--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ย้ายบ้าน !!?

เมื่อประมาณ 20 กว่าปีก่อน ผู้ว่าการไฟฟ้าฯคนหนึ่งซึ่งกำลังจะเกษียณอายุราชการ ได้ทำเรื่องเสนอต่อนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารการไฟฟ้าแห่งนั้น แจ้งให้ทราบว่า...จะย้ายบ้าน จากบ้านที่เคยเป็นของตระกูลเก่าแก่ของตนไปอยู่ที่บ้านใหม่

ด้วยความสงสัย นายกรัฐมนตรีจึงสั่งให้มีการสืบสวนอย่างลับๆ ว่า...ทำไมท่านผู้ว่าจึงจะย้ายบ้าน เพราะฟังเรื่องที่เสนอมาแล้วมันรู้สึกพิกล

ผลการสืบสวนได้ความว่า...เรื่องย้ายบ้าน มันเกี่ยวพันกับการที่ท่านผู้ว่ามีเอกสิทธิ์เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าทั้งหลายที่ “ได้ใช้ไฟฟ้าฟรี”

และบังเอิญท่านผู้ว่าได้สร้างคอนโดมีเนียมขนาดมหึมาขึ้นหลังหนึ่งเพื่อให้ฝรั่งเช่า ท่านจึงคิดจะประหยัดค่าไฟฟ้าคอนโดมีเนียมดังกล่าวจึงทำเรื่องแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับการย้ายบ้าน

เพราะเมื่อมีชื่อของท่านผู้ว่าอยู่ในคอนโดมีเนียมดังกล่าว มันก็ทำให้คอนโดมีเนียมหลังนั้นสามารถใช้ไฟฟ้าฟรี ไม่ต้องเสียสตางค์

สรุปแล้วก็เป็นเรื่องของคนที่มีอภิสิทธิ์เหนือกว่าคนอื่น และมีความโลภอย่างไม่รู้จักสิ้นสุด

ผิดกับคนไทยอีก 60 กว่าล้านคนที่ต้องมีชีวิตอยู่กับค่าไฟฟ้าด้วยความทรหดอดทนและหวานอมขมกลืน

โดยในขณะที่พนักงานการไฟฟ้ามีสิทธิ์ใช้ไฟฟรี แต่พวกเราจะต้องจ่ายค่าไฟฟ้าในอัตราก้าวหน้า คือยิ่งใช้ไฟฟ้ามากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งจะต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแพงมากขึ้นเป็นขั้นบันใด

เดือนพฤษภาคมนี้พวกเราจะต้องเสียค่าไฟฟ้าแพงขึ้นอีกหน่วยละ 30 สตางค์ และอีกสามเดือนข้างหน้าก็จะต้องจ่ายแพงขึ้นอีกหน่วยละ 30 สตางค์ด้วย

พร้อมๆ กับที่คนไทยทั้งประเทศจะต้องจ่ายค่าไฟฟ้าในอัตราที่เรียกว่า “ก้าวหน้า”และค่าไฟฟ้าก็แพงขึ้นๆอย่างเดียว ไม่เคยมีการลดราคาลง

กำไรของการไฟฟ้า...ไม่ว่าจะเป็นการไฟฟ้าฝ่ายผลิต การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและโรงฟฟ้าเอกชนที่ขายไฟให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตก็มีกำไรมากมายถึงขั้นสะดือบวม

โดยการไฟฟ้าทั้งระบบมีกำไรรวมกันประมาณ 100,000 ล้านบาท

เงินโบนัสและผลประโยชน์ตอบแทนอื่นๆของเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าจึงสูงลิบลิ่ว ชวนให้พนักงานลูกจ้างในอุตสาหกรรมอื่นอิจฉาจนน้ำลายหก

ถ้าค่าไฟฟ้าของเราราคาไม่แพงเหมือนกับต่างประเทศที่เจริญแล้ว มันก็น่าจะทำให้ชาติบ้านเมืองของเราเจริญก้าวหน้าไปมากกว่านี้อีกหลายเท่าตัว

การผลิตทุกอย่างไม่ว่าการเกษตรหรืออุตสาหกรรมต่างๆจะสามารถพัฒนาไปได้อีกมากมาย

เป็นเรื่องที่ควรจะได้มีการทบทวนแก้ไข แต่อย่างว่านั่นแหละมันแทบจะมองไม่เห็นหนทางเลยว่าจะเกิดขึ้นได้อย่างไรสำหรับประเทศที่ได้ชื่อว่า “ไทยแลนด์แดนอภิสิทธิ์” แห่งนี้

เขียนถึงเรื่องนี้แล้วก็มีเรื่องที่นับเป็นข่าวดีของคนไทยมาบอกกล่าว นั่นคือเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา ญี่ปุ่นซึ่งเคยมีโรงไฟฟ้าปรมาณู 50 โรงก็ได้ปิดโรงไฟฟ้าปรมาณูที่ใช้มาแล้ว 42 ปีทั้งหมด

นับเป็นประเทศที่สองในโลกที่เลิกใช้ไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าปรมาณู

โดยประเทศแรกที่เลิกใช้ คือ เยอรมัน ปรากฎการณ์นี้น่าจะทำให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยซึ่งกระเหี้ยนกระหือรือจะสร้างโรงไฟฟ้าปรมาณูจำต้องคิดหนัก

อย่าลืมว่า...ญี่ปุ่นกับเยอรมันเป็นประเทศที่มีระเบียบวินัยเข้มแข็งที่สุดในโลกแล้วระเบียบวินัยของเราเป็นอย่างไร

กลัวจะยิ่งกว่าเชอร์โนบิล

โดย.คนชายขอบ,บางกอกทูเดย์
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น