--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

พีระพันธุ์.ชี้ปราบยามาถูกทาง แต่ยังต้องตรวจสอบคู่ขนาน !!?


เสียงสะท้อนจากความคิดเห็นของประชาชนต่อนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล หลังจากการจับกุมคดียาเสพติดรายใหญ่รายเล็กปรากฏเป็นข่าวรายวัน

ในเชิงการบริหารงานและนโยบายถือว่าประสบความสำเร็จหรือไม่ ในทัศนะของฝ่ายค้าน โดยเฉพาะ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีต รมว.ยุติธรรม ที่กำกับดูแลนโยบายแก้ไขปัญหายาเสพติดในรัฐบาลที่ผ่านมา ให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอต่อรัฐบาลใหม่ในการสานต่อการทำงานไว้อย่างน่าสนใจ

การปราบปรามยาเสพติด ที่มีการจับกุมได้รายวัน ในเชิงบริหารถือว่าประสบความสำเร็จหรือไม่

ผมคิดว่าเขาควรจะต้องทำอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว สิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ขณะนี้ คือสิ่งเดียวกันกับที่ผมทำในรัฐบาลอดีต ในช่วงดีเบตหาเสียงเลือกตั้ง ฝ่ายรัฐบาลนี้บอกจะแก้ให้เสร็จภายใน 6 เดือน ผมทำงานมา รู้ว่าความเป็นจริง เป็นไปไม่ได้ ถึงจะตั้งใจจริงแต่ปัญหามันใหญ่และหมักหมมมานานจนเกินกว่าจะทำเสร็จภายใน 6 เดือน

แต่จะกี่เดือนไม่สำคัญ ที่สำคัญคือต้องทำงานอย่างจริงจัง แล้วตั้งใจทำ และร่วมมือกันในหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพราะปัญหายาเสพติด ไม่ใช่ปัญหาของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง มันเป็นปัญหาของเกือบทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องเข้ามาทำงานด้วยกัน เพียงแต่แบ่งภาระหน้าที่กันคนละด้าน
วันนี้ ปี 2555 เรามีงบประมาณด้านยาเสพติด ประมาณ 9,000 ล้านบาท ซึ่งกระจายไปอยู่หลายกระทรวง ทบวง กรม แต่มันเหมือนเบี้ยหัวแตก คนก็ต่างนโยบาย ต่างวิธีการ จะทำอย่างไรให้งบมารวมเป็นก้อนได้ และไปในทิศทางที่ถูกต้อง

 ที่สำคัญเราต้องเข้าใจธรรมชาติของการค้ายาเสพติด ที่ไม่เหมือนอาชญากรรมอื่นๆ เพราะเป็นขบวนการที่เกี่ยวโยงกันไปหมด การทำงานด้านปราบปราม จึงไม่จบคดีใด คดีหนึ่งได้ ต้องขยายผลแต่ละคดี บางทีญาติพี่น้องเข้ามาเกี่ยวข้องหมด อาจจะไม่ใช่คนค้า แต่เป็นคนไปฟอกเงินให้ ฉะนั้น การตัดขบวนการค้ายาเสพติดจริงๆ 1.ต้องตัดกำลังทรัพย์ให้ได้ก่อน 2.ต้องตัดขบวนการ 3.ต้องตัดมือเท้าแขนขา ถ้าหากไม่ตัด 3-4 อย่างนี้ มันไม่หมด

วิธีการจับที่เป็นข่าวทุกวันนี้ ตัดขบวนการได้มากน้อยแค่ไหน

พวกค้ายาตัวใหญ่ๆ เครดิตดีๆ ถูกจับไปเกือบหมด พวกนี้ก็ไปรวมอยู่ในคุก อย่างเรือนจำคลองเปรมกว่า 5,000คน เป็นพวกค้ายากว่า 3,000 คน และยังมีกระจายอยู่แบบนี้ทั่วประเทศ มีทั้งขาใหญ่ ที่เป็นตัวใหญ่ๆ ระดับกลาง ระดับย่อย พวกนี้มีเงินอยู่กับตัวเองและเครือข่ายที่หน่วยงานภาครัฐยังสาวไปไม่ถึง ยังยึดทรัพย์ไม่ได้

นี่คือขบวนการตัดทุน หากตัดทุนไม่หมด เขาก็ยังมีทุนอยู่ และใช้สร้างอิทธิพลในเรือนจำ ประกอบกับเรือนจำเราก็ล้าสมัย เมื่อมีผลประโยชน์ จึงเกิดขบวนการสั่งซื้อ สั่งขาย ทั้งในเรือนจำกันเองและสั่งซื้อสั่งขายข้างนอก เวลานี้เราต้องยอมรับความจริงกันว่า ขบวนการค้ายาเสพติดมันยังมีอยู่ เพียงแต่ย้ายจากข้างนอกเข้าไปอยู่ข้างในคุก นี่คือส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งคือที่อยู่ข้างนอก และอีกส่วนหนึ่งก็คือที่เข้ามาใหม่
ขบวนการกระทำความผิด วันนี้มันมีอยู่ตรงนี้ แต่ยาเสพติดเกือบทั้งหมดที่มีอยู่ มันไม่ได้ผลิตในประเทศไทย รายใหญ่ผลิตในประเทศเพื่อนบ้านเราฝั่งตะวันตกมานานแล้ว เฉพาะยาบ้ามีกำลังผลิต 200-250 ล้านเม็ดต่อเดือน เกือบทั้งหมดเข้ามาประเทศไทยทุกปี ซึ่งหนีไม่พ้นเข้ามาทางชายแดน

ผมถึงบอกไม่ใช่หน้าที่ใครคนใดคนหนึ่ง ชายแดนก็มีตำรวจ ตชด.ทหาร ป.ป.ส.ซึ่งมีอำนาจตามกฎหมายแต่ไม่มีกำลังคน ก็ต้องอาศัยความร่วมมือกันในทางปฏิบัติ และในเชิงงบประมาณ แต่ที่ผ่านมาก็ยังไม่เพียงพอ ผมคิดว่าคนที่คุมนโยบายนี้ ต้องเอาจริงเอาจัง แล้วต้องนั่งบัญชาการเอง ต้องให้ขวัญกำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชา เขาจะได้มีเรี่ยวแรง มีกำลังใจ

ปลายปี 51 สมัยผมเป็น รมว.ยุติธรรม เราจับยาเสพติดได้พุ่งพรวด พอมาปี 52 จับได้เฉลี่ยครึ่งปีแรกมากกว่าปี 51 ก่อนที่ผมเป็นรัฐบาลประมาณ 2-3 ล้านเม็ด พอมาปี 53 ที่เราเดินหน้านโยบายเต็มตัว ครึ่งปีแรกจับได้ 20 กว่าล้านเม็ด เฉลี่ยปี 52 ทั้งปีได้ 40 กว่าล้านเม็ด ตัวเลขเราจับได้เยอะแต่ถ้าเทียบปริมาณที่ไหลทะลักเข้ามา ก็ยังไม่ถึง 1 ใน 4 เลย พอไปดูยอดใหญ่ กำลังผลิตที่มีมา 200 กว่าล้านเม็ด ที่เหลือมันก็มาอยู่ที่ลูกหลานเรา

ฉะนั้นที่จับไม่ได้ อาจมีทั้งรายใหญ่ กลาง เล็ก ภาครัฐจึงต้องมีหน่วยงานย่อยลงตามลำดับชั้น เราเคยทำเรื่องแนวชายแดนสกัดรายใหญ่ ตามนโยบาย 315 ซึ่งสกัดจับได้เยอะและเห็นผล เป็นการจำลองรูปแบบการทำงานจากรายใหญ่ชายแดนมาเป็นรายย่อยในชุมชน

นโยบายการปราบยาเสพติด ต้องเล่น 2 ระดับ คือระดับชาติและระดับชุมชน เพื่อสกัดรายย่อย แล้วก็ขยายผล ตรงนี้คือตัดขบวนการมัน หรือตัดคน จับรายย่อย คือย่อยการขายลงไปเรื่อย ฉะนั้นต้องสืบหาแล้วตัดแขนขาพวกนี้ให้หมด ขณะเดียวกันก็ดูการขนถ่าย จุดพักยา แล้วก็ตัดขบวนการนั้นให้ได้ ไม่ให้มีที่ทำงาน
ขณะเดียวกันกลุ่มพ่อค้ายา จะกลัวความปลอดภัย ฉะนั้นอะไรที่ไม่มั่นใจว่าปลอดภัย เขาจะไม่เสี่ยง หลังสุด ผมกำลังดูกรณีที่จับได้ที่ขนส่งสายใต้ 6-7 กระเป๋า ปรากฎว่าขณะนี้การเดินทางโดยรถทัวร์ไม่มีการตรวจอะไรเลย ถ้าเรามีมาตรการ เช่นตรวจบัตรประชาชน หรือมุ่งเน้นสกัดการขนยาเสพติดทางรถโดยสาร พวกนี้ก็จะเริ่มไม่กล้า เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย

วันนี้เรามัวไปดูรายใหญ่ ไม่ได้ดูรายย่อย นโยบายการปราบยาเสพติดต้องทำไปพร้อมกันทุกระดับ ต้องทำตั้งแต่ใหญ่ กลาง เล็ก จัดชุดลงไปแล้วร่วมกันทุกหน่วย อย่าไปแบ่งกันว่า นี่เป็นผลงาน ป.ป.ส. นี่เป็นผลงานของตำรวจ ของทหาร เพราะเราไม่สามารถเพิ่มกำลังคนได้ ด้วยข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ แต่เราควรจะต้องเอาคนที่มีอยู่แล้วมาสนธิกำลังกันทำงาน เพื่อให้มีศักยภาพในการดำเนินการป้องกันและปราบปราม

สภาพปัญหาขบวนการค้ายาเสพติดในเรือนจำเป็นอย่างไร

เรื่องนี้สำคัญ เพราะคนผิดเมื่อจับมาแล้ว ไปอยู่ในเรือนจำก็ไม่เข็ดหลาบ ยังมีอยู่จำนวนหนึ่ง กลายไปเป็นขาใหญ่ในเรือนจำ ไม่มีใครเข้าไปใส่ใจหรือสนใจในเรือนจำ และในเรือนจำก็มีเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ แต่ก็ไม่มีใครไปดูแล

การตัดสัญญาณโทรศัพท์ในเรือนจำที่มีอยู่ในปัจจุบันได้ผลแค่ไหน

ไม่อยากจะบอกว่า 3 วันดี 4 วันไข้ แล้วก็ไม่มีคนดูแล ใกล้มือเอื้อมถึง เดี๋ยวก็โดนปิด เดี๋ยวกล้องวงจรปิดก็ถูกเอาอะไรไปฉีด ผมจึงคิดว่าน่าจะมีระบบตัดสัญญาณโทรศัพท์ได้ ที่ไม่ใช่เครื่อง จึงให้นักวิชาการช่วยกันคิด ตอนแรกจะทำทีเดียวหลายแห่ง แต่ผมให้ทำที่เรือนจำเขาบินก่อน ก็ประสบความสำเร็จ ตัดได้ 100% แต่คลื่นโทรศัพท์มันก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ เพราะฉะนั้นคนที่กำกับดูแลก็ต้องคอยปรับคอยจูนตลอดเวลา ซึ่งระบบนี้เป็นของ ป.ป.ส.โดยเมื่อก่อนเป็นของเรือนจำทำเอง

ระบบนี้ต้องแยกกันกับผู้คุม ให้มีคนดูแล และมีระบบเตือน หากระบบล่มศูนย์กลางจะต้องรู้ ถึงเรียกว่าเป็นระบบ และต้องรับผิดชอบ บำรุงรักษาอุปกรณ์ตลอดเวลา ทำให้ไม่มีนักโทษคนไหนอยากไปเขาบิน

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ประกาศว่าจะไปขอความร่วมมือกับจีน

อันนี้เขาร่วมมือมานานแล้ว ตั้งแต่ไม่รู้กี่รัฐบาลมาแล้ว เราต้องแยกว่า รัฐบาลเราเป็นฝ่ายการเมือง เรามาๆ ไปๆ แต่ฝ่ายปฏิบัติ คือข้าราชการประจำ ใครจะมาเขาก็ทำงานอยู่แล้ว ในฝ่ายประจำ เขาประสานงานขอความร่วมมือกันมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว แม้แต่ป.ป.ส.ยังมีทูตประจำที่จีนเลย

อย่างหนึ่งที่ผมเคยพูดกับ ป.ป.ส.ว่า ที่เราทำงานกัน แก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ที่เราบอกจะจับแต่โรงงานก็ผลิตไม่หยุด ตราบใดที่ยังผลิตอยู่เราก็ต้องรับหมด ผมสงสัยว่า ทำไมเราไม่ขอความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกา ที่มีอุปกรณ์ และเครื่องมือ ซึ่ง "ดีอีเอ" ของเขาบุกไปทลายโรงงานในอเมริกาใต้ ทางป.ป.ส.ก็บอกว่า เมื่อก่อนเขาก็ช่วยเราเพราะเขามีปัญหาเรื่องเฮโรอีนแรง ซึ่งเขามีผลประโยชน์ร่วม มีการไปทลายโรงงานในเพื่อนบ้าน แต่พอมาวันนี้เขาหยุด เพราะยาบ้าไม่ได้ไปที่เขา ผมบอกว่า ต้องไปขอความร่วมมือให้เขามาทลายที่โรงงานต้นตอ อันนี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่า ท้ายที่สุดก็ต้องทำ

สำหรับประเทศอื่นๆ ทั้งพม่า และลาว เราก็ประชุมหารือกัน อยู่แล้ว แต่ว่าความร่วมมือที่ผมพูดถึงคือเรื่องทลายโรงงาน มันไม่ง่าย ฉะนั้นก็อยู่ที่ว่าเราจะประสานความร่วมมือกับเขาได้ทางไหน ปัญหาของเราส่วนใหญ่อยู่ทางซีกตะวันตก(ของประเทศ) ซีกตะวันออกคือขบวนการขนย้าย

มีการตั้งข้อสังเกตถึงจำนวนยาเสพติดของกลางยุคหลังๆว่ามากผิดสังเกต ปัญหาการเวียนของกลางมีโอกาสเกิดขึ้นได้ไหม

ผมตอบไม่ได้ เพราะตั้งแต่ก่อนผมเป็น รมต.และพอเป็น รมต.ก็เคยตั้งข้อสังเกตอย่างที่ถาม ผมเข้าใจว่าทำไมเขาต้องเก็บ คือต้องเก็บไว้เป็นของกลางของคดี ผมเคยหารือกับทางปปส.ก็ให้เขาไปศึกษา ซึ่งมอบนโยบายไว้ ตั้งแต่ท่านเลขาฯกฤษณะ แล้วท่านก็มอบต่อ เขาก็กำลังศึกษา ที่จะยกร่างข้อกฏหมาย ฉบับหนึ่ง เพื่อจะไม่ต้องเก็บของกลางรอ 1 ปี

ผมเคยเสนอความเห็นและมอบหมายทางป.ป.ส.คือของกลางที่เราจับไว้ มันต้องใช้เป็นหลักฐานในคดี ทำอย่างไร เราจะสามารถประสานกับทางศาล เพื่อขอให้ศาลมาตรวจสอบร่วมกับทางฝ่ายจับกุมว่า ทั้งล็อตเป็นยาเสพติดทั้งหมดจริง แล้วเก็บเป็นตัวอย่างจำนวนหนึ่ง ที่เหลือเผาทำลายเลย เพราะการอ้างว่าต้องเก็บรักษาไว้ เป็นของกลาง มันจะทำให้เกิดข้อครหาได้ ผมเองก็ถามเหมือนกัน เพราะมันไมได้อยู่ที่เรา มันไปถูกควบคุมอยู่ที่ อย.ในระหว่างที่ไป อย.ก็ไปรอคิวเก็บเองไว้ที่ตำรวจอีก ในหน่วยงานที่พิสูจน์หลักฐาน เพราะฉะนั้นตรงนี้มันล่อแหลมต่อความเชื่อถือ

 กรณีนี้สามารถทำได้ 2 อย่าง ซึ่งผมเริ่มต้นไว้ระดับหนึ่งแล้ว คือ หารือกับทางศาลเกี่ยวกับขบวนการทางคดีให้มาตรวจสอบเบื้องต้นแล้วเซ็นต์กันไว้ แล้วที่เหลือทำลายทิ้งเลย แต่กฏหมายให้เก็บไว้ก่อน ฉะนั้นตอนนี้มันเป็นขบวนการทางกฏหมาย ซึ่งผมคิดว่าถึงเวลาแล้วต้องปรับปรุงขบวนการนี้ โดยต้องทำเป็นกฏหมาย จะได้แก้ปัญหาประชาชนข้องใจว่า มันจะไม่ถูกเอาไปหมุนเวียน อันนี้ผมเห็นด้วย ต้องไปทำ

มีระบบตรวจสอบหรือไม่ว่าเอาไปเก็บไว้จริง และอยู่ครบตามจำนวนที่จับจนถึงวันทำลาย

ระบบตรวจสอบ มันเป็นระบบความเชื่อถือมากกว่าทุกวันนี้ แล้วพอถึงปี วันยาเสพติดโลก ก็เอาไปเผาทำลายกันทีหนึ่ง

แต่ไม่เคยเห็นมีการพิสูจน์ตรวจสอบว่าอยู่ครบหรือไม่ ตามที่ยึดมา

ใช่ ตอนผมอยู่ใน กมธ.ยาเสพติด สภาฯ ก็เคยหยิบยกเรื่องนี้มาพูดกัน อย่างกรณี ยาไอซ์ 6-7 กระเป๋า และยาบ้าล้านกว่าเม็ดก่อนหน้านี้ นี่เราก็กำลังคิดว่าเดี๋ยวเรากำลังจะไปตรวจสอบว่าเก็บไว้ที่ไหนอย่างไร อันนี้ก็คุยกันอยู่เหมือนกันว่า กมธ.ควรจะต้องเข้าไปตรวจสอบ เพราะเมื่อสักอาทิตย์ที่แล้ว เขาก็มาชี้แจงเราว่า เพิ่งตรวจสอบเสร็จ แต่ยังเก็บหลักฐานไว้ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน เนื่องจากรอคิวส่ง อย.ถามว่าทำไมต้องรอ ก็บอกว่าอย.ให้ส่งได้แค่เดือนละครั้ง อย่างนี้ ผมก็ยังงง ว่าระเบียบปฏิบัติอะไรกัน อย่างนี้เราคิดว่าจะไปตรวจสอบ

 ตรงนี้มันก็อาจจะมีทั้งคนดีคนไม่ได้ในหน่วยงาน ผมถึงเห็นด้วยว่า จะทำอย่างไรให้มีขบวนการทำลายมันให้เร็วที่สุด ส่วนเรื่องการเก็บเป็นหลักฐานก็หารูปแบบอื่นเก็บไว้ในชั้นดำเนินการ นี่ก็เป็นอีกข้อเสนอหนึ่งที่ผมอยากให้รัฐบาลทำต่อ ถ้าเราไปจี้ฝ่ายนโยบาย ฝ่ายปฏิบัติเขาก็ทำต่อเนื่อง

วิธีการล่อซื้อก็ถูกตั้งข้อสังเกตว่าทำให้การผลิตเพิ่มขึ้น

มันมองได้สองมุม แต่สำหรับผมคิดว่าไม่น่าใช่ กำลังผลิตมันมีอยู่เท่าเดิม ก่อนพ้นตำแหน่งผมยังตรวจสอบเลยว่า กำลังผลิตไม่ได้เพิ่ม มีเท่าเดิมคือ 250 ล้านเม็ดเท่านั้น ไม่ใช่ไปสั่งเพิ่มแล้วจะผลิตเพิ่มได้มากกว่านี้ หรือตั้งโรงงานผลิตอีก 250 ล้านเม็ด มันไม่ใช่ และ250 ล้านเม็ดก็เข้ามาหาลูกค้าตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าคิดว่าจะเป็นการไปสั่งให้มันผลิตเพิ่มเป็นไปไมได้ เพราะถึงยังไงก็เกินกำลังการผลิตของมัน ถึงเราไม่มีการล่อซื้อ มันก็ผลิตของมัน เพราะมันต้องขายเอาเงิน เพียงแต่ว่ามันต้องมาหาลูกค้าที่จะระบายของออก

คำถามเดียวกันแต่คนละประเด็น คือ การล่อซื้อมันล่อแหลม ในสหรัฐอเมริกา ศาลฎีกาเคยมีคำพิพากษาจาก วินิจฉัยว่าอันนี้เป็นพยานหลักฐานที่ฟังไม่ได้ เพราะเขามีหลักปฏิบัติทางศาลว่า มาศาลต้องมาด้วยมืออันสะอาด มันเคยมีการต่อสู้ว่า การไปล่อซื้อถือว่ามีส่วนร่วมในการกระทำความผิดเหมือนกัน ในขณะที่ประเทศไทยเรายังไปไม่ถึงขั้นนั้น

การตรวจสอบเรื่องการเบิกเงินไปใช้ในการล่อซื้อที่มี ส.ส.ฝ่ายค้านกำลังตรวจสอบอยู่นี้ มีข้อสงสัยอะไร

ผมไม่ได้สงสัยอะไรในการล่อซื้อ แต่ประเด็นก็คือเอาไปล่อซื้อจริงๆหรือเปล่า

ตรวจสอบได้ไหม กรณีถ้าระบุว่าล่อซื้อผู้ร้ายเอาไปแล้ว

ผมคิดว่าต้องดูปริมาณความสำเร็จกับความผิดพลาด ถ้าปริมาณความผิดพลาดมากขึ้นเรื่อยๆ ก็แสดงว่ามีปัญหาที่ไม่เหมาะสมแล้ว แต่ถ้าหากว่าความสำเร็จมันมี นานๆ จะผิดพลาดสักหนอันนี้ก็เป็นธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ อย่าไปมองทางลบทั้งหมด ต้องดูพฤติกรรมและผลส่อไปในทางว่าปกติหรือไม่ปกติ

คุกความมั่นคงสูงที่กำลังมีนโยบายจะสร้าง คิดว่าจะแก้ปัญหานักค้ายาขาใหญ่ในเรือนจำได้หรือไม่

ถ้าทำจริงๆ แล้ววางระบบให้ดีจริงๆ ผมว่าแก้ได้ในระดับหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดคุกมี 143 แห่ง รวมทุกระดับ แต่ละแห่งสร้างมานาน ขณะที่สถานที่ที่กักตัวพวกนี้ทรุดโทรมลงเรื่อยๆ แต่คนเข้าไปอยู่ร้ายมากขึ้น เทคโนโลยีสูงขึ้น ผลประโยชน์สูงขึ้น อันนี้ก็เป็นปัญหา

แต่ปัญหาสำคัญคือเรื่องงบประมาณ เวลานี้งบของกระทรวงยุติธรรม โดยเฉลี่ย 17,000-18,000 ล้าน 50% หรือ 9,000 ล้านอยู่ที่กรมราชทัณฑ์ ในขณะที่กระทรวงยุติธรรมยังมีอีกประมาณอีก 10 หน่วยงานที่ต้องมาเฉลี่ยกัน ก็จะแย่อยู่แล้ว

ขณะที่นักโทษค้ายาเสพติดมันมากขึ้นเรื่อยๆ พวกนี้ทั้งอิทธิพล ทุน เครือข่าย วันนี้จึงมีความจำเป็นต้องมีเรือนจำพิเศษ ขังนักโทษพิเศษ คือระดับอุกฉกรรจ์ทั้งหลาย ไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะยาเสพติด เหมือนกับในอีกหลายประเทศทั่วโลกเขาทำกันที่เรียกว่า ซูเปอร์แม็กซ์ ซึ่งต่างจากคุกทั่วไป

คอนเซ็ปที่ 1 คือ คน อย่างกรณีนักโทษเอาโทรศัพท์เข้าไปใช้ได้ เพราะมีผลประโยชน์ เพราะฉะนั้นอันดับแรกคือ ต้องให้นักโทษพวกนี้เจอกับคนน้อยที่สุด แล้วคนก็เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับนักโทษน้อยที่สุด จึงต้องใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เข้าไปควบคุมชีวิตประจำวันแทนผู้คุม

ซูเปอร์แม็กซ์ เมืองไทยไม่เคยมี และคนชำนาญที่จะออกแบบในเมืองไทยก็ไม่มี ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันคือกองออกแบบ ซึ่งเขาไม่เคยเห็นและไม่มีประสบการณ์ พอที่จะเข้าใจ แล้วออกแบบซูเปอร์แม็กซ์ ฉะนั้นต้องมีประสบการณ์ไปศึกษาหาความรู้ว่าโครงสร้างมันเป็นแบบไหน บางทีเป็นห้องแถวสามชั้นก็มี เมื่อโครงสร้างเป็นแบบนี้ แล้วการเดินท่อ ฝังท่อ สายไฟ เป็นอย่างไร ไม่ใช่นักโทษทะเลาะกันเอาสายไฟมารัดคอกันตาย หรือกล้องวงจรปิดฝังไว้อย่างไร ซึ่งมันเกินความสามารถของกองออกแบบกระทรวงยุติธรรม

ทราบว่าท่านเคยออกแบบซูเปอร์แม็กซ์ไว้

ผมก็พยายามทำแบบให้เค้าดู แต่ปัญหาที่ตามมาคือ สร้างที่ไหน ที่ผมเคยคิดไว้คือไปอยู่เกาะ แต่ทุกวันนี้ไม่มีเกาะให้เราสามารถทำได้ ก็เคยคิดไปจนถึงแท่นขุดเจาะน้ำมันทิ้งร้าง เพราะกลางทะเลไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ คือซูเปอร์แมกซ์นั่นแหละ

ท้ายที่สุด ก็คิดว่าที่เหมาะสมที่สุดก็คือคลองไผ่ โคราช เพราะสภาพภูมิประเทศเอื้ออำนวย เนื่องจากลักษณะเป็นภูเขาสูง ก็จะทำให้สัญญาณโทรศัพท์มันต่ำลง แล้วระบบต่างๆ ก็จะแยกตัวออกจากโลกภายนอกค่อนข้างสูงกว่าทั่วไป
ตรงนั้นน่าจะเป็นทำเลที่เหมาะสมที่จะสร้างซูเปอร์แมกซ์ แต่ปัญหาคืองบประมาณ ถ้าจะทำต้องงบประมาณพิเศษ
แต่งบเท่าไหร่ก็ต้องมาจากแบบก่อน
วันนี้ เรื่องเรือนจำความมั่นคงสู ผมคิดว่าจำเป็นแล้วสำหรับเมืองไทย แต่สิ่งที่ต้องทำไปพร้อมกันขณะที่สร้าง ก็ต้องไปปรับปรุง 140 กว่าเรือนจำให้มั่นคงและไว้ใจได้ในความปลอดภัยด้วย

นอกจากนี้เรื่องสวัสดิการบ้านพักผู้คุมก็ต้องกลับไปดูแลพร้อมๆ กัน ทุกวงการมีทั้งดีและไม่ดี เจ้าหน้าที่ที่ดีเหมือนติดคุกตลอดชีวิตจนกว่าจะเกษียณ เข้าเวรคนละเกือบ 24 ชม.บ้านพักบางแห่งทรุดโทรมยิ่งกว่าคุกอีก สรุปแล้วติดคุกทั้งชีวิต ควรให้สวัสดิการเขา ถ้าจะแก้ปัญหาต้องมององคาพยพทั้งระบบ อย่ามองเป็นเรื่องๆ เพราะขวัญและกำลังใจเจ้าหน้าที่เป็นเรื่องสำคัญ สมัยที่แล้วของ ป.ป.ส.ผมให้เป็นมติครม.เอาไว้ว่า 2 ขั้นในสัดส่วนโควตานี้ ให้เฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ทำงานจริงเท่านั้น เพื่อเป็นขวัญกำลังใจของผู้ปฏิบัติงาน และต้องให้ซ้ำไปเรื่อยๆ ถ้าเขาทำงาน อย่าเอาโบนัสตรงนี้ไปให้คนที่ไม่ได้ทำงาน

เรื่องซูเปอร์แม็กซ์ผมเห็นด้วยและผมก็เริ่มไว้แล้ว เรื่องย้ายนักโทษไปเรือนจำเขาบิน รัฐบาลนี้ก็ทำต่อ ผมไม่ได้แย่งความดีความชอบ อันนี้คือถูกแล้ว แสดงว่าสิ่งที่รัฐบาลที่แล้วทำมาถูกต้อง เขาก็มาสานต่อ และอยากให้เดินต่อไปให้ดีมากกว่าเดิม แต่อยากให้เพิ่มความเข้มข้นให้มากยิ่งขึ้น

ที่มา.กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น