--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ศึกสายเลือดสีแดง : ชิงหัวขบวน นปช. !!?

จับตาการเมืองไทยที่กำลังฝุ่นตลบ แค่การเคลื่อนไหวแห่งวาระแก้ รัฐธรรมนูญก็ยิ่งปรากฏให้เห็น “ชนวน ความคิด” ซึ่งมีทั้งกระแสหนุนและ ต่อต้าน โดยเฉพาะในโมเดลนิติราษฎร์ ที่นักวิชาการหัวก้าวหน้าลงมือ ปรุงเมนู “ไข่ยัดไส้” วางบนจานแก้มาตราร้อน 112 หรือกฎหมายล้มเจ้า! ที่ส่อเค้าว่าจะเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่..

ขณะที่บริบทในหมากการเมืองข้างถนน.. กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ก็ยังเดินเกมคู่ขนานไปพร้อมกับคณะพรรคเพื่อไทย ด้วยการยื่น 5 หมื่นรายชื่อ เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ในวันที่ 9 ก.พ.นี้ เป็นจังหวะเดียวกับที่รัฐนาวา “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เตรียมยื่นแก้ไขมาตรา 291 เพื่อปลดล็อก “ส.ส.ร.3” ซึ่งหากอ่านคิว “เบี้ยดูไบ” ไม่ผิดเพี้ยน! เป้าหมายที่มีไว้พุ่งชน คือรื้อรัฐธรรมนูญ 2550 กันหมดทั้งฉบับ ตามปฏิทินเสื้อแดง..ในอีกสัปดาห์ให้หลังก็จะมีการปรับกระบวน ทัพใหม่ หลังประเมินสถานการณ์การเมือง ตลอดจน “รอยร้าว!” ภายในขบวนเสื้อแดงที่เริ่มขยายวงกว้าง เมื่อแกนนำแดงสายฮาร์ดคอร์ อาทิ ชินวัฒน์ หาบุญพาด-พ.ต.ท. ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ รวมทั้ง “พายัพ ปั้นเกตุ” และ “แรมโบ้อีสาน” สุภรณ์ อัตถาวงศ์ ซึ่งทั้งหมดยังอยู่ในอารมณ์ ขัดแย้งรุนแรงกับ “ธิดา ถาวรเศรษฐ” รักษาการประธาน “นปช.แดงทั้ง แผ่นดิน” นั่นจึงเป็นที่มาของภารกิจ “หักด้ามพร้าด้วยเข่า” หวังเปลี่ยนตัวหัวขบวนเสื้อแดงในที่สุด

ไม่ใช่ครั้งแรกที่แดง..แตกออกเป็นเสี่ยงๆ เพราะก่อนหน้านี้ในเหตุการณ์ นองเลือดเมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 ก็มีความเห็นที่ขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง ปีกหนึ่งให้ยุติชุมนุม อีกปีกให้เดินหน้าชน ต่อไป ทว่าผลสุดท้ายแกนนำต่างพ่ายแพ้ ติดคุก บางส่วนหลบหนีกระเจิดกระเจิง ไปต่างประเทศ

แต่พอได้มาผนึกกำลังรบกันครั้งใหม่ “เสื้อแดง” ก็สามารถโอบอุ้มให้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งเข้ามาสู่ “อำนาจรัฐ” ได้ในที่สุด โดยขณะที่มวลชนต่างฉลองกันครื้นเครง แต่แกนนำ หลายคนใช้โอกาสนี้สะสางปัญหาความ ขัดแย้งที่สะสมจนระเบิดออกมา แดงฮาร์ดคอร์ทั้งหลาย ได้แอบเจาะ “รูรั่ว” ให้แก่ขบวนทัพ นปช. ภายใต้การนำของ “ธิดาแดง” โดยย้ำหัวตะปูถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจากตัวบุคคล และได้สร้างความแตกแยกภายใน กระทั่ง แกนนำหลายคนไม่เผาผีกันไปแล้ว แค่เฉพาะชุดความคิดและอุดมการณ์ ก็ที่เป็นไปคนละทาง จนปริแยกเหล่านี้ได้ลามไปถึงมวลชนเสื้อแดงกลุ่มอื่นๆ แบบไฟลามทุ่ง..!! แน่นอนว่า.. “เหตุและปัจจัย” ที่เป็นตัวแปร คือแกนนำแต่ละคนก็มีความคิดที่ต่างกันไป บางพวกก็ไม่ยอมรับ ดอกไม้หลายสี หรือยึดมั่นถือมั่นแต่ตัวเองเป็นสำคัญ

อย่างเมื่อกลางปีที่แล้ว แกนนำเสื้อแดงก็มีความเห็นตรงกันว่า..ควรมีการเลือกตั้งประธาน นปช.คนใหม่ให้เร็ว ที่สุดเพื่อให้การเคลื่อนไหวมีความเป็นเอกภาพสอดคล้องกัน อีกทั้งมีการกดดัน ให้ “ธิดา” ไขก๊อก! ด้วยการขู่ว่าจะปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหว โดย แยกตัวออกมาเป็นเอกเทศ แบ่งการเคลื่อนไหวเป็นรายภาคทั้งเหนือ-อีสาน พออาการกำเริบหนัก “หัวหมู่คน เสื้อแดง” หลายคนก็เริ่มหายใจไม่ออก จึงคิดจะเปลี่ยนบทกันเล่น หาคนที่เหมาะสมมากกว่าเข้ามาแทนที่ ทำให้ปรากฏชื่อ “ตู่-จตุพร พรหมพันธุ์” แกนนำแดงรุ่นลายคราม และ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ถูกนำมาเทียบมวยกับ “ธิดาแดง” หลังจาก “เดอะตู่” ต้องลุ้นอีกเฮือกใหญ่ๆ ในช่วงวาเลนไทน์ สีเลือดว่าตัวเองจะหลุดพ้นสมาชิกภาพ ส.ส.หรือไม่..?!
เวลานี้ศึกชิงประธาน นปช. จึง ได้เริ่มเปิดฉากทั้งเกมบนดินและใต้ดิน

ทีนี้เมื่อ นปช.อยู่ในภาวะตีบตัน กำลังระส่ำระสายเป็นการภายใน คนบางกลุ่มจึงได้มีแนวคิด..แยกมวลชนออกจากการเมือง! เพื่อเป็นฐานมวลชน อีกกลุ่มก้อนที่จะก้าวมาเทียบเคียง “ดุลอำนาจ” กับคณะพรรค นปช. ซึ่งก่อนการระดมมวลชนกลุ่มนี้ขึ้นมา ก็มีการเปิดวงสนทนากับ “ผู้มีอำนาจตัวจริง” อย่างใกล้ชิด..เพื่อเตรียมเคลื่อนไหว ทางมวลชนระลอกใหม่ ที่น่าสนใจ เพราะคนกลุ่มนี้ได้มีรูปแบบการจัดตั้งที่แตกต่างกับ นปช. แบบคนละขั้ว ถึงแม้จะเป็นกลุ่มเคลื่อนไหว เพื่อประชาธิปไตยเหมือนๆ กัน แต่ก็อยู่ ในระดับที่ซึมลึก..ใกล้ชิดกับมวลชนมาก กว่า ซึ่งทั้งหมดจัดเป็นกลยุทธ์หนึ่ง เพื่อ สลายจุดอ่อน..สร้างจุดแข็งให้กับตัวเอง!

ขณะที่การเคลื่อนไหวก็มีแนวโน้ม ว่าอาจเป็น “ศึกนอก” ที่ล่อแหลมต่อ ขบวนทัพ นปช.สีแดง แม้จะมีลักษณะ เป็นแนวร่วมเดียวกัน แต่เอา “อุดมการณ์” ที่ต่างกันเป็นตัวแยกปลาออก จากน้ำ และเท่าที่ตรวจสอบนักเคลื่อนไหว กลุ่มนี้ มีการยืนยันแนวทางประชาธิปไตยที่แปลกแยก คือมุ่งเน้นในเชิงปริมาณ อันมาจากการเคลื่อนไหวด้านมวลชน.. แต่ไม่ขายตัวบุคคลที่อาศัยกลไกนักการเมือง หรือบุคคลที่มีชื่อเสียง มาเป็นฉากหน้า เหนืออื่นใด ด้วยความใกล้ชิดกับ “ฝ่ายทหารป่า” แบบลึกซึ้ง! กลุ่มเคลื่อนไหวดังกล่าวจึงถูกมองในแง่ที่ว่า..ถูกใช้เป็นกองกำลังใหม่ให้กับ “ฝ่ายขั้วอำนาจ” ทั้งหลายทั้งปวงคงต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์กันต่อไป ทว่าบริบทใน “ศึกสายเลือด” รอบ นี้ ไม่จบแค่ “ศึกใน” ที่ต้องแย่งชิงกันอย่างเลือดพล่าน หากแต่ยังมี “ศึกนอก” ที่รอเวลาปะทุในองศาเดือด!?!

ที่มา:สยามธุรกิจออนไลน์
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น