@ปูนำชื่อครม.ใหม่ทูลเกล้าฯแล้ว
รายงานข่าวจากแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) เมื่อวันที่ 16 มกราคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้นำรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ขึ้นทูลเกล้าฯเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากในช่วงเช้าได้เรียกบุคคลที่มีโอกาสเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรี เข้ามายังตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อกรอกประวัติ และตรวจสอบคุณสมบัติ อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรค เพื่อไทย นางนลินี ทวีสิน อดีตผู้แทนการค้าไทย และอดีตผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อันดับที่ 125 และนายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย
@อดีตซีอีโอไทยคมนั่ง′พลังงาน′
สำหรับรายชื่อรัฐมนตรีที่จะปรับเปลี่ยนครั้งนี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา จากรัฐมนตรีว่าการ (รมว.) กระทรวงกลาโหม เป็นรองนายกรัฐมนตรี ก่อนจะโยก พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต จาก รมว.คมนาคม มานั่งเป็น รมว.กลาโหม แทน โดยให้นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการพรรค เพื่อไทย ขึ้นเป็น รมว.คมนาคม
นอกจากนั้น ยังโยกนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ไปดำรงตำแหน่งรองนายกฯควบ รมว.คลัง โดยให้นาย บุญทรง เตริยาภิรมย์ รมช.คลัง เด็กในสาย นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นไปเป็น รมว. พาณิชย์ ขณะที่นายอารักษ์ ชลธารนนท์ อดีตผู้บริหารไทยคม จะเข้ามานั่งเป็น รมว.พลังงาน ส่วนนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช เป็น รมว. ศึกษาธิการ โดยโยกนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกับนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล และนางนลินี ทวีสิน ที่จะเข้ามานั่งในตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
@′ณัฐวุฒิ′รมช. ′โกวิท′หลุด
ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคน เสื้อแดง เป็น รมช.เกษตรฯ แทนนายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ เป็น รมช.สาธารณสุข นายศักดา คงเพชร เป็น รมช.ศึกษาธิการ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย เป็น รมช.คลัง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ดอกเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการคมนาคมจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ปรึกษาด้านการคมนาคมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็น ลูกชาย พล.ต.อ.เสน่ห์ สิทธิพันธ์ อดีต ผบช.น. เป็น รมช.คมนาคม ส่วนรัฐมนตรี ในสังกัดพรรคชาติพัฒนา (ชพ.) มีเปลี่ยนตำแหน่งเดียวแทน นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล คือ ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ อดีตคณบดีคณะนวัตกรรม ม.ธรรม ศาสตร์ ที่เข้ามานั่งในตำแหน่ง รมว.อุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม จากการปรับ ครม.ครั้งนี้ มีบุคคลที่หลุดจากตำแหน่งทั้งหมด 8 คน ประกอบด้วย พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ (รองนายกฯ) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล (รมว.คลัง) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ (รมว.พลังงาน) นางสาวกฤษณา สีหลักษณ์ (รมต.ประจำสำนักฯ) นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ (รมช.คมนาคม) นายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ (รมช.เกษตรฯ) นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น (รมช.สาธารณสุข) และนายสุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล (รมช.ศึกษาธิการ)
@ทักษิณ′เรียกส.ส.ตกรางวัล
รายงานข่าวจาก พท.แจ้งว่า ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เรียก ส.ส.พท.ให้เดินทางไปพบที่เมืองดูไบ สหรัฐ อาหรับเอมิเรตส์ โดยมีเลขานุการส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ดูแลเรื่องการเดินทางและที่พักให้ ซึ่ง ส.ส.ที่เดินทางไปประกอบด้วย พ.อ. อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน นายพ้อง ชีวานันท์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร นอกจากนั้น ยังมี ส.ส.ที่ได้รับรางวัล ส.ส.ผู้ปฏิบัติหน้าที่ดีเด่นจากเมื่อครั้งงานเลี้ยงปีใหม่พรรคเพื่อไทย ร่วมเดินทางไปในครั้งนี้ด้วย ประกอบด้วย นายอำนวย คลังผา ส.ส.สระบุรี นายอนันต์ ศรีพรรณ ส.ส.อุดรธานี นางชมภู จันทาทอง ส.ส.หนองคาย นายวิวัฒน์ไชย โหตระไวศยะ ส.ส.ศรีสะเกษ รวมถึง พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
@ปชป.ชี้ต่างตอบแทน′เสื้อแดง′
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกระแสข่าวมีชื่อนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พท. มีตำแหน่งในการปรับ ครม. "ยิ่งลักษณ์ 2" ว่า มีโอกาสสูงเพราะลักษณะของ พท. จะตอบแทนให้กับคนที่ทำงานให้ โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกประชาชนที่ไม่ได้ชื่นชอบ แต่เป็นภาพที่คนสนับสนุน พท.รับได้ การปรับ ครม.จากนี้ไปจะเป็นการปรับเพื่อตอบแทนบุญคุณกับคนที่ทำงานทางการเมืองให้พรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะ
ที่ผ่านมาตอบแทนหมดแล้วโดยเฉพาะผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เห็นได้จากมติ ครม. อนุมัติเงินชดเชยเยียวยาให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง ขณะนี้เหลือเพียงเรื่องเดียว คือช่วยผู้ชุมนุมที่ถูกตัดสิน ว่าทำผิดตามกฎหมายอาญาไม่ได้รับโทษ ซึ่ง กำลังหาช่องทางช่วยด้วยการแก้รัฐธรรมนูญ" นายนิพิฏฐ์กล่าว
ฟ้องศาลปค.เลิกมติเยียวยา
บ่ายวันเดียวกัน ที่ศาลปกครองกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง ปชป. พร้อมด้วยนายสมชาย เกิดรุ่งเรือง ลุงของ ด.ช.จักรพันธุ์ ศรีสะอาด หรือน้องฟลุค เหยื่อที่เสียชีวิตจากการปราบปรามยาเสพติดตามนโยบายสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อปี 2545 ในฐานะ ผู้จัดการมรดกน้องฟลุค และนายตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง พฤษภาทมิฬ เดือนพฤษภาคม ปี 2535 ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ ครม.เรื่องกระทำการโดยมิชอบ กรณี ครม. มีมติวันที่ 10 มกราคม 2555 อนุมัติเยียวยาผู้เสียหายจากเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549-พฤษภาคม 2553
คำฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 10 มกราคม นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ครม. และมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอคณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) ที่นำหลักการเยียวยาของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มีนายคณิต ณ นคร ขึ้นมาอ้างเพียงบางส่วน และเพิ่มเติมหลักเกณฑ์อื่นๆ นอกเหนือจากที่ คอป.เสนอ โดยผู้ถูกฟ้องทั้งสอง อนุมัติให้เยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์การเมืองตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549-พฤษภาคม 2553 ที่กำหนดช่วยเหลือสำหรับกรณีเสียชีวิต 4.5 ล้านบาทต่อราย กรณีสูญเสียอวัยวะสำคัญ 3.6 ล้านบาทต่อราย กรณีสูญเสียอวัยวะไม่สำคัญ 1.8 ล้านบาทต่อราย กรณีบาดเจ็บไม่สูญเสียอวัยวะ 1,125,000 บาท กรณีบาดเจ็บไม่สาหัส 675,000 บาท กรณีบาดเจ็บเล็กน้อย 225,000 บาท รวมทั้งการจ่ายค่าชดเชยเยียวยาให้กับผู้ถูกดำเนินคดีจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองด้วย
@แจ้งความ′ปู′ปฏิบัติมิชอบ
คำฟ้องระบุต่อว่า การออกมติดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการเลือกปฏิบัติไม่เป็นธรรม เพราะการเยียวยาไม่ครอบคลุมถึงการชดเชยความเสียหายอื่นๆ เช่น ผู้เสียชีวิตจากกรณีตากใบหรือกรือเซะ ความรุนแรง 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยราษฎรและทหารซึ่งเสียชีวิตหรือบาดเจ็บยังได้รับการเยียวยาที่น้อยกว่า หรือจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองในอดีตปี 2516, 2519 และ 2535 ซึ่งการออกมติดังกล่าวขัดต่อหลักความเสมอภาคที่รัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 30 บัญญัติไว้ จึงขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอน มติ ครม. 10 มกราคม 2555 ทั้งหมด และขอให้ผู้ถูกฟ้อง มีมติกำหนดหลักเกณฑ์เยียวยาความเสียหายให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบในเหตุการณ์ความรุนแรงในครั้งต่างๆ อย่างเท่าเทียมกันเป็นธรรม โดยไม่รวมถึงกรณีผู้กระทำความผิดตามกฎหมายในเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น โดยศาลรับคำฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำที่ 81/2555 เพื่อพิจารณาและมีคำสั่งต่อไปว่าจะรับฟ้องหรือไม่
นายสาธิตกล่าวว่า จะเดินทางไป สน.ดุสิต แจ้งความดำเนินคดีนายกรัฐมนตรี และ ครม. ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วย เนื่องจากการอนุมัติเงิน มีลักษณะเป็นการช่วยเหลือผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย ฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชในสถาน การณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 รวมทั้งบุกรุกสถานที่ราชการ ฯลฯ
@ส.ว.รุมค้านรบ.เยียวยาเหยื่อ
ส่วนการประชุมวุฒิสภา วันเดียวกัน ซึ่งมี พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุม ส.ว. หลายคนได้ขอหารือถึงกรณีที่ ครม. มีมติเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองปี 2549-2553 โดยนางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า เป็นมติ ครม.ที่บ้าระห่ำ ที่ทำให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์และสงสัยในเรื่องการเท่าเทียมว่า ชีวิตที่สูญเสียของบุคคลที่มาชุมนุม หรือชีวิตของเจ้าหน้าที่รัฐที่มาปฏิบัติหน้าที่แล้วบกพร่อง อาทิ กรณีตากใบ ครู-พระที่เสียชีวิตในภาคใต้ มีความแตกต่างจากชีวิตที่สูญเสียจากการชุมนุมทางการเมืองในปี 2552 หรือ 2553 อย่างไร
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวว่า คิดว่าน่าจะเป็นมติที่ผิดกฎหมาย เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นการชดเชย เยียวยา ฟื้นฟู ที่ไม่อยู่ในกรอบของกฎหมาย และแนวทางปฏิบัติและทางการเงิน เรื่องนี้ไม่ได้นำไปสู่ความปรองดองแต่จะนำไปสู่ความขัดแย้งแตกแยก สองมาตรฐาน อยากถามว่า เงินที่นำมาจ่ายนั้นใช่เงินภาษีประชาชนหรือไม่ อาจทำให้เกิดคำถามในเรื่องมาตรฐานประชาชนว่า เขาอาจละเว้นการเสียภาษีให้กับรัฐบาลในการนำเงินไปผลาญเช่นนี้
@′ยงยุทธ′เดินหน้าจ่ายเยียวยา
ขณะที่ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า แม้ ปชป.จะยื่นศาลปกครอง แต่การจ่ายเงินเยียวยาจะยังเดินหน้าต่อไป เว้นแต่ศาลปกครองจะมีคำพิพากษาว่าอย่างไรต้องดูอีกครั้ง แต่ยืนยันจะไม่รอ ส่วนการคำนวณเงินเยียวยาใช้หลักเกณฑ์รายได้ต่อหัวและคำพิพากษาศาลบางส่วนเป็นหลัก
นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขอถามว่าที่ ปชป.นำเงินภาษีประชาชนไปซื้ออาวุธ ซื้อกระสุน แล้วนำมาฆ่าประชาชน ถือเป็นการใช้ภาษีประชาชนไปในทางที่เหมาะสมหรือไม่ "ปชป.ควรศึกษาให้ละเอียด เพราะการช่วยเหลือเยียวยา ไม่ได้ทำเฉพาะกับคนเสื้อแดง ยังรวมถึงคนเสื้อเหลืองที่บาดเจ็บจากการสลายการชุมนุม รวมถึง น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ ที่เสียชีวิตในการชุมนุมก็จะได้รับเงิน 7.75 ล้านบาทด้วย ไม่ได้
@เลือกปฏิบัติว่าใครเป็นใคร
ย้ายผู้ต้องขังการเมืองแล้ว
นายกอบเกียรติ กสิวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงการย้ายผู้ต้องขังคดีอาญาเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมืองว่า ได้รับมอบพื้นที่จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่างเป็นทางการเรียบร้อย ดังนั้น ในวันที่ 17 มกราคม เวลา 13.00 น. กรมราชทัณฑ์เตรียมย้ายผู้ต้องขังทั้ง 47 ราย ไปคุมขังยังเรือนจำชั่วคราวหลักสี่ โดยใช้บริเวณชั้น 3 เป็นที่คุมขังเพียงชั้นเดียวเนื่องจากปริมาณน้อย ซึ่งเป็น 2 ห้อง คุมขังผู้ต้องขังชาย เฉลี่ยห้องละ 20 คน ส่วนผู้ต้องขังหญิงมีคนเดียวจึงแยกคุมขังอีก 1 ห้อง
นายกอบเกียรติกล่าวถึงการพิจารณาคุณสมบัติผู้ต้องขังกระทำผิดมาตรา 112 ว่า คณะกรรมการคัดเลือกคุณสมบัติผู้ต้องขังคดีอาญาเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมือง ได้หารือ คอป. เพื่อถามข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกระทำความผิดของกลุ่มบุคคลดังกล่าวว่ามีมูลเหตุการกระทำผิดมาจากความขัดแย้งทางการเมืองหรือไม่ เนื่องจาก คอป.มีข้อมูลหลายส่วน รวมทั้งรายละเอียดเชิงลึก จากนั้นกรมราชทัณฑ์จะนำข้อมูลหารือคณะกรรมการของกรมราชทัณฑ์เพื่อพิจารณาตามหลักเกณฑ์อีกครั้ง ซึ่งเป็นไปได้ทั้งสองอย่างคือ ได้รับการโอนย้ายและไม่ได้รับสิทธิโอนย้ายไปเรือนจำชั่วคราวหลักสี่
@ชี้นิติราษฎร์แยกสถาบัน-มั่นคง
ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษก ปชป. แถลงกรณีคณาจารย์คณะนิติราษฎร์ล่ารายชื่อเพื่อแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า มีหลายสิ่งที่คณาจารย์กลุ่มนี้พูดขาดความจริง ขาดจิตสำนึกในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คือ 1.การจะเอาเรื่องหมิ่นสถาบันออกจากความมั่นคงชาติ ไม่ทราบว่าเติบโตจากประเทศไหน เพราะคนไทยรู้ดีว่าความมั่นคงของสถาบันคือความมั่นคงประเทศ ไม่สามารถแยกจากกันได้ 2.ที่อ้างว่าถ้าไม่ปล่อยให้วิจารณ์อย่างเสรี จะทำให้สถาบันเป็นปฏิปักษ์กับระบอบประชาธิปไตย ที่จริงสถาบันไม่เคยเป็นปฏิปักษ์กับระบอบประชาธิปไตย และอยู่คู่กับระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมานาน ข้อเสนอดังกล่าวเป็นเพียงข้ออ้างแก้มาตรา 112 3.ถ้าดูมาตรา 133-134 กำหนดโทษหมิ่นประมาทผู้แทนประมุข ผู้แทนรัฐต่างประเทศ ระวังโทษจำคุก 1-7 ปี ทำไมกลุ่มนิติราษฎร์ไม่เรียกร้องให้แก้ไข และ 4.การแยกองค์ราชินี ผู้แทนรัชทายาท ออกจากการคุ้มครองในหมวดกษัตริย์ ไม่กำหนดโทษเพดานต่ำสุด แต่กำหนดโทษสูงสุดเพียง 3 ปี หมายความว่าบุคคลใดหมิ่น อาจมีช่องว่างไม่ให้รับโทษเลยใช่หรือไม่
"กลุ่มนิติราษฎร์กำลังบิดเบือนหลอกลวงสังคม สร้างภาพความเข้าใจผิดในการบังคับใช้มาตรา 112 ว่ามีปัญหา ทั้งที่จริงแล้วกฎหมายฉบับนี้ไม่มีปัญหาอะไรเลย เรื่องนี้กระทบความรู้สึกคนไทย ยกเว้นพวกนักวิชาการกำมะลอ เหล่านี้" นายชวนนท์กล่าว
@′มาร์ค′แนะวางกรอบม.112
ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้า ปชป. กล่าวถึงการเข้าชื่อ 10,000 รายชื่อ เพื่อเสนอ แก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของ คณะกรรมการรณรงค์แก้ไข มาตรา 112 ซึ่งมีกลุ่มนักวิชาการคณะนิติราษฎร์ ร่วมอยู่ด้วยว่า การรวบรวมรายชื่อเพื่อส่งให้สภาพิจารณา แก้กฎหมายเป็นสิทธิที่จะทำได้ แต่ขณะเดียวกัน รัฐบาลต้องแสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไร เช่นเดียวกับเมื่อมีการมองว่ากฎหมายดังกล่าวมีปัญหาในการบังคับใช้ ก็ควรจะต้องไปพิจารณาว่าจะมีการปรับปรุงเฉพาะการบังคับใช้ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ได้อย่างไร ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ากลุ่มผู้เสนอให้ยกเลิก มาตรา 112 ส่วนใหญ่เป็นผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยนั้น โดยส่วนตัวเห็นว่า ยิ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลและพรรค เพื่อไทยต้องไปทำความเข้าใจ และวางกรอบว่า จะดำเนินการอย่างไรตามความเหมาะสม
ที่มา: มติชนออนไลน์
///////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น