--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2554

ม.ล.ณัฏฐพล เทวกุล ลูกอำมาตย์ในดงแดง เปิดใจชีวิตติดดิน เป็นหม่อมหลวง แต่มาอยู่พรรคไพร่

นักการเมืองนามสกุลดีหลายตระกูล ปรากฏชื่อติดโผผู้สมัครพรรค การเมืองใหญ่

โปรไฟล์คนจากตระกูล "เทวกุล" เคยติดอยู่ในโผ "ว่าที่นายกรัฐมนตรี"

ทั้งชื่อ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล และ ม.ล.นัฏฐกรณ์ เทวกุล เคยถูกเทียบเชิญ ทั้งจาก "บรรหาร ศิลปอาชา" และจาก "สุวัจน์ ลิปตพัลลภ + กลุ่มนักการเมือง 3 พี"

แต่ชื่อจริง-ปรากฏตัวบนดิน อยู่ในโผบัญชีผู้สมัครรับเลือกตั้งมีเพียงคนเดียวคือ "ม.ล.ณัฏฐพล เทวกุล" หลานชายของคุณชายอุ๋ย ซึ่งจะลงสมัคร ส.ส.กทม.ในนามพรรค เพื่อไทย

"ประชาชาติธุรกิจ" สนทนากับเขา ในวันสวมเสื้อพรรคการเมืองตัวที่ 2 หลังจากเคยสวมเสื้อ "รวมชาติพัฒนา" และสอบตกมาแล้ว


- ทำไมไม่เล่นการเมืองกลุ่มเดียวกับ "หม่อมอุ๋ย" ซึ่งมีข่าวว่าถูกทาบทามจากหลายพรรคการเมือง
เหตุผลที่ผมมาอยู่พรรคเพื่อไทยเพราะเห็นด้วยกับมติกลุ่มกรุงเทพฯ 50 ที่มีมติมาอยู่ที่นี่แล้ว ผมก็ต้องรับฟังมติกลุ่ม ส่วนทางที่บ้านจะคิดยังไงก็เป็นเรื่องของที่บ้าน เพราะครอบครัวเราเปิดโอกาสให้ลูก ๆ หลาน ๆ ทุกคน เคารพในสิทธิของทุก ๆ คน

- ถ้าอยู่พรรคเดียวกับหม่อมอุ๋ย ซึ่งมีข่าวเป็นแคนดิเดตนายกฯ น่าจะมีโอกาสดีกว่าหรือเปล่า
ทางโน้นยังไม่แน่นอน ข่าวก็ยังไม่ชัดเจน และผมชอบการทำงานของพรรคเพื่อไทยมากกว่า เพราะมีสไตล์การทำงานคล้าย ๆ กับตัวผม คือ รวดเร็ว ฉับพลัน พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคทำงานเร็ว และประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด

- ได้พูดคุยเรื่องการเมืองกับหม่อมอุ๋ยกับหม่อมปลื้มหรือไม่
ส่วนมากจะเจอกันในงานรวมญาติมากกว่า คุยกันเล็กน้อย บอกว่าผมมาอยู่พรรคนี้แล้วนะ ย้ายมานี้แล้วนะ คุยแบบทั่วไปสัพเพเหระ

- ไม่ได้ตัดสินใจอะไรร่วมกับหม่อมอุ๋ยและคุณปลื้ม
ไม่ได้ร่วมตัดสินใจกัน เราตัดสินใจของเรา ส่วนเขาก็ตัดสินใจของเขา

- ไม่กังวลกับข้อกล่าวหาว่าพรรคที่สังกัดเกี่ยวข้องขบวนการล้มเจ้าหรือ
ผมมั่นใจในพรรคเพื่อไทย เอาแค่สมาชิกพรรคที่เป็นเตรียมทหารรุ่น 10 ประมาณกว่า 200 ชีวิตมาอยู่ในพรรคเพื่อไทย ดื่มน้ำสัตยาบันจากในหลวง รับกระบี่จากในหลวง ถ้าจะบอกว่าพรรคเราไม่มีความจงรักภักดีก็ไม่ถูก ผมเองเสียอีก ม.ล.ณัฏฐพล เทวกุล มั่นใจอย่างสูงสุด ผมเป็น เชื้อเจ้า เป็นราชนิกุล แต่ทำไมผมถึงมาอยู่พรรคนี้

ผมมาอยู่พรรคนี้ เพราะผมคิดว่าพรรคนี้ไม่เคยทำลายเบื้องสูง และไม่เคยคิดล้มล้างสถาบัน พรรคนี้จงรักภักดี อย่างท่านอดีตนายกฯทักษิณก็เรียนจบโรงเรียนเตรียมทหาร จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจมา รับราชการมา อย่างนี้หรือครับเรียกว่าไม่จงรักภักดี ทำงานมาเพื่อชาติตลอดชีวิตการทำงานของท่าน

ฉะนั้น ผมมั่นใจมาก ผมจึงเข้ามาร่วมอยู่ในชายคาของพรรคเพื่อไทย

- พรรคเพื่อไทยมีความสัมพันธ์กับกลุ่ม นปช. ซึ่งมีคนเสื้อแดงหลายเฉด เข้มข้นไปถึงขั้นบางกลุ่มคิดปฏิเสธเบื้องสูง มองยังไง
ผมเข้าใจเรื่องพรรคร่วมสังคายนากับคนเสื้อแดงนะ คนเสื้อแดงเป็นมวลชนกลุ่มหนึ่งของพรรค โดยพรรคมีมวลชนจำนวนมหาศาล เราจะมาคอนโทรลมวลชนว่าเขาต้องเดินทางไหน ทีละหนึ่งสองสามไม่ได้ครับ เพราะมวลชนก็มีความคิดของเขา และความคิดของเขาบางอย่างก็แตกต่างกันไป เหมือนมาจากร้อยพ่อพันแม่

ผมคิดว่าคนเสื้อแดงกับพรรคเพื่อไทยเดินไปในทิศทางเดียวกัน ก็เป็นเรื่อง ถูกต้อง แต่บางครั้งการทำงานก็ต่างกัน อย่างสมาชิกพรรคเพื่อไทย หรือ ส.ส.ต้องการเข้าไปทำงานในสภา แต่คนเสื้อแดงที่อยู่ในม็อบหรือบนเวทีปราศรัย อาจจะเรียกได้ว่าทำงานข้างถนน แต่นั่นก็เป็นการทำงานอีกรูปแบบหนึ่งในการเรียกร้องประชาธิปไตย

- บทบาทกับพรรคเพื่อไทยกับบทบาท นปช. ใครจะนำใคร
ส่วนตัวผมว่าไม่มีใครนำใคร แต่ทุกคนช่วยงานประเทศชาติ ช่วยงานพรรคของเรา ไปในทิศทางเดียวกันทั้ง 2 ทาง ต่างช่วยงานประเทศชาติ และช่วยงานพรรค

- มั่นใจจะชนะเลือกตั้งหรือไม่
พรรคมอบหมายให้ลงสมัครเขตสาทร บางรัก ผมมั่นใจครับ และยิ่งตอนนี้ทางฝั่งรัฐบาลผลงานถดถอย เรายิ่งมั่นใจสูงขึ้นอีก

- งานการเมืองที่ผ่านมาทำอะไรบ้าง
อย่างผมเนี่ย..คนข้างนอกอาจจะมองผมเป็นคนสูงศักดิ์ ผมเป็นหม่อมหลวง แต่ความจริงผมเป็นหม่อมติดดิน หม่อมจับต้องได้ ผมไปลงพื้นที่ชุมชน ผมอยากรู้ปัญหาชาวบ้าน เดินเคาะทุกบ้าน ขึ้นแฟลตทุกชั้น เพราะผมเป็นคนหนุ่ม ผมสามารถทำได้ เมื่อก่อนเป็นเขต 1 มี 7 เขต ก่อนจะมีพ่วงบางรักมาด้วย ผมเดินทั้ง 7 เขต

- ถึงจะบอกว่าชีวิตติดดิน เป็นหม่อมหลวงแต่มาอยู่พรรคไพร่ รู้สึกยังไง
ผมเกิดมามีสองมือสองเท้า ถึงจะมีเชื้อเจ้าแต่ผมก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไปนะ เพราะฉะนั้นผมไม่คิดเรื่องแบบนี้ เพราะคนเราก็เหมือนกันทุกคน แค่เราดูแลเขา และเขาดูแลเรา ผมไม่ได้คิดถือตัว

- เข้าใจการต่อสู้เรื่องไพร่-อำมาตย์ ของ นปช.ว่าอย่างไร
ผมเข้าใจที่เขาพูด เข้าใจว่าการพูดเรื่องอำมาตย์หมายถึงอดีตข้าราชการผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่งที่ได้ประโยชน์จากตำแหน่งในอดีต และต้องการหา ประโยชน์ในปัจจุบันด้วย เหมือนกลุ่มคนที่ปกครองก็เป็นอำมาตย์

- แล้วคิดว่าตัวเองเป็นไพร่หรือเป็นอำมาตย์
ผมเป็นได้ทั้งไพร่และอำมาตย์ เพราะถ้าเรามีหน้าที่การงานต่อไป เราก็เหมือนอำมาตย์คนหนึ่ง แต่ตอนนี้เราเป็นชาวบ้านธรรมดา ก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง หรือเป็นไพร่คนหนึ่ง ซึ่งคนที่จะเป็นอำมาตย์ที่ดี ต้องปกครองคนให้ทุก ๆ คนอยู่เย็นเป็นสุข นั่นคืออำมาตย์ที่ดี

- คิดว่าอำมาตย์มีทั้งดีและไม่ดี
ถูกต้อง ผมว่าที่ นปช.พูดนั้นเหมือนเขาประชดว่า ทำไมอำมาตย์ทำกับไพร่แบบนี้ แต่ผมคิดว่าอำมาตย์ในอดีตที่ผ่านมาก็มีบางคนที่ทำความดีกับประเทศชาติ ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขก็มี ตอนนี้บ้านเมืองก็เริ่มแย่ เราจำเป็นต้องได้ชนชั้นปกครองที่ดี

- ทำธุรกิจอะไรก่อนมาเล่นการเมือง
ทำรับเหมาก่อสร้าง และทำธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดูแลรถ ในนามบริษัทนอร์ธ คลีนเนอร์

- เคยเริ่มต้นงานการเมืองจากกลุ่ม "กรุงเทพฯ 50" หลังจากนั้นทำงานต่อเนื่องหรือไม่
เมื่อเลือกตั้งคราวที่แล้ว กลุ่มกรุงเทพฯ 50 รวมกันอยู่ที่พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา แล้วส่งตัวแทนของกลุ่ม ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. พอหลังเลือกตั้งเสร็จก็มีมติจากกลุ่มถึงทิศทางการเมือง ซึ่งมีมติจากเสียงส่วนใหญ่มีมติจะมารวมกับพรรคเพื่อไทยในนามภาค กทม. ตอนนี้ นอกจากผมก็มี พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ และที่มาช่วยงานพรรคตอนนี้ก็มี ดร.พิชัย กิจไมตรี รวมทั้งกลุ่มกรุงเทพฯ 50 ที่คอยช่วยเรื่องข้อมูลก็มีอีก 4-5 คน

ที่มา.ประชาชาติธุรกิจ
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น