--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ล้มเจ้าหรือล้มรัฐ..

เผือกร้อนตกเรี่ยราดตามรายทางปริมณฑลการเมืองไทยจนน่าวังเวงหัวใจ!!!

นิติราษฎร์ ณ ม.112 สอดคล้องกับ โปรเจกต์ล้มรัฐได้โดยเผอิญและบังเอิญเหมือนเป็นคนละเรื่องเดียวกัน..ภาพ 4 ผบ.ทบ. “บิ๊กป้อม-พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อดีต ผบ.ทบ. “พล.อ.สมทัต อัตตะนันทน์” อดีตผู้บัญชาการสูงสุด (ผบ.สส.) และอดีต ผบ. ทบ. “บิ๊กป๊อก-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” อดีต ผบ.ทบ. และ “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ. ทบ.) ร่วมเป็นประธานเททองหล่อพระเกตุมาลาพระนาคปรก “ปกเกล้า ปกแผ่นดิน” และยกองค์ฐานองค์พระฯ ขึ้นประดิษฐาน ที่วัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม

ในมุมทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ มันย่อม สะท้อนให้เห็นนัยยะสำคัญทางการเมืองไทย ในยามที่บรรยากาศประเทศเริ่มไม่ปกติธรรมดา ยิ่งเจาะลึกลงไปในรายละเอียดของ โครงการ ที่จัดสร้างพระมหาพุทธพิมพ์นาคปรก “ปกเกล้า ปกแผ่นดิน” นี้ขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงความกตัญญูที่มีต่อแผ่นดิน และต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่ง หลวงปู่พุทธอิสระ ได้ดำริให้จัดสร้างพระนาคปรก โดยใช้เหรียญสตางค์ ซึ่งมีพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ติดเป็นเกล็ดพญานาค มันก็ล้วนสามารถตีความไปได้ต่างๆ นานา โดยเฉพาะในท่ามกลางที่มีข้อเสนอ อันล่อแหลมออกมาจากคณะนิติราษฎร์ ไฟฟอนสุมขอนหนักข้อหลัง “พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์” โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาจุดพลุลูกใหญ่.. “ขณะนี้มีขบวนการพยายามล้มล้าง รัฐบาลด้วยการเคลื่อนไหวอย่างมีระบบ และใส่ร้ายพรรคเพื่อไทยว่าจะแก้ไขประมวล กฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และพรรคเทิดทูนสถาบัน และจะไม่เสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 อย่างแน่นอน”

สำทับซ้ำอีกดอกออกจากปาก “บิ๊กโอ๋-พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต” รมว. กลาโหมคนใหม่..“แน่นอนว่ามีความพยายาม อย่างไร ก็ตาม ยืนยันว่าไม่มีการล้มรัฐบาลอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องที่มีทหารเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือไม่ เป็นเรื่องที่ว่ากันยังไม่มีสาระมากนัก แต่แน่นอนว่ามีความพยายามเมื่อพูดคุยออก ทีวีในเรื่องแบบนี้ ก็ไม่ควรนิ่งเฉยต้องดูว่าเป็นอย่างไร ส่วนจะเป็นใครอยู่ในใจคงบอกไม่ได้”สืบสาวราวเรื่องย้อนกลับไปอีกนิดครั้งเหตุบึ้มหน้ากองสลาก “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” รองนายกรัฐมนตรี ก็เคยออกทิ้งบอมบ์ถึงวาระมือที่มองไม่เห็นไว้อย่างมีนัยยะสำคัญยิ่ง“วันนี้มีคนคนหนึ่งที่เป็นโรคพาร์กินสัน ที่ยังมีความวุ่นวายทางการเมือง เพราะปากพูดรู้เรื่องแต่มือสั่น รวมทั้งยังหัวดี แต่ คิดเรื่องไม่เข้าท่า ต้องพูดว่าไอ้พวกโรคจิต แพ้ไม่เป็น คนพวกนี้อยู่แถวสุขุมวิท และไปหากินหลัง รสช.เรืองอำนาจ เพราะเงิน เก่ายังไม่หมด จึงออกมาเคลื่อนไหว” ยิ่งตัวจริงเสียงจริงอย่าง “อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร” โดดลงมาเล่นเองผ่านโฟนอินพิฆาตที่เมืองนนท์ มันล้วน สะท้อนให้เห็นชั้นบรรยากาศอันเขม็งเกลียว ที่กำลังก่อหวอดก่อตัวเพื่อรอสึนามิลูกใหญ่ “ความจริงมันมีปัญหาที่ไม่ยาก ปัญหา บ้านเมืองของเราแก้ง่าย อย่าปล่อยให้ประเทศอื่นรวย ประเทศไทยจะรวยได้แค่เลิกทะเลาะกัน บางเรื่องที่ทะเลาะกันนั้นตนนึกว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่ที่จริงเป็นเรื่องปัญญาอ่อนเท่านั้น พวกหัวแก่หัวหงอกเท่านั้นที่ทะเลาะกัน วันนี้ถ้าหยุดปัญญา อ่อนบ้านเมืองจะเจริญ อดทนกันอีกนิดบ้านเมืองก็จะเจริญขึ้น ผมมั่นใจว่าถ้าการ ปรองดองเกิดขึ้นทุกอย่างก็จะมีความสุข แล้วเราจะได้มาอยู่ใกล้ชิดกัน”กุข่าวหรือเรื่องจริงมิอาจทราบได้ แต่ เมื่อมีการริเริ่มจากอีกฝั่งมันก็เป็นธรรมดา ที่อีกฝั่งต้องมีเอฟเฟ็กต์กลับมา แน่นอนและหวังให้นอนฟุบแน่ๆ มันย่อมเลี่ยงที่จะ ยกกรณีที่พรรคเพื่อไทยเป็นเนื้อเดียวกันกับคณะนิติราษฎร์ขึ้นมาทิ้งบอมบ์ไปไม่พ้น

นั่นก็สอดคล้องกับสิ่งที่ “ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นำคลิปข่าวการเคลื่อนไหวของแกนนำคนเสื้อแดงและ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่สะท้อนให้เห็นถึงการเชื่อมโยงระหว่างคนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย และคณะนิติราษฎร์ออกมาแฉต่อหน้าสื่อโดยคลิปแรกเป็นการปราศรัยของ “สุนัย จุลพงศธร” ส.ส.พรรคเพื่อไทยบน เวทีปราศรัยของคนเสื้อแดงที่จังหวัดราชบุรี โดยในภาพที่ปรากฏนายสุนัยยืน ปราศรัยบนเวทีที่มีสัญลักษณ์ต่อต้านกฎหมายอาญามาตรา 112 อย่างชัดเจน ส่วนอีกคลิปหนึ่งเป็นการแถลงข่าวของ “ธิดา ถาวรเศรษฐ์” ประธาน นปช. ที่ประกาศว่าคณะนิติราษฎร์มีหัวใจเดียวกับคน เสื้อแดงและเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สองแขนของคนเสื้อแดง คือ แขนหนึ่งหมายถึง มวลชน ส่วนอีกแขนหนึ่งคือ นิติราษฎร์

ต่อเนื่องมาถึงมวยใหญ่อย่าง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ยิงตรงเป้าถึง “นายใหญ่” โดย ตรงเปิดปมกรณีเดียวกันในรหัสร้อน 112.. “เวลาที่เคลื่อนไหวกันเรื่องนี้ เสื้อแดงก็พูด คุณยิ่งลักษณ์ก็พูดตอนหลังเลือกตั้ง ผมถามหน่อยว่า นายอัมสเตอร์ดัมนี่ใครจ้าง มาสนใจเรื่องนี้ด้วยตัวเองเลยเหรอ เพราะ ฉะนั้นไปแก้ที่ตัวเองดีกว่าครับ อย่ามาพาล คนอื่น”เครื่องแกงการเมืองไทยสุดเผ็ดร้อน ประเทศเดินมาถึงทางสองแพร่ง เลี้ยวซ้าย เจอ ม.112 ข้อหาล้มเจ้า เลี้ยวขวาเจอมือ ที่มองไม่เห็นข้อหาปฏิวัติคนหน้าฉากและคนหลังฉากกำลัง จะนำพาชาติย้อนไปสู่จุดตั้งต้นแห่งความ วังเวง ไม่ว่าจะ “ล้มเจ้า” หรือ “ล้มรัฐ”.. ประชาชนซวยตลอดศก..เอวัง!!!

ที่มา:สยามธุรกิจออนไลน์
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น