ต้องถือว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด สำหรับ “รักเมืองไทย เดินหน้าประเทศไทย” งานเลี้ยงประสานใจระหว่าง “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี กับ “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” ประธาน องคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่จบไปอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้ง..กับบรรยากาศ ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความสมานฉันท์
สำหรับผู้จัดงานนี้ถือว่าคุ้มค่าเงิน 10 ล้านบาท ทั้งเสียงเพลงเบาๆ ที่ประเดิม ด้วย เพลง “รัก” จากวงเยาวชนยะลา ซิมโฟนี ออร์เคสตร้า ตามด้วยการแสดง ดนตรีวงดุริยางค์ไทยแลนด์ ฟิลฮาร์โมนิก พร้อมด้วยนักร้องประสานเสียงของ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และวงดุริยางค์ซิมโฟร์นี ออเคสตร้า ของเหล่าทัพ ซึ่งทั้งท่านนายกรัฐมนตรี และ “ป๋าเปรม” ต่างก็มีรสนิยมชมชอบในเสียงดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ งานนี้จึงถือได้ว่าใช้เสียงดนตรีเป็นกาวใจ และก็ได้ผลเกินกว่าที่คาดหมาย
สำหรับอาหารที่รับรองในงานนี้ ถือว่าเป็นอีกมื้อของความประทับใจ เพราะได้รับการเสกสรรในแบบ “ค็อกเทล” ทั้งอาหารแบบไทยและฝรั่ง โดยทั้งหมดสั่งตรงจาก “โรงแรมปาร์คนายเลิศ” ด้วยบรรยากาศที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นกันเอง ในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของความปรองดองระหว่าง คู่ขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่าย สะท้อน ให้เห็นถึงแสงสว่างในการขับเคลื่อนประเทศไปได้อีกคำรบหนึ่ง
หากแต่งานนี้ก็ยังไม่วายมีเสียงบริภาษจาก สังคมถึงความจริงใจในการ แก้ปัญหาความปรองดอง ในครั้งนี้ว่า 10 ล้านบาทจะสูญเปล่าหรือไม่!!!...โจทย์ใหญ่ข้อนี้เป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องแสดงบทพิสูจน์ให้ประชาชน เห็นเป็นรูปธรรม เพราะเพียงรอยยิ้มที่ฉาบฉวยบนใบหน้ายังไม่เป็นข้อพิสูจน์ความคลางแคลงใจได้ เนื่องจากกระแส ปฏิวัติที่มีมาก่อนหน้านี้ มีความรุนแรงเกินกว่าจะวางใจกันง่ายๆ
เงื่อนไข 5 ประเด็นหลักที่จะเป็นบทพิสูจน์ความจริงใจของทั้ง 2 ฝ่าย ในครั้งนี้ ก็น่าจะอยู่ที่ประเด็นร้อนๆ ที่กลายเป็น “ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์” ในทุกวงสนทนาของคนในสังคม..
1.มาตรา 112 อย่าเสี่ยงไปแตะต้อง เพราะทหาร..ไม่ยอม!!..เสียงฮึ่ม!!.. จาก “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผบ.ทบ.ถือเป็นการแสดงเจตจำนงที่ชัดเจน ที่สุด และเชื่อว่ารัฐบาลเองคงไม่เสี่ยง นอกจากจะมีเหตุผลที่ซ่อนเร้นโดยหวังผลแหย่หนวดเสือเปิดช่องให้ใครบางคนสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง
2.พ.ร.บ.กลาโหม และฤดูโยกย้าย เล็กของกองทัพในห้วงเดือนเมษาฯ..ซึ่ง “จตุพร พรหมพันธุ์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้นำข้อมูลการปฏิวัติออกมาเปิดเผยโดยอ้างหน่วยข่าวกรอง ของประเทศสหรัฐอเมริกา..แต่ดันตรงกับจังหวะโยกย้ายอย่างเหลือเชื่อ
3.กรณีกระแสข่าวการขายปตท. และการบินไทย รวมไปถึงการแต่งตั้งคนใกล้ชิดของ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะ “ผดุง ลิ้มเจริญรัตน์” คนสนิทนายใหญ่ เข้าไปเป็นเลขานุการ รมว.มหาดไทย “อารักษ์ ชลธาร์นนท์” เป็น รมว.พลังงาน และ “นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคุมสื่อ..ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นภาพสะท้อนให้ฝ่ายตรงข้ามมองได้ว่า “ระบอบทักษิณ” จะกลับมาผงาดอีกครั้ง
4.เกมทวงถามสปิริต ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่าง พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ.2555 วงเงิน 350,000 ล้านบาท และ พ.ร.ก. ปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วย เหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ.2555 วงเงิน 1,140,000 ล้านบาท ออกมา ในทางไม่เป็นคุณกับรัฐบาล ซึ่งต้องจับตาสถานการณ์หลังจากนั้นว่า จะบังเกิดแพตเทิร์นการเมืองไทยแบบเก่าๆ ตามมาหรือไม่
5.มหาอุทกภัยรอบใหม่ที่กำลังจ่อคอหอยอยู่ในขณะนี้ แม้ว่าจะมีความ พยายามป้องกันอย่างสุดกำลัง ทั้งในระดับนโยบาย และปฏิบัติ ทั้งมันสมอง และเงินทุน แต่ถ้าหากรอบนี้เอาไม่อยู่รัฐบาลพัง!!.. แต่หากสิ่งที่เรียกว่า การปรองดองประสบความสำเร็จจริงแบบเป็นรูปธรรม โอกาสที่จะเอาอยู่ก็เป็นไปได้สูง เพราะได้รับความสะดวกจากทุกๆ ฝ่าย
เงื่อนไขทั้ง 5 ข้อที่กล่าวมานี้ น่าจะเป็นบทพิสูจน์ถึงความสมานฉันท์และความจริงใจของทั้ง 2 ฝ่าย ที่ถือเป็นกุญแจสำคัญในการ ขับเคลื่อนประเทศไทย ที่ประชาชน เฝ้าจับตา และรอคอยให้เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรมเสียที
ที่มา:สยามธุรกิจออนไลน์
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น