โดย : อรรถภูมิ อองกุลนะ สำนักข่าวเนชั่น @ poom-nna
สัมภาษณ์พิเศษ:จำลอง ศรีเมือง "ผมยืนยัน "ป๋าเปรม"ไม่เปลี่ยนไป-รัฐบาลสานสัมพันธ์ไม่ได้"เชื่อบุกบ้านเมื่อ 2ปียังจำ ย้ำปรองดองไม่ได้ผล
หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรีสมัยพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ผู้ก่อตั้งพรรคพลังธรรมและชักชวนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้าสู่การเมือง
แม้ยามนี้ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง จะไม่ค่อยปรากฏบนกระแส หากในวันที่สถานการณ์ยังคลุมเครือไม่ว่าจะเป็นการปรองดองแค่ช่วงพักรบ หรือรอนกหวีดสัญญาณรวมตัวจากคนเสื้อสี
ฟังปากคำที่ให้สัมภาษณ์พิเศษของ "มหาจำลอง" ผู้ผ่านการรบทั้งในสนามและท้องถนน กระทั่งมีหลักฐานน่าเชื่อว่าครั้งหนึ่งคุ้นเคยกันดีกับ พล.อ.เปรม และพ.ต.ท.ทักษิณ
ลองเปรียบเทียบสถานการณ์บ้านเมืองยามนี้กับก่อนรัฐประหารปี 2549 มีอะไรที่คล้ายกันบ้าง
มีบางอย่างที่คล้ายกัน คือ มีเหตุการณ์ที่รัฐบาลทำขึ้นและคนส่วนใหญ่เห็นว่ากลไกบริหารมันไปไม่ได้ มีการคุมอำนาจ ทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ พูดให้ชัดคือมีระบอบเผด็จการรัฐสภา มีเสียงข้างมากและอ้างความถูกต้อง เชื่อว่าทั้งหมดนี้ยิ่งนานเข้า ยิ่งจะเพิ่มความกลุ้มอกกลุ้มใจให้กับประชาชนมากขึ้น
เช่นเดียวกับที่คนกำลังจับตาดูการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ จะมีการชุมนุมคัดค้านในเรื่องใดบ้างและเมื่อใด
มีอยู่ 3 กรณี เป็นกรณีหนึ่งกรณีใด คือ 1.มีเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนกับราชบัลลังก์ 2.มีการออกกฎหมายหรือแก้กฎหมายอะไรก็แล้วแต่เพื่อให้พ.ต.ท.ทักษิณพ้นผิดในคดีจัดซื้อที่ดินรัชดา ซึ่งมีโทษจำคุก 2 ปี และไม่ว่าจะได้เงินคืนหรือไม่ก็ตาม รวมไปถึงมีการละเว้นความผิดทางคดีอาญา เผาบ้านเผาเมือง ยิงทหาร ฆ่าคนตาย 3.เมื่อประชาชนเห็นว่าสถานการณ์ ณ ขณะนี้ อยู่เฉยๆไม่ได้แล้ว ต้องออกมาช่วยกันอีกครั้ง ทั้งหมดเราพูดมาชัดเจนและพูดมาก่อนหน้านี้มานานแล้ว
ที่พันธมิตรฯเงียบหายเป็นบางช่วงก็เพราะว่าเราทำตามสถานการณ์ที่มีความจำเป็น คือถ้าจำเป็นถึงจะออก ถ้าไม่มีความจำเป็นเราก็ไม่อยากจะรบกวนใคร เราชุมนุมกินนอนบนถนน รวมแล้วกว่า 384 วัน ที่บอกว่าเงียบหายคงไม่ใช่ และที่เราชุมนุมมาตลอดก็ถือว่าเสร็จทุกขั้นตอนการชุมนุม ไม่ว่าจะทำอะไรก็สำเร็จ แม้กระทั่งเรื่องการรักษาดินแดนในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
ไม่ใช่เฉพาะเรื่องคุณทักษิณ แต่ยังหมายถึงเรื่องคนเสื้อแดงด้วย ถ้ามีการออกกฎหมายให้พ้นผิดก็ถือเป็นเงื่อนไขหนึ่ง
ใช่ครับ เพราะถือว่ากลุ่มคนเสื้อแดงมีการเผาบ้านเผาเมืองซึ่งถือเป็นคดีอาญา ก่อความเสียหาย หากพ้นผิดจะกลายเป็นแบบอย่าง อีกหน่อยใครรวย ก็สามารถซื้อเสียงในสภา จะทำผิดร้ายแรงแค่ไหน สุดท้ายก็จะออกกฎหมายนิรโทษกรรม เกิดพฤติกรรมที่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วบ้านเมืองจะอยู่ได้อย่างไร ลองคิดดูว่าขณะที่เรามีคนติดคุกทั้งประเทศ บางคนอาจจะมีคดีทุจริต ทำลายสถานที่ราชการ ไปยิงคนอื่น ถ้าจะปรองดองโดยใช้เหตุผลเดียวกันต้องปรองดองกับคนพวกนี้หรือไม่
อย่างเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ขณะมีการพิจารณาในวาระที่2 เช่นนี้ถึงเวลาแล้วหรือยัง
ต้องดูสถานการณ์ก่อน คงจะบอกไปก่อนไม่ได้ สถานการณ์อาจมีอะไรแทรกซ้อน บอกแล้วอาจพลาดได้ พันธมิตรออกมาไม่เคยพลาดเลย เราไม่ได้ขู่ และการที่ไปกิน-นอนข้างถนน ขับถ่ายมันไม่ใช่เรื่องสุนทรียะแต่ละวัน มันผ่านไปด้วยความยากลำบากอย่างยิ่ง ไม่มีใครอยากมาแต่ถ้าไม่มีทางเลือกมันก็ต้องพร้อม
ประเมินหรือไม่ ถ้าพันธมิตรรวมตัวกันครั้งนี้จะมีจำนวนประมาณเท่า บางคนมองว่าพันธมิตรจบไปนานแล้ว
แต่เราเชื่อว่าอาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะหลังจากรัฐบาลเข้ามาทำงานแล้ว หลายเหตุการณ์มันแย่ลง หลายสิ่งหลายอย่างทับถม ทำคนอึดอัดมากขึ้น ทุกคนได้ยินปัญหา ซ้ำยังมีการบังคับความรู้สึกประชาชนอยู่เนืองๆ เช่น อยู่ดีๆ ก็มีข่าวว่าจะออกพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษแต่พอประชาชนคัดค้านก็ถอย จะแก้ประมวลกฎหมายอาญาม.112 ที่จะกระเทือนถึงพระราชอำนาจ พอมีกระแสคัดค้านอีก สุดท้ายเลยถอยไปอีก ล่าสุดหนักกว่านั้น คือ เมื่อเร็วๆนี้มีทนาย นปช.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า ม.112 ว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้าขัดก็ต้องยกเลิก นี่ย่อมแสดงว่าเขามองถึงการยกเลิกไม่ใช่แค่แก้ไขแล้ว กระทั่งอยู่ดีๆ ก็จะเยียวยาให้ผู้ที่มีความผิดทางอาญาแต่อ้างว่ามาชุมนุม ในขณะที่ทหาร ตำรวจ ที่ตายรายวันในภาคใต้ได้นิดเดียว หากคุณจะให้ผู้สนับสนุนถ้าเอาเงินส่วนตัวคงไม่มีใครว่า แต่อย่าใช้ภาษีอากรของทุกคนสิ ทั้งหมดมันทำให้ประชาชนที่รักบ้านเมืองอึดอัด
แต่รัฐบาลก็อ้างว่าทำเพื่อประชาชนและเรื่องนี้ต่างคนก็ต่างมองว่า กลุ่มของตัวเอง คือความเห็นคนส่วนใหญ่
ไม่มีใครรู้ว่าใครมากกว่า จนกว่าสถานการณ์นั้นจะมาถึง อย่างที่เรียกว่าจะมีเรื่องที่เรียกแขกมาสมทบหรือไม่ จะเดาจำนวนคงไม่ได้เพราะนี่ไม่ใช่ทหารหรือคนงานที่มีอยู่ในกำมือ และไม่ได้มาด้วยการจ้าง ถ้าจ้างมากก็คำนวณได้ เรื่องนี้มันไม่ได้อยู่ที่ว่าใครมีเท่าไร มันขึ้นอยู่ที่ว่าเท่าไรก็เท่ากัน อย่างที่บอกว่ายังมีอีกมากที่คิดว่าเพื่อราชบัลลังก์แล้ว เท่าไรเท่ากัน นั่นแหละจบ นี่คือตัววัด
ถ้าคนเสื้อเหลืองออกมาจริง ก็น่าห่วงว่าจะปะทะกับฝ่ายตรงข้าม
เราไม่ได้ไปปะทะกับใคร การชุมนุมที่แล้วๆมาก็มีคำถามนี้ มีการถามว่าถ้าเหลืองออกมา แดงก็มาก็จะปะทะกัน การไม่ให้ปะทะกันเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่จะต้องรักษาความปลอดภัยของประชาชน ที่จะออกมาตามสิทธิทางรัฐธรรมนูญ
แต่ขณะนี้คุณสนธิ ลิ้มทองกุล อยู่ระหว่างรอลงอาญา อาจไม่สามารถมาร่วมชุมนุมได้ และคุณสนธิก็มีผลต่อการนำของพันธมิตรฯ
ไม่มีผล คดีที่คุณสนธิโดนตัดสินมันมีก่อนที่ชุมนุม แกยังเหมือนเดิม ก็ยังเจ๊งเป็นเจ๊ง ขณะนี้เขาก็เป็นอยู่ เพียงแต่วันนั้นเราเรียกประชุมด่วน เขารักษาตัวที่เมืองจีนมาไม่ได้
แกนนำพันธมิตรทั้ง5คนยังอยู่ดี ครบ
ยังอยู่ดี ยืนยัน ไม่มีอะไรทำให้อ่อนแอลง ถึงจะเกิดความเข้าใจผิดตอนช่วงพรรคการเมืองใหม่ แต่ทุกอย่างยังคงเดิม
ผมไม่ได้ประเมินตัวเองสูงเกินไปนะ ที่ผ่านมาผมประเมินต่ำกว่าความเป็นจริงด้วยซ้ำเพื่อความไม่ประมาท ดังนั้นตอบเลยได้ว่าใครจะบอกว่ามีเยอะเท่าไร มีกำลังเท่าไร เราก็ฟังไว้ แต่ไม่ได้นำเอามาคิดเป็นปัจจัย มันคงไม่ได้ เพราะถ้าเพื่อชาติบ้านเมือง เท่าไรเท่านั้น มิเช่นนั้นทหารจะออกรบ พอเห็นคนอื่นกำลังมากกว่า ก็ไม่ต้องรบสิ แล้วจะป้องกันบ้านเมืองอย่างไร คงไม่ได้ มันอยู่ที่สถานการณ์ ถ้าจำเป็นก็ต้องออกมา ถ้าไม่จำเป็น ต่อให้พวกคุณมีน้อยกว่า ผมก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไร จำนวนไม่ใช่ตัวชี้วัดเสมอไป
แต่ขณะนี้สังคมกำลังพูดถึงความปรองดอง คนเสื้อเหลืองกับคนเสื้อแดงจะปรองดองกันได้หรือไม่
คำว่าปรองดอง ต้องถามว่าจะปรองดองใครกับใคร เราไม่ได้โกรธเคืองกับใคร เหลืองไม่ได้ไปโกรธอะไรแดง แต่สีไหนก็ตามทำให้บ้านเมืองเสียหายมันก็ต้องปกป้องต่างหาก จะบอกว่าคุณเป็นอีกสีต้องเล่นงานสีตรงข้างมันไม่ใช่ แบบนั้นมันเด็กเกินไป
สาระหนึ่งของการปรองดองที่ว่าให้ลืมอดีตและมองอนาคต รวมถึงย้อนไปสู่เหตุการณ์ก่อนรัฐประหาร49 รับได้หรือไม่
คงไม่ได้หรอกครับ รับไม่ได้ สถาบันพระปกเกล้าขอให้ผมให้ความเห็น ผมก็ตอบไปเลยว่าผมคงไม่ไป มันไม่ได้ประโยชน์ คุณจะปรองดองกับใครละ จะปรองดองคนที่ถูกกฎหมายกับคนที่ผิดกฎหมายอย่างนั้นหรือ จะมาเห็นว่าผมเป็นแกนนำพันธมิตร มาบอกให้ปรองดอง ผมถามหน่อยว่าพันธมิตรไปขัดแย้งกับใคร ถึงมาบอกให้ปรองดอง มันไม่ใช่ การปรองดองมันต้องระหว่างคนที่ทะเลาะกัน
มันเป็นเรื่องระหว่างคนที่ทำถูกกฎหมายกับคนที่ทำผิดกฎหมาย แต่เขาบวกเราไปด้วยเพื่อให้เห็นว่าเหมือนกันหมดและถ้าเหมือนกันหมดแบบนี้ อะไรที่อยู่ในคดีพวกผมก็พร้อมจะขึ้นศาลทุกเมื่อ และจนถึงขณะนี้ก็ขึ้นอยู่เป็นประจำ จนจำไม่ได้ว่าตัวเองมีกี่คดีแต่ผมก็พร้อม เพราะเมื่อเราทำไปเพื่อความถูกต้อง กระบวนการยุติธรรมจะบอกว่าผิด ผิดก็คือผิด ผมเองก็ติดคุกมาหมดแล้ว ทั้งคุกตำรวจ ทหาร พลเรือน ไม่เห็นต้องออกมาโวย อย่าเอาเรามาพ่วงเพื่อคุณได้ประโยชน์
หรือถ้าอ้างว่ากระบวนการยุติธรรมหลังรัฐประหารไม่ยุติธรรม เช่นนี้ก็อย่าพึ่งกระบวนการยุติธรรมครับ คุณทักษิณพึ่งกระบวนการยุติธรรมมาตลอด ฟ้องพวกผม คุณก็อย่าเอามาใช้สิ ถ้าไม่เชื่อ คุณพูดเอาแต่ได้ ทีเสียไม่ยอมรับคงไม่ได้ ถ้ากฎหมายไทยไม่เป็นธรรมมันก็ต้องไปอยู่บ้านเมืองอื่น ดังนั้นปรองดองแบบนี้คงไม่ได้
การปรองดองแบบพันธมิตร ต้องทำอย่างไร
ใช้กฎหมายที่มีอยู่อย่างเคร่งครัด ถ้าบ้านเมืองไหนไม่ใช้กฎหมายคงไม่ได้ แต่ที่คุณอ้างเรื่องกฎหมายมีปัญหาเพราะคุณเสียประโยชน์ อ้างว่าไม่ยุติธรรม แต่คุณก็พึ่งอยู่เรื่อย ใช้ทนายฟ้องใครกันอุตลุด
เราไม่ได้ไม่พร้อมปรองดอง แต่ปรองดองมันไม่ได้ผล มันก็เหมือนสมานฉันท์ แล้วเดี๋ยวหายไป เหมือนสุนทรียะเสวนา ที่ผมเรียกว่าเสวนานำไปสู่ความฉิบหายมากกว่า (หัวเราะ)
อยู่กันแบบนี้ ไม่ต้องปรองดอง
ใช่ มันก็ดีอยู่แล้วนิ ใครผิดก็ว่าไปตามผิด
แต่คดีของพันธมิตรเองก็มีคนมองว่ามีมาตรฐานต่างกับของคนเสื้อแดง ตัวอย่างคดีปิดสนามบินขณะนี้ยังล่าช้า ขณะเหตุการณ์ปี53 ของคนเสื้อแดงถูกตั้งข้อหาก่อการร้ายกันทั่วหน้า
ไม่ได้ 2 มาตรฐาน เราไม่ได้วิ่งเต้นกับศาลด้วย แต่มันอาจจะล่าช้าเพราะมีขั้นตอนการสืบพยานมากกว่า ผมเองก็ไม่รู้ขั้นตอน แต่อย่าเปรียบเทียบกันแค่นี้เลย คดีที่มีคนบุกบ้าน พล.อ เปรมยังช้าเลย แล้วปากคำ วีดีโอหลักฐานก็เยอะแยะ
มองอย่างไรที่ขณะนี้รัฐบาลเริ่มสานสัมพันธ์กับประธานองคมนตรีได้แล้ว
คงไม่ได้หรอกครับ (สวน) การที่ไปบ้านพล.อ.เปรม ไปรดน้ำดำหัว อ้างว่าสงกรานต์ คุณว่ามันเหมาะกับเวลาไหม สงกรานต์มัน13เมษา ไปรดน้ำวันที่26 เมษา มีที่ไหนบ้าง มันก็แค่การสร้างภาพให้เห็นว่าประธานองคมนตรีเห็นด้วยกับการปรองดอง
แต่ พล.อ.เปรม ก็ต้อนรับ
ท่านทำโดยมารยาทผู้ใหญ่ ขืนไม่เปิดบ้านพวกนั้นก็ออกมาด่าอีก หาว่านี้แหละ..ตั้งหน้าไม่ปรองดอง คนจะไปรดน้ำดำหัว ไม่ยอมเปิดบ้าน ท่านก็เสียอีก แต่อย่าไขว้เขว ผมยืนยันได้เลยว่า “ป๋า”ไม่เขวแน่ (เน้นเสียง)
ผมรู้เพราะผมเคยอยู่กับท่านมา ท่านรู้และท่านจำ ไม่ใช่ลืมง่าย คิดดูว่าเหตุการณ์เมื่อ 2 ปีกว่าที่ยกพวกไปบุกบ้าน ด่าสาดเสียเทเสีย คดียังไปไม่ถึงไหนเลย แต่มาวันนี้คุณบอกเคารพนับถือท่านแล้ว แต่วันนั้นคนที่ทำลูกน้องคุณเพียบเลยทำไมไม่จัดการ คุณมีอำนาจในมือเร่งคดีได้ก็ไม่ทำ ถ้าคุณทำยังแสดงถึงความเคารพ
นี่คือการแสดงภาพ แสดงภาพให้คนอื่นเขาหลงไปตามภาพที่ออกมา ให้เห็นว่า พล.อ.เปรม เอาด้วยในการปรองดอง นี่ต่างหาก และผมยืนยันเลยว่าคนที่เข้าบ้านป๋าไม่ว่าจะเป็นทหารชั้นผู้ใหญ่ขนาดไหนก็ตามหรือข้าราชการ ไม่ได้จริงใจเต็มที่หรอกที่ไปอวยพรท่าน แต่เพื่อสร้างภาพประจบสอพลอ ผมยืนยันไม่ใช่เอามาข่มนะ แต่คุณจะไม่เคยเห็นผมในวันสำคัญที่บ้านป๋าเพราะถ้าอยากจะช่วยท่านก็ทำอะไรเพื่อบ้านเมืองสิ ซึ่งท่านในฐานะผู้ใหญ่ จะได้เบาลงในการทำงานเพื่อบ้านเมือง
คนในรัฐบาลมักอ้างว่าตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยน เป็นไปได้ไหมว่าการปรองดองกำลังจะเกิดขึ้นจริง
คุณเห็นว่ามันไปไม่รอดใช่ไหมเลยเปลี่ยน แล้วขอถามหน่อยว่าพวกคุณเปลี่ยนไหม ในวันเดียวกันวันที่รดน้ำดำหัวที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ อีกกลุ่มหนึ่งก็มีการรดน้ำผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อปี53
และครอบครัวของคุณกมลเกด (อัคฮาด) ก็ยังไม่ยอมจะปรองดองด้วย ซึ่งผมถามหน่อยว่าถ้าเป็นคุณทักษิณคุณยอมได้ไหม ถ้าลูกคุณ เมียคุณ ถูกยิงตายแล้วบอกให้เลิกแล้ว เพื่อชาติบ้านเมืองจะทำได้ไหม
นี่คือความพยายามสร้างภาพจะให้หลายๆคนหันมาเห็นด้วยกับการปรองดอง เพราะมันไปไม่ได้ ต้องหาผู้ใหญ่ จึงต้องทำให้เห็นว่าท่านเปิดบ้าน ท่านต้อนรับ เหมือนกับท่านยอมรับแล้วว่าเห็นด้วยกับการปรองดอง
มีจุดมุ่งหมายหวังเอา พล.อ.เปรม เป็นเครื่องมือทางการเมือง
แน่นอนครับ (พยักหน้า) เหตุผลมันก็ชัดเจนอยู่ ขณะนี้พวกคุณยังบอกเลยว่ายังไม่สยบต่ออำมาตย์
แต่บ้านของพล.อ.เปรมไม่ใช่ว่าใครจะเข้าได้
มันก็ถูกต้อง ต้องไปบอกล่วงหน้า ถ้าผมไปเคาะบ้านบอกว่าป๋าครับผมมีเรื่องจะเรียนให้ทราบ ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นคนอื่น โดยเฉพาะคณะรัฐบาล ถ้าขอเข้าพบแล้วไม่ให้ก็จะกลายเป็นว่าผู้ใหญ่ในบ้านเมืองทำแบบนี้เหรอ ขนาดหัวหน้ารัฐบาลขอเข้าพบยังไม่ให้ และเอาเข้าจริงก็พาไปรองนายกแค่3 คนเพราะอะไรล่ะ ก็เพราะคนอื่นเขาไม่เอา พอตัวเองฝืนไม่ได้ ก็ต้องเข้าหาพล.อ.เปรม ให้แสดงว่าท่านเห็นด้วย อย่ามาโกหกคนที่รู้เรื่องบ้านเมืองดี ไปโกหกคนอื่นเถอะ ท่านรู้ ท่านไม่เคยเปลี่ยน
เหตุผลใดถึงคิดว่าลึกๆแล้วพล.อ.เปรม ไม่ได้มีสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาล
(นิ่งคิด) คือผมทำงานให้ท่านมาตั้งแต่ตอนก่อนที่ท่านเป็นนายก และผมก็ช่วยท่านประสานจัดตั้งรัฐบาลตอนเปรม1 ผมทราบดีว่าท่านเป็นคนอย่างไร ผมยืนยันได้ ไม่ใช่อยู่ดีๆนึกจะวิเคราะห์ก็วิเคราะห์แล้วออกมาบอก ผมยืนยันว่าไม่ใช่แน่นอน
ถ้าให้เดาใจท่านกับสถานการณ์ที่เคยถูกฝ่ายหนึ่งด่า แต่วันนี้พยายามสร้างสัมพันธ์ด้วย ท่านกำลังคิดอะไรอยู่
คิดในฐานะเป็นข้าราชการผู้ใหญ่ ต้องคิดถึงบ้านเมือง โดยเฉพาะสถาบันกษัตริย์ จึงต้องคิดว่าทำอย่างไรจึงจะดีที่สุด เช่น เมื่อเขาเชิญให้ท่านไปที่ทำเนียบรัฐบาล ไม่ไปก็อาจจะโดนว่า ท่านก็ไป หรือเขาขอเข้าพบ หากไม่พบเขาก็ว่า และการที่ได้พบกันมันก็ดีแล้ว หรือไปงานเขาหน่อยมันก็ดีแล้ว เท่านั้นเอง
ชัดเจนว่าคู่ขัดแย้งที่ผ่านมาคือคุณทักษิณกับพล.อ.เปรม
ไม่ใช่ครับ เขาสร้างคู่ขัดแย้งขึ้นมาเอง คุณทักษิณขัดแย้งกับใครล่ะ หากกลุ่มผู้สนับสนุนจะบอกว่าขัดแย้งกับอำนาจนอกระบบ ซึ่งมีพล.อ.เปรม เป็นศูนย์กลางนั่นก็เพราะเขากลัวว่าคนจะเกลียดเขา ถ้าคุณไปดูต่างจังหวัดหลายแห่งที่สนับสนุนคุณทักษิณคุณจะรู้ว่าผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญหรืออำมาตย์เขาหมายถึงใคร เพียงแต่เขาพยายามบอกแค่ว่าอำมาตย์สิ้นสุดแค่พล.อ.เปรม ลองดูให้ดีว่า ที่ผ่านมาคุณทักษิณไม่เคยออกมาห้ามปราม ผู้ที่กระทำการจาบจ้วงสถาบันเลย ไม่เคยแสดงความชัดเจนว่าพวกนี้ไม่ใช่พวกผม แต่เขาก็เกาะติดกันเหนียวแน่น กรรมมันส่อให้เห็นเจตนา
จะบอกว่าคุณทักษิณกับกลุ่มไม่เอาสถาบันคือพวกเดียวกัน
จะเป็นพวกเดียวกันหรือไม่ก็ตาม แต่ถ้าเห็นว่ามีอะไรที่ไม่ตรงและเรื่องใหญ่ ก็ควรจะบอก ควรจะปราม แต่มีไหมสักคำจากปากคุณทักษิณที่จะห้ามปราม
ที่ผ่านมาพันธมิตรเองก็มักถูกต่อว่าชอบดึงสถาบันมายุ่งกับการเมือง
เราไม่ได้ดึง ผมถามหน่อยว่าเราเคลื่อนไหวแล้วจะได้อะไร ถ้าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ทำอะไรกระทบกระเทือนเราจะออกไปค้านทำไม เราไม่ได้มีอะไรขัดแย้งกับใคร ถ้าบอกเราดึง จุดมุ่งหมายของเราเพื่ออะไรล่ะ เราก็เห็นชัดว่าขณะนี้เป็นอย่างไร ไปเปิดอินเทอร์เน็ตดู คุณจะรู้ว่ามันยิ่งกว่าจาบจ้วงแล้ว แต่มันใส่ร้ายไปเลย บ่อนทำลาย เอาเรื่องไม่จริงมาใส่ร้ายพระองค์ท่าน เราไม่ได้บอกว่ารัฐบาลหรือพรรคเพื่อไทยทำ แต่คุณในฐานะรัฐบาลได้ทำอะไรเพื่อป้องกันขนาดไหน
ข้อหาเรื่องสถาบันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และประเด็นก็ถูกยกเป็นเหตุผลในการปฏิวัติรัฐประหาร แต่การรัฐประหารครั้งล่าสุดก็ได้รับคำตอบแล้วว่าไม่ใช่ทางออก สังคมจึงมองการเผชิญหน้าระหว่างประชาชน
ไม่ทราบ มันยากที่จะคาดเดา ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเมื่อใด ผมเองก็ไม่รู้ว่าทหารในขณะนี้เป็นอย่างไร
มั่นใจกองทัพขนาดไหนเขาก็รุ่นหลังผมเยอะ ไม่ได้มีความสัมพันธ์กัน แต่พล.อ.เปรม ผมเคยทำงานให้ท่าน ผมทราบดีว่าท่านไม่เปลี่ยนไป แต่คนอื่นไม่รู้
พันธมิตรมักเรียกหาอำนาจนอกระบบ
เราไม่ได้เรียกหาอำนาจนอกระบบ ผมรู้ดีอะไรเป็นอะไร เราไม่เคยเห็นด้วยกับการปฏิวัติ แต่ถ้าบ้านเมืองเกิดวิกฤติปัญหา ไม่มีองค์กรแก้ไข มันก็เป็นหน้าที่ทหาร และการปฏิวัติที่ดีในโลกนี้ก็เคยมี นั่นคือการปฏิวัติและรีบคืนอำนาจให้ประชาชน อย่างที่ประเทศโปรตุเกส ขอย้ำอีกครั้งว่าเราไม่ได้เห็นด้วย อย่าเข้าใจผิด แต่การปฏิวัติที่ดีมันก็มี และถ้ามันไม่มีทางเลือก มันก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้
ถึงแม้จะมองว่าเราเหลือน้อยก็ไม่เป็นไร คุณก็ลองทำสิ เพราะแม้น้อยแม้มาก เราไม่มีทางเลือก ถ้าจะให้บ้านเมืองอยู่มันก็ต้องทำ การชนะการเลือกตั้งก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นประชาธิปไตย อย่างฮิตเลอร์ หรือมาร์กอสก็มาจากการเลือกตั้ง
แต่ในช่วงเวลาที่สังคมไทยกำลังเกิดปัญหาโดยมีคุณทักษิณเป็นเงื่อนไขหนึ่งผลการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเป็นพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ตรงนี้บอกอะไร บอกว่าสังคมไทยกำลังต้องการคุณทักษิณหรือไม่
ไม่ใช่ครับ สังคมไทยยังต้องการเงิน เราไม่ได้ดูแคลน ผมยอมรับบางคนเลือกมาด้วยความสุจริตก็จริง แต่หลายคนเลือกมาเพราะเงิน
หากบอกว่าการยึดถือกฎหมายอย่างเคร่งครัด คือการดีที่สุดในการพาประเทศ เช่นนี้การเข้าชื่อเสนอญัติติแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันตามสิทธิทางกฎหมาย สามารถทำได้หรือไม่
เป็นการทำตามกฎหมายในแบบของเขา แต่แท้จริงแล้วมันไม่ต่างกับการเผด็จการรัฐสภาถึงว่าไม่ต่างอะไรกับฮิตเลอร์หรือมาร์คอส
แยกกันอย่างไรในการใช้เสียงข้างมากตามระบอบประชาธิปไตยกับเผด็จการรัฐสภา
เผด็จการรัฐสภาคือทั้งฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหารมันอันเดียวกันเลยและรัฐบาลก็มักจะทำอะไรที่แปลกๆ เสี่ยงๆ โดยใช้วิธีเอาเข้ารัฐสภา ที่พรรคพวกของตนเองมีเสียงข้างมาก
แต่การเลือกตั้งเพื่อให้ได้ฝ่ายบริหารเป็นวิธีการที่ใช้กันทั่วโลก
เราไม่เหมือนเขา ถ้าเราเหมือนคงไม่นั่งกลุ่มอกกลุ้มใจ เห็นชัดๆว่าแบบนี้ใช้ไม่ได้ บ้านเมืองจะเสียหาย มีเงินเท่าไรก็ทำได้ เพราะยังมีการใช้เงินทำงานการเมืองอยู่ รวบรวม ส.ส.ให้ได้มากที่สุด
ถึงบอกให้ดูเจตนาที่ทำว่าเพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือหมู่คณะ การที่ทำอยู่และอ้างเสียงส่วนใหญ่ก็ทำได้ คือคุณเป็นนักการเมืองคือการอาสามาทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ ไม่มีใครมาจี้คุณ คุณมาเองก็ต้องทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ แต่คุณจะทำอะไรเพื่อประโยชน์ตัวเองไม่มีใครยอมหรอก รัฐธรรมนูญก็กำหนดว่าประชาชนมีหน้าที่ปกป้องชาติ สถาบัน พระมหากษัตริย์ ไม่ใช่แค่ใช้สิทธิ์หย่อนบัตรแล้วปล่อยให้ใครทำอะไรก็ได้
การฟ้องศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้พิจารณาว่าการแก้ไขมาตรา291 สามารถนำมาสู่การมี ส.ส.ร.เพื่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับได้หรือไม่ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องกลุ่มพันธมิตร เช่นนี้จะปล่อยให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญไปตามกระบวนการหรือไม่
ไม่ได้ก็ถือยกฟ้องไป แต่คุณจะแก้เราก็ต้องแสดงออกอยู่ดี
แบบนี้ศาลรัฐธรรมนูญก็เชื่อไม่ได้ เพราะขนาดพิจารณาว่าสามารถทำได้แล้ว พันธมิตรยังไม่ยอมเชื่อฟัง
เชื่อได้ แต่มันอาจจะพิจารณาบางแง่ บางมุมไม่ตรงกัน คือคุณจะทำอะไรก็แล้วแต่จะเกี่ยวข้องกับอะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้าการกระทำของคุณมุ่งไปสู่ผลกระทบกับราชบัลลังก์ ทำให้คนผิดโดนโกง ไปฆ่าเขากลับมาถูกต้อง ประชาชนเองคงยอมไม่ได้หากศาลยกคำร้องนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่เราไม่ได้คำนึงว่าศาลจะพิจารณาอย่างไร แต่เราคำนึงว่าบ้านเมืองจะเสียหายไหม
แต่พันธมิตรฯไปฟ้องเอง แต่พอศาลยกคำร้องกลับไม่ยอมรับ เช่นนี้ต่างอะไรกับคุณทักษิณ
ไม่ใช่เราไม่ยอม แต่ถ้าคุณอ้างที่จะแก้ไขแล้วเอาบ้านเมืองเสียหายคงยอมไม่ได้ เราไม่ได้ขึ้นกับเขา ไม่ใช่ว่าเขาแก้เราเลยออกมา แต่ถ้าคุณทำอะไรกระทบกระเทือนสถาบัน ทำให้คนผิดกลายเป็นถูก บ้านเมืองเสียหาย คนอื่นก็ทำบ้าง ผิดแค่ไหนก็ได้
พันธมิตรฯก้าวไม่พ้นคุณทักษิณ
ผมไม่ได้มองที่ตัวบุคคล แต่มองว่าคุณจะทำอะไรให้บ้านเมืองเสียหายไหม แต่ในวันนี้คุณทักษิณมีส่วนทำให้บ้านเมืองเสียหายเราก็ต้องแสดงออก ผมก็ดึงคุณทักษิณมา ไม่มีอคติด้วยซ้ำ วันนี้ถ้าเจอกันผมยังคิดว่าเขาคือน้องผม เพราะเขาเรียกผมพี่ทุกคำ แต่บ้านเมืองก็เป็นคนละเรื่องกับเรื่องส่วนตัว
กลายเป็นภารกิจต้องรับผิดชอบ เพราะชวนเข้ามาทำงานการเมือง
ใช่ มีผู้ใหญ่ฝากมาบอกว่า ไปบอกคุณจำลอง เปิดยักษ์ออกจากขวดต้องจับใส่(หัวเราะ)
ผมยังจำได้ตอนที่คุณเดินมาบอกผมว่า “เรื่องธุรกิจนั้นพอแล้ว กินใช้เท่าไรก็ไม่หมด ผมอยากจะมาทำงานการเมือง” ก่อนที่จะมาร่วมกับพรรคพลังธรรม แต่ผมเองก็ไม่ได้แก้ตัว ตอนนั้นไม่ใช่ผมคนเดียวที่เห็นว่าเขาเหมาะ ผู้ใหญ่ก็ว่าเหมาะ อีกอย่าง เหมือนผมมีน้องคนหนึ่ง เห็นว่าเขาดีก็สนับสนุน แต่ต่อมาใครจะรู้ว่าเขาเปลี่ยนไป วันนั้นยังดี ตอนบริหารประเทศแรกๆก็ดี แต่ที่เป็นแบบนี้จะเป็นเพราะบริวารสิ่งแวดล้อมหรือไม่ ผมเองก็ไม่รู้
ที่มา.กรุงทเพธุรกิจออนไลน์
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สัมภาษณ์พิเศษ:จำลอง ศรีเมือง "ผมยืนยัน "ป๋าเปรม"ไม่เปลี่ยนไป-รัฐบาลสานสัมพันธ์ไม่ได้"เชื่อบุกบ้านเมื่อ 2ปียังจำ ย้ำปรองดองไม่ได้ผล
หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรีสมัยพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ผู้ก่อตั้งพรรคพลังธรรมและชักชวนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้าสู่การเมือง
แม้ยามนี้ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง จะไม่ค่อยปรากฏบนกระแส หากในวันที่สถานการณ์ยังคลุมเครือไม่ว่าจะเป็นการปรองดองแค่ช่วงพักรบ หรือรอนกหวีดสัญญาณรวมตัวจากคนเสื้อสี
ฟังปากคำที่ให้สัมภาษณ์พิเศษของ "มหาจำลอง" ผู้ผ่านการรบทั้งในสนามและท้องถนน กระทั่งมีหลักฐานน่าเชื่อว่าครั้งหนึ่งคุ้นเคยกันดีกับ พล.อ.เปรม และพ.ต.ท.ทักษิณ
ลองเปรียบเทียบสถานการณ์บ้านเมืองยามนี้กับก่อนรัฐประหารปี 2549 มีอะไรที่คล้ายกันบ้าง
มีบางอย่างที่คล้ายกัน คือ มีเหตุการณ์ที่รัฐบาลทำขึ้นและคนส่วนใหญ่เห็นว่ากลไกบริหารมันไปไม่ได้ มีการคุมอำนาจ ทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ พูดให้ชัดคือมีระบอบเผด็จการรัฐสภา มีเสียงข้างมากและอ้างความถูกต้อง เชื่อว่าทั้งหมดนี้ยิ่งนานเข้า ยิ่งจะเพิ่มความกลุ้มอกกลุ้มใจให้กับประชาชนมากขึ้น
เช่นเดียวกับที่คนกำลังจับตาดูการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ จะมีการชุมนุมคัดค้านในเรื่องใดบ้างและเมื่อใด
มีอยู่ 3 กรณี เป็นกรณีหนึ่งกรณีใด คือ 1.มีเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนกับราชบัลลังก์ 2.มีการออกกฎหมายหรือแก้กฎหมายอะไรก็แล้วแต่เพื่อให้พ.ต.ท.ทักษิณพ้นผิดในคดีจัดซื้อที่ดินรัชดา ซึ่งมีโทษจำคุก 2 ปี และไม่ว่าจะได้เงินคืนหรือไม่ก็ตาม รวมไปถึงมีการละเว้นความผิดทางคดีอาญา เผาบ้านเผาเมือง ยิงทหาร ฆ่าคนตาย 3.เมื่อประชาชนเห็นว่าสถานการณ์ ณ ขณะนี้ อยู่เฉยๆไม่ได้แล้ว ต้องออกมาช่วยกันอีกครั้ง ทั้งหมดเราพูดมาชัดเจนและพูดมาก่อนหน้านี้มานานแล้ว
ที่พันธมิตรฯเงียบหายเป็นบางช่วงก็เพราะว่าเราทำตามสถานการณ์ที่มีความจำเป็น คือถ้าจำเป็นถึงจะออก ถ้าไม่มีความจำเป็นเราก็ไม่อยากจะรบกวนใคร เราชุมนุมกินนอนบนถนน รวมแล้วกว่า 384 วัน ที่บอกว่าเงียบหายคงไม่ใช่ และที่เราชุมนุมมาตลอดก็ถือว่าเสร็จทุกขั้นตอนการชุมนุม ไม่ว่าจะทำอะไรก็สำเร็จ แม้กระทั่งเรื่องการรักษาดินแดนในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
ไม่ใช่เฉพาะเรื่องคุณทักษิณ แต่ยังหมายถึงเรื่องคนเสื้อแดงด้วย ถ้ามีการออกกฎหมายให้พ้นผิดก็ถือเป็นเงื่อนไขหนึ่ง
ใช่ครับ เพราะถือว่ากลุ่มคนเสื้อแดงมีการเผาบ้านเผาเมืองซึ่งถือเป็นคดีอาญา ก่อความเสียหาย หากพ้นผิดจะกลายเป็นแบบอย่าง อีกหน่อยใครรวย ก็สามารถซื้อเสียงในสภา จะทำผิดร้ายแรงแค่ไหน สุดท้ายก็จะออกกฎหมายนิรโทษกรรม เกิดพฤติกรรมที่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วบ้านเมืองจะอยู่ได้อย่างไร ลองคิดดูว่าขณะที่เรามีคนติดคุกทั้งประเทศ บางคนอาจจะมีคดีทุจริต ทำลายสถานที่ราชการ ไปยิงคนอื่น ถ้าจะปรองดองโดยใช้เหตุผลเดียวกันต้องปรองดองกับคนพวกนี้หรือไม่
อย่างเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ขณะมีการพิจารณาในวาระที่2 เช่นนี้ถึงเวลาแล้วหรือยัง
ต้องดูสถานการณ์ก่อน คงจะบอกไปก่อนไม่ได้ สถานการณ์อาจมีอะไรแทรกซ้อน บอกแล้วอาจพลาดได้ พันธมิตรออกมาไม่เคยพลาดเลย เราไม่ได้ขู่ และการที่ไปกิน-นอนข้างถนน ขับถ่ายมันไม่ใช่เรื่องสุนทรียะแต่ละวัน มันผ่านไปด้วยความยากลำบากอย่างยิ่ง ไม่มีใครอยากมาแต่ถ้าไม่มีทางเลือกมันก็ต้องพร้อม
ประเมินหรือไม่ ถ้าพันธมิตรรวมตัวกันครั้งนี้จะมีจำนวนประมาณเท่า บางคนมองว่าพันธมิตรจบไปนานแล้ว
แต่เราเชื่อว่าอาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะหลังจากรัฐบาลเข้ามาทำงานแล้ว หลายเหตุการณ์มันแย่ลง หลายสิ่งหลายอย่างทับถม ทำคนอึดอัดมากขึ้น ทุกคนได้ยินปัญหา ซ้ำยังมีการบังคับความรู้สึกประชาชนอยู่เนืองๆ เช่น อยู่ดีๆ ก็มีข่าวว่าจะออกพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษแต่พอประชาชนคัดค้านก็ถอย จะแก้ประมวลกฎหมายอาญาม.112 ที่จะกระเทือนถึงพระราชอำนาจ พอมีกระแสคัดค้านอีก สุดท้ายเลยถอยไปอีก ล่าสุดหนักกว่านั้น คือ เมื่อเร็วๆนี้มีทนาย นปช.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า ม.112 ว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้าขัดก็ต้องยกเลิก นี่ย่อมแสดงว่าเขามองถึงการยกเลิกไม่ใช่แค่แก้ไขแล้ว กระทั่งอยู่ดีๆ ก็จะเยียวยาให้ผู้ที่มีความผิดทางอาญาแต่อ้างว่ามาชุมนุม ในขณะที่ทหาร ตำรวจ ที่ตายรายวันในภาคใต้ได้นิดเดียว หากคุณจะให้ผู้สนับสนุนถ้าเอาเงินส่วนตัวคงไม่มีใครว่า แต่อย่าใช้ภาษีอากรของทุกคนสิ ทั้งหมดมันทำให้ประชาชนที่รักบ้านเมืองอึดอัด
แต่รัฐบาลก็อ้างว่าทำเพื่อประชาชนและเรื่องนี้ต่างคนก็ต่างมองว่า กลุ่มของตัวเอง คือความเห็นคนส่วนใหญ่
ไม่มีใครรู้ว่าใครมากกว่า จนกว่าสถานการณ์นั้นจะมาถึง อย่างที่เรียกว่าจะมีเรื่องที่เรียกแขกมาสมทบหรือไม่ จะเดาจำนวนคงไม่ได้เพราะนี่ไม่ใช่ทหารหรือคนงานที่มีอยู่ในกำมือ และไม่ได้มาด้วยการจ้าง ถ้าจ้างมากก็คำนวณได้ เรื่องนี้มันไม่ได้อยู่ที่ว่าใครมีเท่าไร มันขึ้นอยู่ที่ว่าเท่าไรก็เท่ากัน อย่างที่บอกว่ายังมีอีกมากที่คิดว่าเพื่อราชบัลลังก์แล้ว เท่าไรเท่ากัน นั่นแหละจบ นี่คือตัววัด
ถ้าคนเสื้อเหลืองออกมาจริง ก็น่าห่วงว่าจะปะทะกับฝ่ายตรงข้าม
เราไม่ได้ไปปะทะกับใคร การชุมนุมที่แล้วๆมาก็มีคำถามนี้ มีการถามว่าถ้าเหลืองออกมา แดงก็มาก็จะปะทะกัน การไม่ให้ปะทะกันเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่จะต้องรักษาความปลอดภัยของประชาชน ที่จะออกมาตามสิทธิทางรัฐธรรมนูญ
แต่ขณะนี้คุณสนธิ ลิ้มทองกุล อยู่ระหว่างรอลงอาญา อาจไม่สามารถมาร่วมชุมนุมได้ และคุณสนธิก็มีผลต่อการนำของพันธมิตรฯ
ไม่มีผล คดีที่คุณสนธิโดนตัดสินมันมีก่อนที่ชุมนุม แกยังเหมือนเดิม ก็ยังเจ๊งเป็นเจ๊ง ขณะนี้เขาก็เป็นอยู่ เพียงแต่วันนั้นเราเรียกประชุมด่วน เขารักษาตัวที่เมืองจีนมาไม่ได้
แกนนำพันธมิตรทั้ง5คนยังอยู่ดี ครบ
ยังอยู่ดี ยืนยัน ไม่มีอะไรทำให้อ่อนแอลง ถึงจะเกิดความเข้าใจผิดตอนช่วงพรรคการเมืองใหม่ แต่ทุกอย่างยังคงเดิม
ผมไม่ได้ประเมินตัวเองสูงเกินไปนะ ที่ผ่านมาผมประเมินต่ำกว่าความเป็นจริงด้วยซ้ำเพื่อความไม่ประมาท ดังนั้นตอบเลยได้ว่าใครจะบอกว่ามีเยอะเท่าไร มีกำลังเท่าไร เราก็ฟังไว้ แต่ไม่ได้นำเอามาคิดเป็นปัจจัย มันคงไม่ได้ เพราะถ้าเพื่อชาติบ้านเมือง เท่าไรเท่านั้น มิเช่นนั้นทหารจะออกรบ พอเห็นคนอื่นกำลังมากกว่า ก็ไม่ต้องรบสิ แล้วจะป้องกันบ้านเมืองอย่างไร คงไม่ได้ มันอยู่ที่สถานการณ์ ถ้าจำเป็นก็ต้องออกมา ถ้าไม่จำเป็น ต่อให้พวกคุณมีน้อยกว่า ผมก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไร จำนวนไม่ใช่ตัวชี้วัดเสมอไป
แต่ขณะนี้สังคมกำลังพูดถึงความปรองดอง คนเสื้อเหลืองกับคนเสื้อแดงจะปรองดองกันได้หรือไม่
คำว่าปรองดอง ต้องถามว่าจะปรองดองใครกับใคร เราไม่ได้โกรธเคืองกับใคร เหลืองไม่ได้ไปโกรธอะไรแดง แต่สีไหนก็ตามทำให้บ้านเมืองเสียหายมันก็ต้องปกป้องต่างหาก จะบอกว่าคุณเป็นอีกสีต้องเล่นงานสีตรงข้างมันไม่ใช่ แบบนั้นมันเด็กเกินไป
สาระหนึ่งของการปรองดองที่ว่าให้ลืมอดีตและมองอนาคต รวมถึงย้อนไปสู่เหตุการณ์ก่อนรัฐประหาร49 รับได้หรือไม่
คงไม่ได้หรอกครับ รับไม่ได้ สถาบันพระปกเกล้าขอให้ผมให้ความเห็น ผมก็ตอบไปเลยว่าผมคงไม่ไป มันไม่ได้ประโยชน์ คุณจะปรองดองกับใครละ จะปรองดองคนที่ถูกกฎหมายกับคนที่ผิดกฎหมายอย่างนั้นหรือ จะมาเห็นว่าผมเป็นแกนนำพันธมิตร มาบอกให้ปรองดอง ผมถามหน่อยว่าพันธมิตรไปขัดแย้งกับใคร ถึงมาบอกให้ปรองดอง มันไม่ใช่ การปรองดองมันต้องระหว่างคนที่ทะเลาะกัน
มันเป็นเรื่องระหว่างคนที่ทำถูกกฎหมายกับคนที่ทำผิดกฎหมาย แต่เขาบวกเราไปด้วยเพื่อให้เห็นว่าเหมือนกันหมดและถ้าเหมือนกันหมดแบบนี้ อะไรที่อยู่ในคดีพวกผมก็พร้อมจะขึ้นศาลทุกเมื่อ และจนถึงขณะนี้ก็ขึ้นอยู่เป็นประจำ จนจำไม่ได้ว่าตัวเองมีกี่คดีแต่ผมก็พร้อม เพราะเมื่อเราทำไปเพื่อความถูกต้อง กระบวนการยุติธรรมจะบอกว่าผิด ผิดก็คือผิด ผมเองก็ติดคุกมาหมดแล้ว ทั้งคุกตำรวจ ทหาร พลเรือน ไม่เห็นต้องออกมาโวย อย่าเอาเรามาพ่วงเพื่อคุณได้ประโยชน์
หรือถ้าอ้างว่ากระบวนการยุติธรรมหลังรัฐประหารไม่ยุติธรรม เช่นนี้ก็อย่าพึ่งกระบวนการยุติธรรมครับ คุณทักษิณพึ่งกระบวนการยุติธรรมมาตลอด ฟ้องพวกผม คุณก็อย่าเอามาใช้สิ ถ้าไม่เชื่อ คุณพูดเอาแต่ได้ ทีเสียไม่ยอมรับคงไม่ได้ ถ้ากฎหมายไทยไม่เป็นธรรมมันก็ต้องไปอยู่บ้านเมืองอื่น ดังนั้นปรองดองแบบนี้คงไม่ได้
การปรองดองแบบพันธมิตร ต้องทำอย่างไร
ใช้กฎหมายที่มีอยู่อย่างเคร่งครัด ถ้าบ้านเมืองไหนไม่ใช้กฎหมายคงไม่ได้ แต่ที่คุณอ้างเรื่องกฎหมายมีปัญหาเพราะคุณเสียประโยชน์ อ้างว่าไม่ยุติธรรม แต่คุณก็พึ่งอยู่เรื่อย ใช้ทนายฟ้องใครกันอุตลุด
เราไม่ได้ไม่พร้อมปรองดอง แต่ปรองดองมันไม่ได้ผล มันก็เหมือนสมานฉันท์ แล้วเดี๋ยวหายไป เหมือนสุนทรียะเสวนา ที่ผมเรียกว่าเสวนานำไปสู่ความฉิบหายมากกว่า (หัวเราะ)
อยู่กันแบบนี้ ไม่ต้องปรองดอง
ใช่ มันก็ดีอยู่แล้วนิ ใครผิดก็ว่าไปตามผิด
แต่คดีของพันธมิตรเองก็มีคนมองว่ามีมาตรฐานต่างกับของคนเสื้อแดง ตัวอย่างคดีปิดสนามบินขณะนี้ยังล่าช้า ขณะเหตุการณ์ปี53 ของคนเสื้อแดงถูกตั้งข้อหาก่อการร้ายกันทั่วหน้า
ไม่ได้ 2 มาตรฐาน เราไม่ได้วิ่งเต้นกับศาลด้วย แต่มันอาจจะล่าช้าเพราะมีขั้นตอนการสืบพยานมากกว่า ผมเองก็ไม่รู้ขั้นตอน แต่อย่าเปรียบเทียบกันแค่นี้เลย คดีที่มีคนบุกบ้าน พล.อ เปรมยังช้าเลย แล้วปากคำ วีดีโอหลักฐานก็เยอะแยะ
มองอย่างไรที่ขณะนี้รัฐบาลเริ่มสานสัมพันธ์กับประธานองคมนตรีได้แล้ว
คงไม่ได้หรอกครับ (สวน) การที่ไปบ้านพล.อ.เปรม ไปรดน้ำดำหัว อ้างว่าสงกรานต์ คุณว่ามันเหมาะกับเวลาไหม สงกรานต์มัน13เมษา ไปรดน้ำวันที่26 เมษา มีที่ไหนบ้าง มันก็แค่การสร้างภาพให้เห็นว่าประธานองคมนตรีเห็นด้วยกับการปรองดอง
แต่ พล.อ.เปรม ก็ต้อนรับ
ท่านทำโดยมารยาทผู้ใหญ่ ขืนไม่เปิดบ้านพวกนั้นก็ออกมาด่าอีก หาว่านี้แหละ..ตั้งหน้าไม่ปรองดอง คนจะไปรดน้ำดำหัว ไม่ยอมเปิดบ้าน ท่านก็เสียอีก แต่อย่าไขว้เขว ผมยืนยันได้เลยว่า “ป๋า”ไม่เขวแน่ (เน้นเสียง)
ผมรู้เพราะผมเคยอยู่กับท่านมา ท่านรู้และท่านจำ ไม่ใช่ลืมง่าย คิดดูว่าเหตุการณ์เมื่อ 2 ปีกว่าที่ยกพวกไปบุกบ้าน ด่าสาดเสียเทเสีย คดียังไปไม่ถึงไหนเลย แต่มาวันนี้คุณบอกเคารพนับถือท่านแล้ว แต่วันนั้นคนที่ทำลูกน้องคุณเพียบเลยทำไมไม่จัดการ คุณมีอำนาจในมือเร่งคดีได้ก็ไม่ทำ ถ้าคุณทำยังแสดงถึงความเคารพ
นี่คือการแสดงภาพ แสดงภาพให้คนอื่นเขาหลงไปตามภาพที่ออกมา ให้เห็นว่า พล.อ.เปรม เอาด้วยในการปรองดอง นี่ต่างหาก และผมยืนยันเลยว่าคนที่เข้าบ้านป๋าไม่ว่าจะเป็นทหารชั้นผู้ใหญ่ขนาดไหนก็ตามหรือข้าราชการ ไม่ได้จริงใจเต็มที่หรอกที่ไปอวยพรท่าน แต่เพื่อสร้างภาพประจบสอพลอ ผมยืนยันไม่ใช่เอามาข่มนะ แต่คุณจะไม่เคยเห็นผมในวันสำคัญที่บ้านป๋าเพราะถ้าอยากจะช่วยท่านก็ทำอะไรเพื่อบ้านเมืองสิ ซึ่งท่านในฐานะผู้ใหญ่ จะได้เบาลงในการทำงานเพื่อบ้านเมือง
คนในรัฐบาลมักอ้างว่าตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยน เป็นไปได้ไหมว่าการปรองดองกำลังจะเกิดขึ้นจริง
คุณเห็นว่ามันไปไม่รอดใช่ไหมเลยเปลี่ยน แล้วขอถามหน่อยว่าพวกคุณเปลี่ยนไหม ในวันเดียวกันวันที่รดน้ำดำหัวที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ อีกกลุ่มหนึ่งก็มีการรดน้ำผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อปี53
และครอบครัวของคุณกมลเกด (อัคฮาด) ก็ยังไม่ยอมจะปรองดองด้วย ซึ่งผมถามหน่อยว่าถ้าเป็นคุณทักษิณคุณยอมได้ไหม ถ้าลูกคุณ เมียคุณ ถูกยิงตายแล้วบอกให้เลิกแล้ว เพื่อชาติบ้านเมืองจะทำได้ไหม
นี่คือความพยายามสร้างภาพจะให้หลายๆคนหันมาเห็นด้วยกับการปรองดอง เพราะมันไปไม่ได้ ต้องหาผู้ใหญ่ จึงต้องทำให้เห็นว่าท่านเปิดบ้าน ท่านต้อนรับ เหมือนกับท่านยอมรับแล้วว่าเห็นด้วยกับการปรองดอง
มีจุดมุ่งหมายหวังเอา พล.อ.เปรม เป็นเครื่องมือทางการเมือง
แน่นอนครับ (พยักหน้า) เหตุผลมันก็ชัดเจนอยู่ ขณะนี้พวกคุณยังบอกเลยว่ายังไม่สยบต่ออำมาตย์
แต่บ้านของพล.อ.เปรมไม่ใช่ว่าใครจะเข้าได้
มันก็ถูกต้อง ต้องไปบอกล่วงหน้า ถ้าผมไปเคาะบ้านบอกว่าป๋าครับผมมีเรื่องจะเรียนให้ทราบ ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นคนอื่น โดยเฉพาะคณะรัฐบาล ถ้าขอเข้าพบแล้วไม่ให้ก็จะกลายเป็นว่าผู้ใหญ่ในบ้านเมืองทำแบบนี้เหรอ ขนาดหัวหน้ารัฐบาลขอเข้าพบยังไม่ให้ และเอาเข้าจริงก็พาไปรองนายกแค่3 คนเพราะอะไรล่ะ ก็เพราะคนอื่นเขาไม่เอา พอตัวเองฝืนไม่ได้ ก็ต้องเข้าหาพล.อ.เปรม ให้แสดงว่าท่านเห็นด้วย อย่ามาโกหกคนที่รู้เรื่องบ้านเมืองดี ไปโกหกคนอื่นเถอะ ท่านรู้ ท่านไม่เคยเปลี่ยน
เหตุผลใดถึงคิดว่าลึกๆแล้วพล.อ.เปรม ไม่ได้มีสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาล
(นิ่งคิด) คือผมทำงานให้ท่านมาตั้งแต่ตอนก่อนที่ท่านเป็นนายก และผมก็ช่วยท่านประสานจัดตั้งรัฐบาลตอนเปรม1 ผมทราบดีว่าท่านเป็นคนอย่างไร ผมยืนยันได้ ไม่ใช่อยู่ดีๆนึกจะวิเคราะห์ก็วิเคราะห์แล้วออกมาบอก ผมยืนยันว่าไม่ใช่แน่นอน
ถ้าให้เดาใจท่านกับสถานการณ์ที่เคยถูกฝ่ายหนึ่งด่า แต่วันนี้พยายามสร้างสัมพันธ์ด้วย ท่านกำลังคิดอะไรอยู่
คิดในฐานะเป็นข้าราชการผู้ใหญ่ ต้องคิดถึงบ้านเมือง โดยเฉพาะสถาบันกษัตริย์ จึงต้องคิดว่าทำอย่างไรจึงจะดีที่สุด เช่น เมื่อเขาเชิญให้ท่านไปที่ทำเนียบรัฐบาล ไม่ไปก็อาจจะโดนว่า ท่านก็ไป หรือเขาขอเข้าพบ หากไม่พบเขาก็ว่า และการที่ได้พบกันมันก็ดีแล้ว หรือไปงานเขาหน่อยมันก็ดีแล้ว เท่านั้นเอง
ชัดเจนว่าคู่ขัดแย้งที่ผ่านมาคือคุณทักษิณกับพล.อ.เปรม
ไม่ใช่ครับ เขาสร้างคู่ขัดแย้งขึ้นมาเอง คุณทักษิณขัดแย้งกับใครล่ะ หากกลุ่มผู้สนับสนุนจะบอกว่าขัดแย้งกับอำนาจนอกระบบ ซึ่งมีพล.อ.เปรม เป็นศูนย์กลางนั่นก็เพราะเขากลัวว่าคนจะเกลียดเขา ถ้าคุณไปดูต่างจังหวัดหลายแห่งที่สนับสนุนคุณทักษิณคุณจะรู้ว่าผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญหรืออำมาตย์เขาหมายถึงใคร เพียงแต่เขาพยายามบอกแค่ว่าอำมาตย์สิ้นสุดแค่พล.อ.เปรม ลองดูให้ดีว่า ที่ผ่านมาคุณทักษิณไม่เคยออกมาห้ามปราม ผู้ที่กระทำการจาบจ้วงสถาบันเลย ไม่เคยแสดงความชัดเจนว่าพวกนี้ไม่ใช่พวกผม แต่เขาก็เกาะติดกันเหนียวแน่น กรรมมันส่อให้เห็นเจตนา
จะบอกว่าคุณทักษิณกับกลุ่มไม่เอาสถาบันคือพวกเดียวกัน
จะเป็นพวกเดียวกันหรือไม่ก็ตาม แต่ถ้าเห็นว่ามีอะไรที่ไม่ตรงและเรื่องใหญ่ ก็ควรจะบอก ควรจะปราม แต่มีไหมสักคำจากปากคุณทักษิณที่จะห้ามปราม
ที่ผ่านมาพันธมิตรเองก็มักถูกต่อว่าชอบดึงสถาบันมายุ่งกับการเมือง
เราไม่ได้ดึง ผมถามหน่อยว่าเราเคลื่อนไหวแล้วจะได้อะไร ถ้าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ทำอะไรกระทบกระเทือนเราจะออกไปค้านทำไม เราไม่ได้มีอะไรขัดแย้งกับใคร ถ้าบอกเราดึง จุดมุ่งหมายของเราเพื่ออะไรล่ะ เราก็เห็นชัดว่าขณะนี้เป็นอย่างไร ไปเปิดอินเทอร์เน็ตดู คุณจะรู้ว่ามันยิ่งกว่าจาบจ้วงแล้ว แต่มันใส่ร้ายไปเลย บ่อนทำลาย เอาเรื่องไม่จริงมาใส่ร้ายพระองค์ท่าน เราไม่ได้บอกว่ารัฐบาลหรือพรรคเพื่อไทยทำ แต่คุณในฐานะรัฐบาลได้ทำอะไรเพื่อป้องกันขนาดไหน
ข้อหาเรื่องสถาบันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และประเด็นก็ถูกยกเป็นเหตุผลในการปฏิวัติรัฐประหาร แต่การรัฐประหารครั้งล่าสุดก็ได้รับคำตอบแล้วว่าไม่ใช่ทางออก สังคมจึงมองการเผชิญหน้าระหว่างประชาชน
ไม่ทราบ มันยากที่จะคาดเดา ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเมื่อใด ผมเองก็ไม่รู้ว่าทหารในขณะนี้เป็นอย่างไร
มั่นใจกองทัพขนาดไหนเขาก็รุ่นหลังผมเยอะ ไม่ได้มีความสัมพันธ์กัน แต่พล.อ.เปรม ผมเคยทำงานให้ท่าน ผมทราบดีว่าท่านไม่เปลี่ยนไป แต่คนอื่นไม่รู้
พันธมิตรมักเรียกหาอำนาจนอกระบบ
เราไม่ได้เรียกหาอำนาจนอกระบบ ผมรู้ดีอะไรเป็นอะไร เราไม่เคยเห็นด้วยกับการปฏิวัติ แต่ถ้าบ้านเมืองเกิดวิกฤติปัญหา ไม่มีองค์กรแก้ไข มันก็เป็นหน้าที่ทหาร และการปฏิวัติที่ดีในโลกนี้ก็เคยมี นั่นคือการปฏิวัติและรีบคืนอำนาจให้ประชาชน อย่างที่ประเทศโปรตุเกส ขอย้ำอีกครั้งว่าเราไม่ได้เห็นด้วย อย่าเข้าใจผิด แต่การปฏิวัติที่ดีมันก็มี และถ้ามันไม่มีทางเลือก มันก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้
ถึงแม้จะมองว่าเราเหลือน้อยก็ไม่เป็นไร คุณก็ลองทำสิ เพราะแม้น้อยแม้มาก เราไม่มีทางเลือก ถ้าจะให้บ้านเมืองอยู่มันก็ต้องทำ การชนะการเลือกตั้งก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นประชาธิปไตย อย่างฮิตเลอร์ หรือมาร์กอสก็มาจากการเลือกตั้ง
แต่ในช่วงเวลาที่สังคมไทยกำลังเกิดปัญหาโดยมีคุณทักษิณเป็นเงื่อนไขหนึ่งผลการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเป็นพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ตรงนี้บอกอะไร บอกว่าสังคมไทยกำลังต้องการคุณทักษิณหรือไม่
ไม่ใช่ครับ สังคมไทยยังต้องการเงิน เราไม่ได้ดูแคลน ผมยอมรับบางคนเลือกมาด้วยความสุจริตก็จริง แต่หลายคนเลือกมาเพราะเงิน
หากบอกว่าการยึดถือกฎหมายอย่างเคร่งครัด คือการดีที่สุดในการพาประเทศ เช่นนี้การเข้าชื่อเสนอญัติติแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันตามสิทธิทางกฎหมาย สามารถทำได้หรือไม่
เป็นการทำตามกฎหมายในแบบของเขา แต่แท้จริงแล้วมันไม่ต่างกับการเผด็จการรัฐสภาถึงว่าไม่ต่างอะไรกับฮิตเลอร์หรือมาร์คอส
แยกกันอย่างไรในการใช้เสียงข้างมากตามระบอบประชาธิปไตยกับเผด็จการรัฐสภา
เผด็จการรัฐสภาคือทั้งฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหารมันอันเดียวกันเลยและรัฐบาลก็มักจะทำอะไรที่แปลกๆ เสี่ยงๆ โดยใช้วิธีเอาเข้ารัฐสภา ที่พรรคพวกของตนเองมีเสียงข้างมาก
แต่การเลือกตั้งเพื่อให้ได้ฝ่ายบริหารเป็นวิธีการที่ใช้กันทั่วโลก
เราไม่เหมือนเขา ถ้าเราเหมือนคงไม่นั่งกลุ่มอกกลุ้มใจ เห็นชัดๆว่าแบบนี้ใช้ไม่ได้ บ้านเมืองจะเสียหาย มีเงินเท่าไรก็ทำได้ เพราะยังมีการใช้เงินทำงานการเมืองอยู่ รวบรวม ส.ส.ให้ได้มากที่สุด
ถึงบอกให้ดูเจตนาที่ทำว่าเพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือหมู่คณะ การที่ทำอยู่และอ้างเสียงส่วนใหญ่ก็ทำได้ คือคุณเป็นนักการเมืองคือการอาสามาทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ ไม่มีใครมาจี้คุณ คุณมาเองก็ต้องทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ แต่คุณจะทำอะไรเพื่อประโยชน์ตัวเองไม่มีใครยอมหรอก รัฐธรรมนูญก็กำหนดว่าประชาชนมีหน้าที่ปกป้องชาติ สถาบัน พระมหากษัตริย์ ไม่ใช่แค่ใช้สิทธิ์หย่อนบัตรแล้วปล่อยให้ใครทำอะไรก็ได้
การฟ้องศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้พิจารณาว่าการแก้ไขมาตรา291 สามารถนำมาสู่การมี ส.ส.ร.เพื่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับได้หรือไม่ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องกลุ่มพันธมิตร เช่นนี้จะปล่อยให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญไปตามกระบวนการหรือไม่
ไม่ได้ก็ถือยกฟ้องไป แต่คุณจะแก้เราก็ต้องแสดงออกอยู่ดี
แบบนี้ศาลรัฐธรรมนูญก็เชื่อไม่ได้ เพราะขนาดพิจารณาว่าสามารถทำได้แล้ว พันธมิตรยังไม่ยอมเชื่อฟัง
เชื่อได้ แต่มันอาจจะพิจารณาบางแง่ บางมุมไม่ตรงกัน คือคุณจะทำอะไรก็แล้วแต่จะเกี่ยวข้องกับอะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้าการกระทำของคุณมุ่งไปสู่ผลกระทบกับราชบัลลังก์ ทำให้คนผิดโดนโกง ไปฆ่าเขากลับมาถูกต้อง ประชาชนเองคงยอมไม่ได้หากศาลยกคำร้องนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่เราไม่ได้คำนึงว่าศาลจะพิจารณาอย่างไร แต่เราคำนึงว่าบ้านเมืองจะเสียหายไหม
แต่พันธมิตรฯไปฟ้องเอง แต่พอศาลยกคำร้องกลับไม่ยอมรับ เช่นนี้ต่างอะไรกับคุณทักษิณ
ไม่ใช่เราไม่ยอม แต่ถ้าคุณอ้างที่จะแก้ไขแล้วเอาบ้านเมืองเสียหายคงยอมไม่ได้ เราไม่ได้ขึ้นกับเขา ไม่ใช่ว่าเขาแก้เราเลยออกมา แต่ถ้าคุณทำอะไรกระทบกระเทือนสถาบัน ทำให้คนผิดกลายเป็นถูก บ้านเมืองเสียหาย คนอื่นก็ทำบ้าง ผิดแค่ไหนก็ได้
พันธมิตรฯก้าวไม่พ้นคุณทักษิณ
ผมไม่ได้มองที่ตัวบุคคล แต่มองว่าคุณจะทำอะไรให้บ้านเมืองเสียหายไหม แต่ในวันนี้คุณทักษิณมีส่วนทำให้บ้านเมืองเสียหายเราก็ต้องแสดงออก ผมก็ดึงคุณทักษิณมา ไม่มีอคติด้วยซ้ำ วันนี้ถ้าเจอกันผมยังคิดว่าเขาคือน้องผม เพราะเขาเรียกผมพี่ทุกคำ แต่บ้านเมืองก็เป็นคนละเรื่องกับเรื่องส่วนตัว
กลายเป็นภารกิจต้องรับผิดชอบ เพราะชวนเข้ามาทำงานการเมือง
ใช่ มีผู้ใหญ่ฝากมาบอกว่า ไปบอกคุณจำลอง เปิดยักษ์ออกจากขวดต้องจับใส่(หัวเราะ)
ผมยังจำได้ตอนที่คุณเดินมาบอกผมว่า “เรื่องธุรกิจนั้นพอแล้ว กินใช้เท่าไรก็ไม่หมด ผมอยากจะมาทำงานการเมือง” ก่อนที่จะมาร่วมกับพรรคพลังธรรม แต่ผมเองก็ไม่ได้แก้ตัว ตอนนั้นไม่ใช่ผมคนเดียวที่เห็นว่าเขาเหมาะ ผู้ใหญ่ก็ว่าเหมาะ อีกอย่าง เหมือนผมมีน้องคนหนึ่ง เห็นว่าเขาดีก็สนับสนุน แต่ต่อมาใครจะรู้ว่าเขาเปลี่ยนไป วันนั้นยังดี ตอนบริหารประเทศแรกๆก็ดี แต่ที่เป็นแบบนี้จะเป็นเพราะบริวารสิ่งแวดล้อมหรือไม่ ผมเองก็ไม่รู้
ที่มา.กรุงทเพธุรกิจออนไลน์
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น