ภายใต้ภาพเบลอแห่งโหราศาสตร์และดวงดาว ที่มีการทำนายทายทักให้เห็นอนาคตประเทศไทยในปีมะโรง..ที่ว่ากันไปต่างๆ นานา ทั้งเป็นคุณและไม่เป็นคุณต่อบรรยากาศ แห่งความสมานฉันท์ภายในประเทศ ปรากฏเป็นความสับสนจนสังคมจับต้นชนปลายไม่ถูก
จับจากตรรกะความเป็นจริง จังหวะก้าวทาง การเมืองที่ได้ดำเนินมาและมีแนวโน้มจะดำเนินไปผ่านมุมมองของ “รศ.ดร.สุรชาติ บำรุงสุข” อาจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มอง ข้ามช็อตไว้อย่างน่าสนใจยิ่ง
“ก่อนอื่นต้องมองภาพรวมของการเมืองในปี 2555 ก่อนว่า น่าจะเกิดความร้อนแรงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการตกผลึกของการเมืองเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมีสภาพแบบแลหลังดูหน้า จากหลายๆ เรื่อง อย่างกรณีอากง-ม.112 ส่งผลมาถึงกรณีแก้รัฐธรรมนูญ คดี 91 ศพ นิรโทษกรรม รวมถึงตุลาการภิวัฒน์ โดยผลจากเรื่องราว เหล่านี้ทำให้เชื่อได้ว่าการเมืองไทยปี 55 ร้อนแรงขึ้นแน่”
“โดยเฉพาะเรื่องที่ต้องโฟกัสเป็นพิเศษ เพราะเป็นเรื่องที่เปราะบางมาก คงไม่พ้นเรื่องของมาตรา 112 ซึ่งตอนนี้ต้องถือว่า เป็นประเด็นสาธารณะไปแล้วและเชื่อว่าในปีนี้ฝ่ายนิติราษฎร์ น่าจะต้องจุดประเด็นขึ้นมาอีกซึ่งแน่นอนว่าคงทำให้ฝั่งทหารไม่พอใจแน่ เพราะเขาประกาศไว้ชัดเจนว่า ใครไม่เอา ม.112 ก็ไปอยู่ต่างประเทศก็แล้วกัน แต่ถ้าหากประชาชนบางส่วนต้องการและ ออกมาเคลื่อนไหว จะส่งผลให้ประเด็นนี้เป็นเรื่องใหญ่แน่นอน”
“ในด้านความเป็นเอกภาพของกองทัพ ขณะนี้ต้องยอมรับ ว่าเราสูญเสียไปตั้งแต่มีการรัฐประหารปี 49 แล้ว แม้จะยังควบคุม ได้แต่ขาดเอกภาพไปเยอะ หากพิจารณาจากการไปเยือนพม่าของ ผู้นำสหรัฐ เชื่อได้ว่าเขาเปิดรับพม่ามากขึ้น ซึ่งแน่นอนถ้าประเทศไทย ยังมีความรุนแรงทางการเมืองจากการใช้กำลังของทหาร ทำให้ ภาพลักษณ์ออกมาขัดแย้งกับระบอบประชาธิปไตย เขาอาจจะไม่เอา กับเราด้วย ฉะนั้น การทำรัฐประหารต่อไปคงไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะ นานาชาติไม่รับ กลุ่ม EU ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขาไม่เอาด้วยตั้งแต่รัฐประหารรอบที่แล้ว”
“แม้ในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะนำพาไปสู่ความขัดแย้ง แต่โดยหลักใหญ่ไม่ใช่เรื่องของตัวบทกฎหมาย แต่เนื้อแท้กลับเป็น เรื่องของการเมืองเสียมากกว่า ที่เราเคยพูดกันถึงการปรองดอง สมานฉันท์ หรืออะไรก็แล้วแต่ จะไม่มีผลเลยถ้ายังใช้กฎหมายที่มา จากการทำรัฐประหาร ฉะนั้น ถ้าเราอยากก้าวไปข้างหน้าต้องพิจารณา ผลพวงใหญ่ที่มาจากการทำรัฐประหาร นั่นคือรัฐธรรมนูญปี 50”
“ส่วนที่มองว่าทหารอาจได้รับผลจากความผิดในคดี 91 ศพ หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นแรก คงต้องพิจารณา การให้ปากคำของฝ่ายการเมืองในรัฐบาลชุดที่แล้ว และหากเชิญทหารไปให้ปากคำที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล อันนี้อาจนำมาซึ่งปัญหาเรื่องศักดิ์ศรี คือ สีเขียว กับสีกากี อันนี้น่าห่วงมาก แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าจะกันฝ่ายทหารไว้เป็นพยาน เพราะเป้าประสงค์อยู่ที่ฝ่ายการเมืองมากกว่า เชื่อว่าน่าจะมีการ ประนีประนอมระหว่างรัฐบาลกับทหาร แต่ก็เหมือนทุ่นระเบิด แม้ผ่านไปได้ลูกหนึ่งก็ต้องเจออีกลูกหนึ่ง”
“เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับกองทัพจึงถือเป็นตัวแปรสำคัญ จากประวัติศาสตร์ยังไม่เคยมีปรากฏการณ์ ว่านายกรัฐมนตรีคนใดตรวจเยี่ยมกองทัพถึงที่แบบนายกฯ ยิ่งลักษณ์ (ชินวัตร) ซึ่งก็มองได้ว่าเป็นการไปขอบคุณที่ทหาร มาช่วยเหลือในสถานการณ์น้ำท่วม แต่ก็ถือว่าเป็นการลดความ บึ้งตึงระหว่างทหารกับรัฐบาล หรือเป็นการถอดชนวนระเบิดได้ด้วยดี จากนี้คงต้องดูท่าทีของฝ่ายชาตินิยมว่าจะแสดงท่าที อย่างไร เชื่อว่าถ้าไม่รุนแรงทหารเอาอยู่แน่”
“สุดท้าย สิ่งที่ต้องคำนึงไว้เสมอคือประเทศไทยไม่ได้ตั้งอยู่โดดเดี่ยวในโลก ทหารจึงต้องระมัดระวังหากจะต้องมีเรื่องขึ้นถึงศาลโลก อย่าลืมว่าแม้แต่ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่ว่ายิ่งใหญ่ยังต้องเชื่อฟังคำสั่งของศาลโลกอย่างดุษฏี”
ทีี่มา.สยามธุรกิจ
////////////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น