--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

สงครามชิงทำเนียบ ขมิ้นเจอปูน! “เพื่อไทย”จัดหนัก-ล้างตา ปชป.! เหลิม-ปลอดฯ-ประชา-ปาร์ตี้ลิสต์

ยังเป็นเรื่องที่น่าวิตกกังวลสำหรับประชาชนส่วนใหญ่...กับคำถามซ้ำๆ ซากๆ ว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจริงหรือไม่?
โดยเฉพาะกระแสข่าวลือเกี่ยวกับการ “ปฏิวัติ” ซึ่งต้องยอมรับว่ามีทั้งกลุ่มคนที่ต้องการให้มี และกลุ่มคนที่ไม่ต้องการให้มี...แต่สำหรับประชาชนทุกคน คงจะเลือกคำตอบอย่างหลัง คือ ไม่อยากให้มีการปฏิวัติ และต้องจัดการเลือกตั้งให้เกิดขึ้นเร็วที่สุด
หากมองสภาพการเมืองในปัจจุบันว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจริงหรือไม่...เชื่อว่า “จำเป็นต้องมี”!!...เพราะหากผู้มีอำนาจยังคงซื้อเวลาต่อไป....อนาคตก็รังแต่จะสร้างปัญหาเพิ่มพูนกลายเป็น “ดินพอกหางหมู” มากยิ่งขึ้น

เพราะประชาชนจะไม่มีความศรัทธาต่อ “ระบอบการเมือง” ที่เล่นกันแบบ “ไม่แฟร์” และใช้อำนาจกดขี่อยู่ข้างเดียว...และวันหนึ่งเมื่อเกิดความอัดอั้นสุดขีด...การต่อต้านด้วยการจับอาวุธลุกขึ้นสู้ก็จะเกิดขึ้น...เหมือนเช่นที่กำลังเกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศทั่วโลก...ซึ่ง “ผู้มีอำนาจ” ถูกขับไล่ เพราะความต้องที่จะยึดโยง “ความสุข” ไว้กับกลุ่มคนเพียงกลุ่มหนึ่ง

สำหรับประเทศไทย...การเลือกตั้ง”จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด”!!...แม้ประชาชนจะรู้ตัวกันตั้งแต่เนิ่นๆ ว่า สิทธิ์และเสียงของตนอาจถูกผันไปเป็น “คะแนน” ของนักการเมืองและพรรคการเมืองที่ตนไม่ได้เลือก...แต่นั่นก็เป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายต้องช่วยและร่วมมือกันแก้ไข...ไม่ใช่ “นิ่งดูดาย” และปล่อยให้มันเกิดขึ้น โดยมานั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าภายหลัง
แว่วว่า...หลังจากที่อดีตนายกฯ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” โฟนอินมาวันแถลงบโยบาย
พรรคเพื่อไทยเมื่อวันเสาร์ที่ 23 ที่ผ่านมา และพรรคเพื่อไทยออกป้ายหาเสียงชุดใหม่ติดพรึ่บพรับไปทั่วกรุงเทพฯ
ไม่ทันข้ามคืนป้ายที่ท่านติดไว้ค่อยๆ หายไปที่ละอันสองอัน...ไม่เกิน 3 วันป้ายหายหมดเกลี้ยง
โดยไม่รู้ว่ามือดี หรือฝ่ายไหน มาช่วยเก็บและทำลายป้ายให้เสร็จสรรพ

ส่วนการแก้ไขเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างยุติธรรมที่สุด และมีการโกงกันน้อยที่สุดจะแก้กันอย่างไรนั้น เป็นเรื่องที่ภาคประชาชนจะต้องช่วยกัน!!

เริ่มต้นที่ “ประชาชน” ต้องจับมือกับ “สถาบันการเมือง” โดยเฉพาะบรรดา “กรรมการการเลือกตั้ง” ที่มีกฎหมายอยู่ในมือทั้งหลาย เพื่อเกาะติดในทุกมิติทั้งก่อนและหลังวันเลือกตั้ง...

อย่างแรก คือ การตัดทหารออกจากวงจรการเลือกตั้ง อย่าปล่อยให้ทหารเข้ามามีเอี่ยวนับคะแนน ต่อมา...ต้องมีการตรวจสอบให้ชัด! กกต. พิมพ์บัตรเลือกตั้งกี่ใบ? ที่ไหนบ้าง?

สุดท้าย...เฝ้าจับตาการเลือกตั้ง, เก็บหีบบัตรฯ, การขนส่ง ฯลฯ เอากันแบบเกาะติดเป็นตาสัปปะรด เพราะเชื่อเหลือเกินว่า...กลโกงแบบ “สร้างปาฏิหาริย์” เหมือนวันที่ 23 ธันวาคม 2550 คงจะไม่เกิดขึ้น! หรือถ้าจะเกิดขึ้นก็คงจะน้อยกว่าการเลือกตั้งครั้งนั้นอย่างแน่นอน

สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ถ้าเมืองไทย...มีโอกาสจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในห้วงปลายเดือน มิถุนายน.-ต้น กรกฎาคมจริง! คนไทยจะต้องออกมาใช้สิทธิกันอย่างท่วมท้น เพราะหากมีคนใช้สิทธิเกินร้อยละ 80 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งกว่า 40 ล้านคน...การันตีได้ว่าโกงยังไง? ก็คงยากจะ “ชนะ”

เพราะหากพบคนมาใช้สิทธิได้ถึงร้อยละ 80 แล้วจู่ๆ ในหีบบัตรเลือกตั้ง...ดันมีบัตรเลือกตั้งเกินร้อยละ 100 สิ่งนี้...คงประจาน กกต. ยุคนี้ รวมถึง “อำนาจนอกระบบ” และ “มือที่มองไม่เห็น” ผู้คอยชักใยและกำหนดทิศทางในทางที่ผิดให้กับประเทศนี้
และเมื่อหันมามองการต่อสู้ของ “พรรคการเมือง” ประชาชนจะเห็นว่าคู่แข่งที่สำคัญก็ยังคงเป็นสองพรรคการเมืองใหญ่ คือ “พรรคเพื่อไทย” กับ “พรรคประชาธิปัตย์” ซึ่งต้องแข่งขันขับเคี่ยวกันอย่างเอาเป็นเอาตาย...โดยมี “บิ๊กพรรคร่วม” อย่าง “พรรคภูมิใจไทย” คอยสอดประสานรับกับ “ความน่าจะเป็น” ระหว่างสองพรรคการเมืองที่จะขึ้นมาจัดตั้งรัฐบาล

ทั้งนึ้ รายชื่อ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ “พรรคเพื่อไทย” รอบแรก จำนวน 140 คน ได้มีการประกาศออกมาเป็นที่แน่นอน โดยมีรายชื่อดังต่อไปนี้

พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี พล.อ.วัฒนา สรรพนิช พล.ท.มะ โพธิ์งาม พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ พล.ท.ทวนทอง อินทรทัต พล.ร.ท.โรช วิภัติภูมิประเทศ

พล.ต.อ.จำลอง เอี่ยมแจ้งพันธุ์ พล.ต.ท.ชัชจ์ กุลดิลก พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง พล.ต.ต.ไพบูลย์ เชิดมณี พล.ต.ต.เกษม รัตน
สุนทร นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ดร.โอฬาร ไชยประวัติ นายปลอดประสพ สุรัสวดี นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช นายพายัพ ชินวัตร นายพิชัย นริพทะพันธ์ุ นายคณวัฒน์ วสิงสังวร

นายกมล บันไดเพชร นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ นายพงศกร อรรณนพพร นายสุชน ชาลีเครือ อดีตประธานวุฒิสภา นายพิเชษฐ สถิรชวาล นายพิทยา พุกกะมาน

ในส่วนรายชื่อในส่วนของแกนนำ นปช. และ “คนเสื้อแดง” อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายพายัพ ปั้นเกตุ นพ.เหวง โตจิราการ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นายวิสา คัญทัพ นายชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ ญาติ นายสุพร อัตถาวงศ์ นายอารี ไกรนรา นายพัศพงศ์ (ชูเกียรติ) พงศ์เรืองรอง นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำเสื้อแดง เชียงใหม่ 51

นายชินวัฒน์ หาบุญพาด นายพิชิต ชื่นบาน ทนายความของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายคารม ผลทพกลาง ทนายความคนเสื้อแดง นายศักดา นพสิทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ลูกสาว เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล นอกจากนี้ได้มีชื่อนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ด้วย ขณะที่ยังไม่มีชื่อนายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำนปช.

ส่วนรายชื่อเครือญาติแกนนำนปช.และอดีต ส.ส. อาทิ นางเยาวนิตย์ เพียงเกษ ภริยา นายอดิศร เพียงเกษ นายวิเชียรชนินทร์ สินธุไพร ญาติ นายนิสิต สินธุไพร นางอุดมรัตน์ อาภรณ์รัตน์ ภริยา พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ นางรังสิมา เจริญศิริ ภริยา
นายศรีเมือง เจริญศิริ ศ.ดร.ธเนศร์ ศรีเมือง น.ส.ดวงรัตน์ โล่ห์สุนทร ลูกสาว นายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร นายศักดา บูรณพงศ์ น้องชาย นพ.ประสงค์ บูรณพงศ์ นายวิสิทธิ์ ใสกระจ่าง น้องชาย ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง นางวราภรณ์ ตั้งภากรณ์ ภริยา พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์

แต่สิ่งที่กำลังอยู่ในความสนใจของประชาชน...ไม่แพ้ประเด็นที่ว่าพรรคการเมืองใดจะได้ขึ้นมาเป็นรัฐบาล นั่นคือ นายกรัฐมนตรีคนต่อไปจะเป็นใคร?

เพราะถึงวันนี้ก็ยังไม่แน่ไม่นนอนว่า “ปาร์ตี้ลิสต์เบอร์หนึ่ง” ของพรรคเพื่อไทย...จะใช่ “ตัวเก็ง” ที่สื่อหลายสำนักเก็งกันไว้หรือไม่? ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการตัดสินใจครั้งสุดท้ายของหัวหน้าพรรคตัวจริงอย่าง “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” ว่าจะให้ใครขึ้นมาดำรงตำแหน่งเป็น “นายกรัฐมนตรี” หากเพื่อไทยได้รับชัยชนะกับการเลือกตั้งครั้งนี้

แต่เห็นได้ชัดประการหนึ่งว่า ผู้ที่จะขึ้นไปเป็น”ปาร์ตี้ลิสต์” หรือ”บัญชีรายชื่อ” ระดับหัวแถวล้วนแต่เป็น”สายเหยี่ยว” ที่เป็นนักสู้ และจัดอยู่ในประเภท “กลัวไม่เป็น” อย่าง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ปลอดประสพ สุระสวดี พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี พล.อ.วัฒนา สรรพนิช พล.ท.มะ โพธิ์งาม พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ พล.ท.ทวนทอง อินทรทัต พล.ร.ท.โรช วิภัติภูมิประเทศ

ส่วนความเคลื่อนไหวในส่วน “พรรคประชาธิปัตย์” ก็ยังมีความไม่แน่ไม่นอนเช่นเดียวกันว่า...นายกรัฐมนตรี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” จะมีโอกาสได้กลับขึ้นมาเป็น “นายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2” หรือไม่? เพราะต้องไม่ลืมว่า “นายกฯ อภิสิทธิ์” ยังมี “ชนักติดหลัง” กับการบริหารประเทศตลอดช่วงระยะ 2 ปีที่ผ่านมา

โดยเฉพาะคดีความสำคัญสำคัญของ “การสังหารประชาชนจำนวน 90 กว่า ศพ” ในเหตุสลายการชุมนุมเมื่อช่วงเดือน เม.ย. และ พ.ค. ปี 53...เรื่องดังกล่าว “รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์” ไม่สามารถ “พิสูจน์หลักฐาน” และให้คำตอบที่กระจ่างชัดต่องคนไทยและประชาคมโลก

ดังนั้น แคนดิเดตในประชาธิปัตย์คนอื่นๆ ที่จะขึ้นมาเป็น “หัวหน้าพรรค” และ “นายกรัฐมนตรี” ในลำดับต่อไป...แน่นอนว่า “พรรคประชาธิปัตย์” คงจะไม่หยิบเอา “กุมาร” ขึ้นมาทำหน้า “นอมินี” เพื่อบริหารประเทศนี้อีกครั้ง
เพราะการขาดความรู้ และประสบการณ์ของผู้ที่ขึ้นมาดำรงตำแหน่งเป็น “นายกรัฐมนตรี” ทำให้พรรคการเมืองเก่าแก่พรรคนี้ต้องพบกับปัญหาอย่างมากมาย...ดังนั้น ช่วงจังหวะต่อไปจึงเป็นโอกาสของบรรดา “ผู้อาวุโส” ทั้งหลาย...ที่รอเวลาออกมาแสดงฝีไม้ลายมือ

สุดท้ายการตัดสินใจก็คงอยู่ที่ผู้ใหญ่ในพรรคอย่าง “ชวน หลีกภัย” และ “บัญญัติ บรรทัดฐาน” ว่าจะเลือกใครขึ้นมาเพื่อสู้สึกชิงชัยตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกับ “ปาร์ตี้ลิสต์เบอร์หนึ่ง” ของพรรเพื่อไทย
อย่างไรตาม...การเมืองไทยวันนี้ประชาชนจำเป็นต้องใช้การพินิจพิเคราะห์ถึง “ต้นเหตุแห่งปัญหา” ด้วยสายตาอันกว้างไกล...อย่าไปเชื่อหรือไปฟังบุคคลอื่นให้มาก...เพราะ “การโฆษณาชวนเชื่อ” ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้ประชาชนตกอยู่ใน “ภวังค์”

แต่การเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่มีแล้วกับคำพูดของนักการเมืองที่ว่า “แพ้เพื่อชนะ” เพราะประชาชนจะต้องเป็น “ผู้ชนะ” เท่านั้น!
ในอดีตเราได้เห็นสภาพบ้านเมืองและชีวิตประชาชนเมื่อ “ประชาชนเป็นใหญ่” และปัจจุบันเราได้เห็นสภาพบ้านเมืองและชีวิตของผู้คน เมื่อถูกคนกลุ่มหนึ่งเอาปืนมาจี้ “ปล้นอำนาจ” แล้วทำตัวเป็นใหญ่เหนือประชาชนในแผ่นดิน
ประเทศไทย...จะไม่มีวันเหมือนเก่า และทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม เพราะประชาชนคนไทยเกิดภาวะการณ์ตื่นรู้
อยากได้แบบไหน? ประชาชนต้องเลือกเอา!

ที่มา.บางกอกทูเดย์
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น