--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

จี้ทบทวน ม.112 เร่งด่วนสอบหมอ-พยาบาลละเลยช่วยชีวิต อากง !!?

กลุ่มปฏิญญาหน้าศาลแถลงการณ์จี้รัฐบาลตั้งกรรมการสอบแพทย์ พยาบาลที่อาจละเลยช่วยชีวิต “อากง” ก่อนสิ้นลมหายใจ ให้รัฐสภาทบทวนการดำรงอยู่ของมาตรา 112 โดยด่วน และให้ฝ่ายตุลาการตรวจสอบผู้พิพากษาที่ใช้ดุลยพินิจเหนือหลักนิติธรรม “ลูกเสธ.แดง” จัดทำบุญครบรอบ 2 ปีพ่อถูกลอบสังหารโหด ระบุอย่าทำร้ายน้ำใจญาติผู้เสียชีวิตด้วยคำว่าปรองดอง ต้องไม่ละเลยค้นหาความจริงเพื่อเอาคนฆ่ามาลงโทษตามกฎหมาย ปชป. ชี้ยิ่งขยายหมู่บ้านเสื้อแดงยิ่งแตกแยก

ที่หน้าสำนักงานศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก กลุ่มปฏิญญาหน้าศาล (Declaration of Justice) ซึ่งประกอบด้วยนักวิชาการและแนวร่วมคนเสื้อแดง ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 เรื่องการเสียชีวิตของนักโทษการเมือง นายอำพล ตั้งนพกุล หรือ “อากง”

แถลงการณ์ระบุว่า กลุ่มปฏิญญาหน้าศาล อันเป็นกลุ่มที่รวมตัวกันเคลื่อนไหวให้ปลดปล่อยนักโทษทางการเมือง ต้องการให้สถาบันหลักทั้งสามในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยแสดงความรับผิดชอบดังต่อไปนี้

จี้สภาทบทวนมาตรา 112

สถาบันนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นต้นธารของการออกกฎหมาย มาตรา 112 อันเป็นเหตุให้ประชาชนเช่นนายอำพลถูกคุมขังโดยมิชอบ ต้องทบทวนถึงการคงอยู่ของกฎหมายมาตรานี้อย่างเร่งด่วนและซื่อตรงต่อประชาชน

สถาบันตุลาการ ซึ่งเป็นเครื่องมือของการใช้ตัวบทกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ต้องตรวจสอบตุลาการที่ใช้ดุลยพินิจเฉพาะกิจอยู่เหนือหลักการนิติธรรมจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตของประชาชน เพราะนอกจากไม่สามารถดำรงความยุติธรรมให้เกิดในสังคมไทยได้แล้ว ยังนำมาซึ่งความเสื่อมศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศในขั้นรุนแรงอีกด้วย

ต้องสอบหมอ-พยาบาล

สถาบันบริหาร ซึ่งมีหน้าที่บริหารจัดการองค์กรของรัฐทุกองค์กรที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของรัฐบาล ต้องตรวจสอบส่วนงานราชการที่มีความรับผิดชอบโดยตรงต่อการดูแลรักษาโรคของผู้ถูกคุมขัง และตั้งคณะกรรมการสอบสวนแพทย์ พยาบาลผู้ละเลยการให้การรักษาพยาบาลอย่างไร้จรรยาแพทย์โดยทันที

กลุ่มปฏิญญาหน้าศาลจะติดตามการแก้ไขปัญหาของทุกสถาบันอย่างใกล้ชิด และจะเคลื่อนไหวให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจนกว่านักโทษการเมืองจะได้รับการปล่อยตัว และศักดิ์ศรีความเป็นคนของนักโทษการเมืองทั้งที่ได้วายชนม์แล้วและยังถูกคุมขังได้รับกลับคืนมา

เสื้อแดงพัทยาไล่ “ตั๊ก-บงกช”

ด้านกระแสความไม่พอใจดาราสาว “ตั๊ก-บงกช คงมาลัย” ของคนเสื้อแดงสืบเนื่องจากการโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นในเชิงลบต่อการเสียชีวิตของนายอำพล กลางดึกวันที่ 12 พ.ค. ผ่านมาขณะที่ดาราสาวไปถ่ายทำภาพยนตร์ที่พัทยา จังหวัดชลบุรี ได้มีกลุ่มเสื้อแดงจำนวนมากรวมตัวกันเพื่อขับไล่

ทั้งนี้ ฉากที่ดาราสาวกำลังถ่ายทำเป็นการนั่งรถมากับดาราฝรั่ง เมื่อคนเสื้อแดงเห็นจึงขี่จักรยานยนต์เข้าประกบและตะโกนขับไล่ ทำให้รถดาราสาวต้องขับหนีด้วยความเร็ว และกองถ่ายต้องยกเลิกกะทันหัน โดยตั๊กได้เปลี่ยนไปขึ้นรถตู้ที่ปั๊มก๊าซช่วงสุดเขตเมืองพัทยา จากนั้นทีมงานก็ขับออกไปทางอำเภอสัตหีบอย่างรวดเร็ว

ดาราสาวไม่ติดใจเอาผิด

ล่าสุดตั๊กให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยอมรับได้เพราะถือเป็นสิทธิในการแสดงออกของคนที่ไม่เห็นด้วย คงไม่แจ้งความดำเนินคดีกับใคร และจะกลับไปถ่ายทำภาพยนตร์ที่พัทยาอีกครั้ง ซึ่งได้ประสานกับตำรวจให้เข้ามาดูแลความเรียบร้อยแล้ว

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คนเสื้อแดงมักไม่ยอมรับคนที่มีความเห็นแตกต่าง ทั้งที่สิทธิการแสดงออกเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน คนเสื้อแดงไม่มีสิทธิไปคุกคามใคร ขอเรียกร้องให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาปรามคนเหล่านี้และจับกุมดำเนินคดี และขอเตือนให้หยุดการขยายหมู่บ้านเสื้อแดง เพราะเป็นการขยายความแตกแยกให้กว้างขึ้น และอาจเป็นจุดเริ่มให้เกิดความรุนแรงรอบใหม่

ทำบุญครบรอบ 2 ปี “เสธ.แดง”

ที่บริเวณสวนลุมพินี (แยกศาลาแดง) น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ส.ส.พรรคเพื่อไทย บุตรสาว พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก พร้อมคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งร่วมกันจัดงานรำลึกครบ 2 ปีการเสียชีวิตของ เสธ.แดงซึ่งถูกลอบยิงที่ศีรษะขณะมีการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2553 โดยมีการทำบุญเลี้ยงเพลพระ 37 รูป และช่วงค่ำมีการจุดเทียนรำลึกพร้อมการปราศรัยของแกนนำคนเสื้อแดงบางส่วน

น.ส.ขัตติยาให้สัมภาษณ์ว่า แม้เวลาผ่านไป 2 ปีแล้วแต่ยังคิดถึงพ่อทุกวัน อยากให้กระบวนการยุติธรรมเอาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้

ย้ำต้องเอาคนฆ่ามาลงโทษ

“2 ปีผ่านไปดูเหมือนว่าสถานการณ์ต่างๆจะดีขึ้น แต่กระบวนการค้นหาความจริงและการเอาคนผิดมาลงโทษไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร จึงอยากวิงวอนให้ผู้ที่มีข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับการเสียชีวิตของพ่อนำหลักฐานเหล่านั้นมารวมกันเพื่อให้มีความแน่นหนามากขึ้น จะได้เอาคนที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของพ่อมาลงโทษ”

น.ส.ขัตติยากล่าวอีกว่า ส่วนตัวไม่มีปัญหาอะไรกับการสร้างความปรองดอง เพราะการปรองดองเป็นหนึ่งในนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลนี้ แต่อยากให้การสร้างความปรองดองเดินควบคู่ไปกับการค้นหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“เราต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียชีวิต ซึ่งญาติๆของเขาทุกคนต่างอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ใครเป็นผู้กระทำ การสร้างความปรองดองจึงต้องเดินคู่ไปกับการค้นหาความจริง เพื่อไม่ให้เสียความรู้สึก จะได้มีความรู้สึกที่ดีๆด้วยกันทุกฝ่าย เมื่อความจริงปรากฏแล้วก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมที่จะดำเนินการ”


ที่มา.หนังสือพิมพ์โลกวันนี้

**********************************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น