จบไปแล้วสำหรับอีเวนต์ใหญ่.. รำลึก 2 ปีแห่งโศกนาฏกรรม “แยกราชประสงค์” แต่ยังคงมี “วิวาทะ” ให้ได้ถกเถียงกันต่ออีกหลายยก เริ่มจากสัญญาณวิดีโอลิงค์ “พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พลิกฝ่ามือ..เลิกตีบทฮาร์ดคอร์ แล้วหันไป หว่านล้อม “คนเสื้อแดง” ให้ยอมเสียสละ ถอยหลังคนละก้าว เพื่อเปิดทางสะดวกให้ “เกมปรองดอง” ได้ลื่นไหล!
ทั้งหมดทั้งปวง ได้กลายเป็นทอล์ก การเมืองฉบับ “ทักษิณกลับใจ!” ซึ่งได้กรีดแผลเก่า ตอกย้ำอารมณ์ความรู้สึกอัน “ขัดแย้ง” ของคนหมู่มาก ที่เวลานี้ได้ก่อปฏิกิริยาต่อต้าน! และกล่าวหา “นายใหญ่” ว่าเหยียบซากศพ “คนเสื้อแดง” ขึ้นไปสู่เกมอำนาจ แต่แล้วกลับยอมก้มหัว..สวามิภักดิ์ให้แก่ “ระบอบอำมาตย์” ที่ตัวเองเคยเกลียดชังเข้ากระดูกดำ ว่ากันไปแล้ว “นายใหญ่” ดูเหมือนจะเดินเกมผิดจังหวะ! เพราะนอกจากจะหลุดปากกลางเวทีราชประสงค์ซึ่ง “คนเสื้อแดง” กำลังร่ำไห้และมีอารมณ์ “เป็นเดือดเป็นแค้น” ในเหตุการณ์สังหารหมู่ 91 ศพ
คำประกาศผ่านวิดีโอลิงค์ของอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่ต้องการให้คนเสื้อแดง “ลืมอดีต” หันหน้ามาปรองดองกับฝ่ายอำมาตย์ ไม่เพียงแต่ทำให้ “แนวร่วมเสื้อแดง” หลากหลายกลุ่ม..รู้สึกคับข้องใจ หรือมองว่าถูกหักหลัง! กระทั่งมีกระแสเสียงที่ออกมาวิพากษ์ “ทักษิณ” อย่างรุนแรง โดยเฉพาะ “บก.ลายจุดสมบัติ บุญงามอนงค์” หนึ่งในแกนหลักของมวลชนสีแดง ที่ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบายความอัดอั้นตันใจกับพฤติกรรมสุดขั้วของ “ทักษิณ” และ “แกนนำ นปช.”
“...เสื้อเหลือง+สลิ่ม ป่วยเป็นโรคเกลียดทักษิณขึ้นสมอง เสื้อแดงก็กำลังป่วย เป็นโรคเบื่อทักษิณ! การพูดของทักษิณนับตั้งแต่เพื่อไทยเป็นรัฐบาล ถือว่าสอบตก ทุกครั้ง ต้องเลิกพูดเรื่องกลับบ้าน บอกให้ ลืมมวลชนรักคุณทักษิณนั้นจริง แต่คุณมองไม่เห็นความเจ็บช้ำที่ยังเป็นแผลสดในใจพวกเขา ให้เขาอยากลืมมันก็ลืมไม่ได้ อย่าพูดให้ลืม...ความเจ็บปวดเป็นความทรงจำทางอารมณ์ที่ฝังแน่น มีเพียงการยกระดับจิตวิญญาณภายในจึงเปลี่ยนรูปความแค้นเป็นการให้อภัยและบทเรียน ไม่ใช่การลืม...มวลชนเสื้อแดงกำลังจดจ่อประชาธิปไตย คุณทักษิณต้องเลิกเอาเรื่อง ตัวเองมาเป็นโจทย์ให้มวลชนคิดตอบ สมควรแก่เหตุแล้ว”
นอกจากโรคเบื่อทักษิณขึ้นสมองแล้ว เวลานี้ “คนเสื้อแดง” ยังเคลือบแคลงใจว่า...ผ่านไป 2 ขวบปีแล้วแต่ความ จริงยังไม่ปรากฏ ขณะที่การเยียวยายังคง ล่าช้า หากเป็นเช่นนี้ ก็ดูเหมือนว่าการเปิด ประตูไปสู่ความปรองดองคงจะเกิดได้ยากยิ่ง!
เช่นกรณีครอบครัวของ น.ส.กมนเกด อัคฮาด หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากการ “ฆาตกรรมหมู่” ในวัดปทุมวนาราม ที่ ออกมาตั้งคำถามถึงการจ่ายเงินเยียวยาของ รัฐบาล และนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
“บางคนมากรุงเทพฯ มีเงินติดตัวอยู่ 50 บาท แต่คุณเลื่อนไปเลื่อนมาทำอย่างเขาไม่ใช่คน เหมือนเขาเป็นหมามาขอเศษ อาหาร ศักดิ์ศรีประชาชนมีอยู่แต่ก็ต้องหมด ไป...แม้วันที่ 24 พ.ค.นี้จะเป็นวันที่ น.ส. ยิ่งลักษณ์จะมาจ่ายเงินด้วยตัวเองให้ผู้ได้รับ ผลกระทบ 522 ราย ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต รวมอยู่ 44 ราย แต่ตามความเข้าใจของญาติผู้สูญเสีย รัฐบาลได้เลื่อนการจ่ายมาจากที่กำหนดไว้ในวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา”
ด้าน “เนติบริกร” วิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาชี้ประเด็น ทางกฎหมายกรณีเยียวยาเหยื่อชุมนุมทางการเมือง ซึ่งหากจะสืบสาวราวเรื่องแล้ว ต้องบอกว่าเป็นเรื่อง “การเมืองแท้ๆ” เพราะเชื่อว่ารัฐบาลเองก็รู้อยู่แน่ๆ ว่างานนี้ไม่มีกฎหมายรองรับ แต่จะให้ทำอย่างไร เพราะรับปากผู้ชุมนุมเอาไว้แล้ว หลังจากนี้ก็คงใช้แนว “พลังมวลชนกดดัน” ตามถนัด ..ใครที่ออกมาขัดถือว่าเป็นพวกประชาธิปัตย์ ไม่เห็นหัวประชาชน ที่บาดเจ็บล้มตาย
กูรูกฎหมายรุ่นลายครามยังตั้งข้อสังเกตด้วยความห่วงใยว่า.. การจ่ายเยียวยา แม้จะเพื่อมนุษยธรรมก็ต้องเป็นไปตามกรอบกฎหมาย รัฐบาลจะจ่าย 7 ล้าน 10 ล้าน ก็ได้ไม่มีใครว่า แต่พึงตระหนักว่าต้อง มีกฎหมายรองรับ จะออกกฎหมายใหม่ผ่าน สภาเป็นพระราชบัญญัติ หรือจะเป็นตราพระราชกำหนดแบบไม่ต้องผ่านสภา หรือ จะรื้อกฎหมายเก่าขึ้นมาแก้ไขก็ให้เลือกเอาสักอย่าง อย่าปล่อยให้ชาวบ้าน “ฝันค้าง” แล้วใช้วาทกรรมว่าถูก “ขัดขวาง” จนเกิดความขัดแย้งขึ้นมาอีก...!!!
แม้วิวาทะปรองดอง..ลืมอดีต! ได้ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมในหมู่คนเสื้อแดง แต่ด้วยสถานการณ์ของ “ทักษิณ” และรัฐนาวาเพื่อไทย ที่เวลานี้กำลังรอจังหวะหารันเวย์เพื่อลงจอด! เพราะแม้อีกด้านหนึ่งจะทำไปเพื่อการเดินหน้าปรองดอง ทั้งการ เยียวยาเหยื่อการเมือง หรือการค้นหาความจริง แต่ที่สุดแล้วจุดหมายปลายทางที่ “เลือกเอาไว้!” คงจะเลี่ยงไม่พ้นโมเดล ปรองดองที่นำมาซึ่งกฎหมายแก้กรรม! ที่สำคัญในความคิด “ทักษิณ” ต้องการจะเดินหน้าปรองดองเพื่อลืมอดีต แล้วมองไปข้างหน้าอย่างนั้นหรือ?!
ที่มา.สยามธุรกิจออนไลน์
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น