ยังดูแลจัดการทุกอย่างให้ทักษิณ แม้กระทั่งเรื่อง "สัญชาติมอนเตเนโกร" ไพโรจน์ ก็วิ่งเต้นไปหาเพื่อนที่ทำธุรกิจเดินเรือในตุรกี ซึ่งมีสัมพันธ์อันดีกับนักการเมืองทรงอิทธิพลในมอนเตเนโกร จนสามารถช่วยให้ทักษิณได้เป็นพลเมืองชาวมอนเตเนโกร เพื่อให้สามารถใช้พาสปอร์ตเข้าออกประเทศกลุ่มสหภาพยุโรปได้

นี่เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนของความสนิทสนมของสองคน

ความสนิทจนเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกัน ที่นำไปสู่การทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยกันในเบื้องต้นก็จริง แต่ปมแตกหักของทั้งคู่ก็มาจากธุรกิจร่วมกันของทั้งคู่ในอังกฤษและดูไบเช่นกัน ว่ากันว่า เพราะเงินที่ได้จากธุรกิจไม่ถึงมือทักษิณ แต่ถูกนำไปใช้ในการเก็งกำไรสินทรัพย์ตัวอื่นๆ จนในที่สุด ก็ไปไม่รอด เมื่อมีเรื่องค้างคาใจจากปัญหา "เงินล่องหน" แล้วหามาใช้คืนไม่ได้ ซึ่งทำให้ทักษิณมีความรู้สึกไม่ไว้ใจไพโรจน์นับแต่นั้นมา

เสียงร่ำลือเรื่องทักษิณไม่เอาไพโรจน์ เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นออกปากฝากไปกับทุกคนที่บินไปหา ทำนองว่า "ไม่มีอะไร ไม่เอาแล้ว" สัญญาณอย่างนี้ เรียกว่าแตกหักกันแล้วก็ว่าได้

กระทั่ง ล่าสุด เมื่อทักษิณบินเข้าอังกฤษ ไปชมศึกแดงเดือด "แมนซิตี-แมนยูฯ" เมื่อทักษิณเห็นไพโรจน์แล้วถึงกับผงะเหมือน "เห็นผี" ที่หนีหัวซุกหัวซุน ไปทุกๆ สนามบิน แม้แต่จะกินกาแฟบังเอิญไปเจอกันยังต้องเปลี่ยนร้านหนี นี่คงเป็นการตอกย้ำว่าทั้งคู่ต่อไม่ติดแล้วจริงๆ

ระยะหลังมานี้ ทักษิณ บ่นกับคนรอบข้างเสมอ ว่า "ชีวิตนี้ไม่รู้ว่า (ไพโรจน์) จะต้องหนีไปอีกนานแค่ไหน ถ้าเป็นผี ก็หลอกแค่กลางคืน กลางวันหายไป แต่นี่มันเล่นหลอกหลอนทั้งกลางวันและกลางคืน"

ความจริงแล้ว เรื่องเหลี่ยมธุรกิจ น้อยนักที่ทักษิณจะเสียเชิง แต่งานนี้ น่าจะมีความพิเศษบางอย่าง ที่ทำให้ทักษิณต้องเรียนรู้ไปจนวันตาย...เมื่อสรุปความสัมพันธ์กับ ไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ คนเคยสนิทว่า "ผมกับเขาไม่มีอะไรต่อกันแล้ว"

ที่มา.กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น