การจับกุม นายอาทริส ฮุสเซน ชาวสวีเดนสัญชาติเลบานอน ในความผิดตามพระราชบัญญัติการควบคุมยุทธภัณฑ์ เพราะมีแอมโมเนียมไนเตรทอยู่ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาติ
นับเป็นข่าวใหญ่ของโลกและทำให้ประเทศต่างๆ 18 ประเทศ รวมทั้งอเมริกาออกประกาศเตือนมิให้พลเมืองของตนเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย
เพราะข่าวที่ปรากฎออกไปนั้นมีว่า...ผู้ก่อการร้าย “กลุ่มฮิซบอลเลาะห์” ได้วางแผนจะก่อวินาศกรรมครั้งใหญ่ในกรุงเทพฯ
นายอาทริส ฮุสเซน ถูกจับจากการชี้เป้าของหน่วยสืบราชการลับอิสราเอล แต่หากสังเกตให้ดีแล้วจะพบความเหมือนและความต่างของเรื่องนี้
เมื่อเปรียบเทียบกับการจับกุม นายวิคเตอร์ บูธ ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นพ่อค้าอาวุธระดับโลกชาวรัสเซีย และการยึดเครื่องบินยูเครนที่ขนอาวุธจากเกาหลีเหนือจะไปส่งอิหร่าน ที่เกิดจากการชี้เป้าของหน่วยสืบราชการลับอเมริกา
แม้จะเกิดจากการชี้เป้าของหน่วยสืบราชการลับต่างชาติ และสองกรณีแรก หน่วยงานความมั่นคงของไทยเรา ก็ทำอะไรลงไปอย่างผลีผลาม จนในที่สุดเกิดผลเสียมากกว่าผลดีแก่ตัวเองเอง
แต่กรณีหลังนี้เห็นได้ชัดเจนว่า...ไทยเราทำอะไรลงไปด้วยความระมัดระวัง คำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา อันรวมถึงการตั้งข้อกล่าวหาที่มิได้ระบุลงไปว่า...ผู้ถูกจับเป็นพวกก่อการร้ายแต่อย่างใดด้วย
เหตุนี้กระมังจึงมีการเปิดเผยว่า...รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มีชื่ออยู่ในบัญชีดำของทางการสหรัฐฯ เพียงเพราะไปช่วยต้อนรับขับสู้ประธานาธิบดีซิมบับเวและภริยา
และทำให้ต้องให้ความสนใจต่อคำให้สัมภาษณ์ของ นายอาทริส ต่อสื่อมวลชนสวีเดนที่อ้างว่า...
แอมโมเนียมไนเตรทจำนวน 4 ตันที่ตำรวจไทยยึดจับได้ น่าจะเป็นการจัดฉากของหน่วยสืบราชการลับอิสราเอล
พร้อมๆ กับการจับกุม นายอาทริส ก็มีรายงานข่าวความเคลื่อนไหวของความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับโลกอาหรับ
โดยเมื่อวันที่ 19 มกราคม มะห์มุด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ ได้ส่งสารมาแสดงความขอบคุณที่ประเทศไทยรับรองความเป็นเอกราชของปาเลสไตน์
หลังจากมี 125 ประเทศขานชื่อรับรอง...ขณะที่ไทยเป็นประเทศแรกในศักราชใหม่ปี 2555 ที่ให้การรับรองความเป็นเอกราชของปาเลสไตน์
และในวันเดียวกันนั้น นายเอกเม เลดดิน อิชาโนกลู เลขาธิการองค์กรความร่วมมืออิสลามหรือโอไอซี ก็ได้แถลงชื่นชมประเทศไทยที่รับรองฐานะของปาเลสไตน์
และก่อนหน้าเมื่อวันที่ 17 มกราคม ผู้แทนถาวรของไทยประจำสหประชาชาติ ได้ส่งสารถึงปาเลสไตน์แจ้งให้ทราบว่า...
ประเทศไทยยอมรับในสถานะความเป็นประเทศที่มีอำนาจอธิปไตยของตนเองอย่างเป็นทางการ และรัฐบาลไทยประสงค์ที่จะเริ่มกระบวนการสถาปนาความสัมพันธ์ทุกอย่างที่เป็นทางการกับปาเลสไตน์ในระยะเวลาอันใกล้นี้
ซึ่งจากสารฉบับนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศปาเลสไตน์กล่าวว่า เป็นการรับรองฐานะของรัฐเอกราชปาเลสไตน์เหนือดินแดนที่ครอบครองอยู่ในปี 2510
เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ปาเลสไตน์ได้ยื่นคำร้องขอเป็นสมาชกสหประชาชาติ แต่สหประชาชาติยังไม่ได้ลงมติในเรื่องนี้ และสหรัฐยืนยันว่า...จะขัดขวางโดยใช้สิทธิ์ยับยั้ง
โดย:คนชายขอบ(ศรี อินทปันตี),บางกอกทูเดย์
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น