--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันจันทร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2555

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อะเมซิ่งประเทศไทย !!?

ชัยชนะอย่างท่วมท้นและเด็ดขาดของพรรคเพื่อไทยในการเลือก ตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 โดยได้จำนวน ส.ส. ถึง 265 ที่นั่ง จาก 500 ที่นั่ง ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลายเป็น “นายกรัฐมนตรีคนที่ 28” และ “นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย” หลังจากสภาผู้แทนราษฎรลงมติเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2554

น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำให้ทั้งคนไทยและทั่วโลกทึ่งและสนใจอย่างมาก เพราะใช้เวลาแค่ 49 วันในการเข้าสู่ถนนการเมืองเป็น ครั้งแรกก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งยังสร้างประวัติศาสตร์เป็นพี่น้อง “ตระกูลชินวัตร” ที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยอีกด้วย

ขณะที่นิตยสารไทม์ได้เผย แพร่บทความพิเศษจัดให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็น 1 ใน 12 ผู้นำหญิงอันดับต้นๆของโลก (Top 12 Female Leaders Around the World)

แม้ 4 เดือนที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์จะยังไม่มีผลงานโดดเด่น รวมทั้งถูกจ้องโจมตีทุกรูปแบบจากพรรคประชาธิปัตย์และบรรดาขาประจำแล้ว ยังถูกถล่มจาก “มหาอุทกภัย” ที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์จนแทบตั้งตัวไม่ติด แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและสุขุมเยือกเย็น โดยเฉพาะความตั้งใจที่จะพิสูจน์ตัวเองในฐานะ “ผู้นำตัวจริง” ไม่ใช่ “ผู้นำตัวสำรอง” หรือ “หุ่นเชิด” ของพี่ชาย “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร”

เพราะในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณได้หลุดวาทะเด็ดที่ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์สั่นสะเทือนทันทีคือ “คุณยิ่งลักษณ์เป็นโคลนนิ่งของผม” ซึ่งเป็นประโยคที่เปิดช่องให้ฝ่ายตรงข้ามรุมถล่มอย่างหนักว่า “เลือกยิ่งลักษณ์ได้ทักษิณ”
หนังสือพิมพ์ “โลกวันนี้” จึงขอยกย่องให้ “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็น “บุคคลแห่งปี” ที่สร้างปรากฏ การณ์ “อะเมซิ่ง” จนถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ไทย และทำให้ประชาคมโลกต้องเฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะสามารถยืนหยัดอยู่บนถนนการเมือง ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและแตกแยกได้นานแค่ไหน
ทำเพื่อชาติและทุกคน

“ดิฉันตระหนักดีว่าการเป็นนายกรัฐมนตรีผู้หญิงในขณะนี้เป็นความท้าทายและความคาดหวังอย่างมากจากพี่น้องประชาชน แต่ดิฉันเชื่อมั่นว่าความเป็นผู้หญิงจะไม่เป็นอุปสรรคในการทำงาน แต่ในทางตรงกันข้ามความเข้มแข็งที่ควบคู่กับความอ่อนโยน การรับฟังปัญหาทรรศนะที่แตกต่างจะช่วยให้เรามองเห็นทางเลือกใหม่ๆในการแก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น”

น.ส.ยิ่งลักษณ์แถลงภายหลังรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2554 และขอบคุณประชาชนในตอนท้ายที่ให้โอกาส ซึ่งถือเป็นพันธสัญญาทางใจให้ตระ-หนักถึงหน้าที่และความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ในการตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน โดยจะมุ่งมั่นสร้างสุข สลายทุกข์ให้พี่น้องประชาชนอย่างสุดกำลังความสามารถ

“จะไม่ทำเพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่จะทำเพื่อประเทศชาติและคนไทยทุกคน”
ครม. ไม่สวยเหมือนนายกฯ

แต่ทันทีที่รายชื่อคณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ 1 ออกมาก็ถูกรุมถล่มซ้ำทันทีว่าขี้เหร่ ไม่สวยเหมือนนายกฯ นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังเพิ่มอุณหภูมิการเมืองให้ร้อนระอุโดยการยอมรับว่าให้คำปรึกษา น.ส.ยิ่งลักษณ์ในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี แม้ในขั้นตอนสุดท้าย น.ส. ยิ่งลักษณ์จะเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตนเองก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะวันนี้บรรดา ส.ส. และสมาชิกพรรคเพื่อไทยยังถือว่า พ.ต.ท.ทักษิณคือนายใหญ่

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ยังคงสร้างกระแส “ผีทักษิณ” เพื่อดิสเครดิต น.ส.ยิ่งลักษณ์ตลอดมา อย่างที่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เปรียบคณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์เป็น “ครม. ต่างตอบแทน” คน 5 กลุ่ม ได้แก่ 1.ตอบแทนสายตรงของ นายใหญ่ นายหญิงในพรรค 2.ตอบแทนข้าราชการเก่าที่มีสายสัมพันธ์อุปถัมภ์ค้ำชูตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน 3.ตอบแทนกลุ่มก๊วนต่างๆในพรรค 4.ตอบแทนคนที่เคยมีส่วนปกป้องช่วยเหลือกรณีปัญหาหุ้นของตระกูลชินวัตร และ 5.ตอบแทนเพื่อนร่วมรุ่น พ.ต.ท.ทักษิณ

ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ขอเวลา 1 ปี เพื่อพิสูจน์ผลงาน โดยยืนยันจะทำหน้าที่ให้กับส่วนรวม ไม่ทำเพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และคำนึงถึงประชาชนทุกคน

“เรื่องคุณทักษิณต้องเป็นไปตามกระบวนการ โดยจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ผู้ทำงานก็ทำงานอย่างเต็มที่บนหลักนิติธรรม และให้ความยุติธรรมเท่าเทียมกัน”
“ทักษิณ” เงา “ยิ่งลักษณ์”

จึงไม่แปลกที่นับตั้งแต่วันแรกที่เข้าสู่การเมืองจนวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณก็ยังเหมือนเงาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ถูก จับตามองว่าเป็น “นายกฯตัวจริง” ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นแค่ “นายกฯพิธีการ” แม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะปฏิเสธและ ยืนยันว่าตัวเองเป็นผู้นำตัวจริงและมีอำนาจจริงก็ตาม

โดยเฉพาะการเยือนพม่าล่าสุดที่ พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์ผ่านหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ว่าเป็นผู้ประ- สานงานการเดินทางให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ในการพบกับประธานาธิบดีเต็ง เส่ง และ พล.อ.อาวุโสตัน ฉ่วย อดีต ผู้นำสูงสุดของพม่า รวมทั้งนางออง ซาน ซู จี ยิ่งทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ถูกมองว่าเป็น “หุ่นเชิด” ของ พ.ต.ท. ทักษิณ นอกจากนี้ยังถูกโยงถึงเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนทางธุรกิจอีกด้วย แม้จะไม่เป็นความจริง แต่คนที่เกลียดทักษิณก็เชื่ออย่างสนิทใจไปแล้ว
แม้แต่ผู้สื่อข่าวสายทำเนียบยังตั้งฉายารัฐบาลยิ่งลักษณ์ว่า “ทักษิณส่วนหน้า” ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ฉายา “นายกฯนกแก้ว” ขณะที่ผู้สื่อข่าวสายรัฐสภาตั้งฉายา น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็น “ดาวดับ” และชุมนุมรัฐศาสตร์ สโมสรนิสิตคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตั้งฉายารัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็น “ปูอบวุ้นเส้น” ที่สะท้อนถึงภาพลักษณ์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ยังหนีไม่พ้นพี่ชายและไม่มีผลงานที่เข้าตาประชาชนและสื่อ
นายกฯ 15 ล้านเสียง

4 เดือนแรกของ น.ส.ยิ่งลักษณ์จึงยังคงมีเงาของ พ.ต.ท.ทักษิณที่สลัดไม่หลุด แล้วยังถูกกระหน่ำซ้ำเติมด้วย “มหาอุทกภัย” ที่ไม่อาจปฏิเสธว่ารัฐบาลล้มเหลวในการแก้ ปัญหา (ไม่นับรวมการถูกเตะสกัดที่ไม่ได้รับความร่วมมือจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ว่าฯ กทม. ที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์) แม้แต่เรื่องไร้สาระ อย่างการใช้ภาษาอังกฤษยังถูกนำมาโจมตี แต่ประชาชนยังให้โอกาส น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำงานต่อ เพราะยอมรับว่าทุ่มเททำงานเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนและประเทศชาติ ขณะที่โพลทุกสำนักสำรวจความเห็นประชาชนพบว่ากว่า 80% พอใจการแก้ปัญหายาเสพติด

น.ส.ยิ่งลักษณ์จึงต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเป็นผู้นำที่มีความเด็ดขาด กล้าตัดสินใจ และมีอำนาจจริง โดยจะต้องสลัดเงาของ พ.ต.ท.ทักษิณออกไปให้ได้ นอกจากนี้ยังต้องกล้าปรับคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ได้คนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาแก้ปัญหาประเทศชาติอย่างแท้ จริง ไม่ใช่เป็นแค่นายกฯประสานงาน เพราะเส้นทางข้างหน้าเต็มไปด้วยศัตรูทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็นจ้องจะล้มรัฐบาลและทำลายฝ่ายประชาธิปไตย

อย่างไรก็ตาม วันนี้ “ความจริง” ที่ใครก็เปลี่ยน แปลงไม่ได้คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็น “นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย” เธอจึงสมควรเป็น “บุคคลแห่งปีของไทย” ที่ถูกคัดเลือกโดยหนังสือพิมพ์ “โลกวันนี้” ในปีนี้ เพราะได้สร้างปรากฏการณ์ “อะ-เมซิ่งยิ่งลักษณ์” และมาจากเสียงสนับสนุนของประชาชนกว่า 15 ล้านเสียง
ไม่ใช่ “นายกฯโจรสลัด” ที่ตั้งในค่ายทหาร!

ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข
///////////////////////////////////////////////////