รายงานพิเศษ
พรรครวมชาติพัฒนาและพรรคเพื่อแผ่นดิน รวมทั้งส.ส.ในกลุ่มของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมชาติพัฒนาและกลุ่ม 3 พี พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้แก่ นายพินิจ จารุสมบัติ ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี และนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ ได้ร่วมกันแถลงข่าวรวมพรรค ภายใต้ชื่อ พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ที่โรงแรมสยามเคมปินสกี้ เมื่อวันที่ 7 เม.ย.
วรรณรัตน์ ชาญนุกูล
หัวหน้าพรรครวมชาติพัฒนา
ความเสียสละและจริงใจในครั้งนี้จะนำไปสู่การยุติความแตกแยกได้ ซึ่งพรรคมีความแน่วแน่ที่จะร่วมกับพรรคเพื่อแผ่นดิน เพื่อทำงานการเมืองข้างหน้าด้วยกัน
ขั้นตอนต่อไปจะเชิญสมาชิกพรรคมาประชุมเพื่อขอมติให้เปลี่ยนชื่อจากพรรครวมชาติพัฒนาเป็น ′พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน′ เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่สนามเลือกตั้ง ซึ่งหวังว่าจะเป็นทาง ออกให้กับประชาชน นำประเทศไทยไปสู่ความรัก สามัคคี เจริญรุ่งเรืองต่อไป
ขณะนี้โครงสร้างพรรคยังเป็นเหมือนเดิมทุกประการ เพราะยังต้องรอกระบวนการเปลี่ยนชื่อพรรค
วันนี้ตัวเลขส.ส.พรรคยังครบ 9 คนหรือไม่ เพราะมีบางส่วนเปิดตัวว่าจะไปทำงานกับพรรคภูมิใจไทย
ใครเปิดตัว ผมไม่ทราบว่าใครจะไป แต่วันนี้ทั้งทางนิตินัย และพฤตินัย ส.ส.พรรครวมชาติพัฒนายังอยู่กันครบทั้ง 9 คน
จะชูใครเป็นนายกรัฐมนตรี
ขึ้นอยู่กับประชาชนจะสนับสนุน แต่ทางการเมืองทุกพรรคย่อมมีความพร้อมอยู่แล้ว
เป็นไปได้หรือไม่กับสูตรนายกฯ ที่จะมาจากพรรคขนาดกลาง
ยังเร็วเกินไปที่จะตอบคำถามนี้
ทั้ง 2 พรรคยังคงยืนยันจะมีการเลือกตั้งโดยไม่ใช้วิธีพิเศษ
รัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจนว่าคนที่จะมาเป็นนายกฯ ต้องมาจากสส.ที่มาจากสภาผู้แทนราษฎร
สุวัจน์ ลิปตพัลลภ
แกนนำพรรครวมชาติพัฒนา
กระแสการเมืองวันนี้ เป็นกระแสของพรรคใหญ่ การที่ทั้งสองพรรคร่วมมือกัน เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้ประเทศและประชาชน ให้ประเทศมีทางออก ซึ่งหลายคนเคยร่วมงานกันมาแล้ว
เชื่อว่าการรวมตัวในวันนี้จะเป็นทางเลือกให้ประชาชนและมีโอกาสกลับมาเป็นส.ส.มากขึ้น และสร้างพรรคให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งต้องมีความชัดเจนในเรื่องนโยบายและวิธีการทำงาน เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชน
สาเหตุที่จับมือกันนั้น ไม่ใช่เพื่อการต่อรอง แต่เป็นเรื่องอุดมการณ์ ซึ่งทุกพรรคต้องสร้างบ้านก่อน ต้องหาเฟอร์นิเจอร์
ส่วนการจับขั้วต้องไปว่ากันเมื่อมีตัวเลขหลังการเลือกตั้ง ใครจะจับขั้วกับใคร เชื่อว่าคำตอบของประชาชนจะมีผลต่อการเลือกตั้ง และจะเป็นตัวบ่งบอกว่าประชาชนคิดอย่างไร
พรรคตั้งเป้าหมายหลักไว้ในพื้นที่ใดบ้าง
เป็นเรื่องของแกนนำพรรคจะหารือกัน แต่พื้นฐานหลักๆ ของทั้งสองพรรค อยู่ที่ภาคอีสาน นครราชสีมา อุบลราชธานี ศรีสะเกษ อุดรธานี และหนองคาย โดยมีฐานทางการเมืองในพื้นที่ที่ได้รับการยอมรับสูง
จะแข่งกับพรรคภูมิใจไทยและเพื่อไทยได้หรือไม่
วันนี้ทุกพรรคไม่ได้คิดแข่งกับใคร แต่แข่งกับตัวเองให้ประชาชนตัดสิน ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้อยากเห็นทุกพรรคนำเสนอแนวทางให้ชัดเจนว่าจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และสร้างความ ปรองดองได้อย่างไร
จะมีนักการเมืองกลุ่มอื่นเข้าร่วมพรรคเพิ่มหรือไม่
ต้องมี แต่ตอนนี้เราต้องเตรียมนโยบายเด่นๆ ที่จะนำเสนอสังคม
ในมุมมองของผม รวมชาติพัฒนา มีจุดเด่นเรื่องเศรษฐกิจ วิสัยทัศน์ และการประนีประนอม ส่วนพรรคเพื่อแผ่นดิน จุดเด่นคือยึดมั่นอุดมการณ์ หลักการที่จะรักษาบ้านเมือง การปกป้องสถาบันที่เคารพ เชื่อว่าการรˆวมมือทั้งสองพรรคจะเป็นทางเลือกที่ดีของประเทศในสถานการณ์ปัจจุบัน
จะยืนยันในความเป็นพันธมิตรของสองพรรคนี้ต่อไปหรือไม่
เป็นเรื่องอนาคต ถ้ามีอุดมการณ์ร่วมกัน มีความเข้าใจ มันเหมือนความรักที่เป็นพื้นฐานของชีวิตสมรส ความรู้สึกและอุดมการณ์ที่ดี เป็นพื้นฐานแห่งความยั่งยืน
คิดว่าหลังการเลือกตั้งพรรคที่ได้เสียงอันดับหนึ่งควรได้จัดตั้งรัฐบาลหรือไม่
ตามประเพณีทางการเมืองควรเป็นไปตามนั้น สำคัญที่สุดจะทำอย่างไรทำให้ทุกคนยอมรับและเคารพผลการเลือกตั้ง ประเพณีทางการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาลมีรูปแบบอยู่แล้ว ยังไม่เห็นมีอะไรพลิกไปจากประเพณีตามปกติ
พรรคเพื่อไทยยังกลัวว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารอีก
ไม่ทราบ แต่มองว่าทุกคนอยากเห็นทุกฝ่ายช่วยกันจัดการเลือกตั้งให้เรียบร้อยเพื่อเป็นทางออกของบ้านเมือง เชื่อว่าหลังเลือกตั้ง บ้านเมืองจะดีขึ้น ความแตกแยกจะลดลง ทุกพรรคต้องคิดถึงสิ่งนี้ ต้องทำให้การเลือกตั้งยุติธรรม ทุกคนอยากเห็นประเทศชาติสงบ
มองคุณสมบัติของผู้ที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำอย่างไร
ต้องมีความเข้าใจเศรษฐกิจ และยึดหลักในการสร้างความปรองดอง ใครฉายภาพได้ชัดเจนก็โดนใจประชาชน
ส่วนผมและแกนนำ 3 พี ยังติดบ้านเลขที่ 111 ตอนนี้เราทำได้แค่กำลังใจ แต่หลังเดือนพ.ค. 2555 เชื่อว่าการเมืองจะเปลี่ยนอีกครั้งหนึ่ง วันนี้ดูเหมือนมันมีขีดจำกัดในเรื่องตัวละครทางการเมืองที่ไม่เพียงพอกับสถานการณ์ปัจจุบัน
คนที่เคยเป็นส.ส. 4-5 สมัย เป็นรัฐมนตรีมาหลายกระทรวง มีความเหมาะสมก็ไปอยู่ที่บ้านเลขที่ 111 หมด กลุ่มคนเหล่านี้จะเป็นอิสระเดือนพ.ค.2555 ตอนนั้นการเมืองจะเปลี่ยนอีกครั้ง แต่เป็นสิ่งที่ดีกับประเทศกับประชาชน
ชาญชัย ชัยรุ่งเรือง
หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน
ทราบกันดีว่า นายกรัฐมนตรี เตรียมประกาศยุบสภาไม่เกินต้นเดือนพ.ค.นี้ ดังนั้น ส.ส. กรรมการบริหารพรรคจึงเห็นว่า สถานการณ์ในขณะนี้สมควรร่วมมือกันทางการเมือง เพื่อนำพาประเทศสู่ความมั่นคง ความรัก ความสามัคคี เป็นพลังแก้ปัญหาทั้งทางด้านเศรษฐกิจ ความแตกแยกทางสังคม ร่วมกันปกป้องรักษาสถาบันหลักอย่างชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เอาไว้
ผมและคณะผู้บริหารของพรรค จึงได้หารือและประสานกับพรรครวมชาติพัฒนา โดยมีข้อตกลงจะร่วมมือกันทางการเมือง แต่ไม่ใช่การรวมพรรค แต่ยังต้องมีขั้นตอนบางส่วนอยู่ โดยเฉพาะการรอประกาศยุบสภา
ขั้นตอนในการร่วมมือกันของทั้ง 2 พรรคนั้น สมาชิกพรรคเพื่อแผ่นดินที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งต่อไปจะลาออกจากสมาชิกพรรค จากนั้นจึงไปสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมชาติพัฒนา
ส่วนการจัดอันดับปาร์ตี้ลิสต์อันดับหนึ่งเพื่อจะชูเป็นนายกฯ นั้น เมื่อหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวแล้วก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่จะต้องมีการพูดคุยกันอีก
แต่วันนี้ตกผลึกแล้วว่าจะมีคนออกมาร่วมงานกับพรรคใหม่ 99 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลืออีก 1 เปอร์เซ็นต์ คือคนที่จะอยู่เพื่อรักษาชื่อของพรรคเพื่อแผ่นดินเอาไว้
สำหรับเป้าหมายส.ส.ในนามพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินนั้น ขึ้นอยู่กับประชาชนทั้งประเทศจะตัดสินและให้คำตอบได้
ก่อนหน้านี้พรรคชาติไทยพัฒนากับพรรคภูมิใจไทยก็เปิดตัวเป็นพันธมิตรทางการเมืองไปแล้ว เหมือนการเปิดตัวของพรรครวมชาติพัฒนากับเพื่อแผ่นดินหรือไม่
ไม่มีอะไรแตกต่าง เรามีอุดมการณ์เหมือนกัน
มั่นใจว่าจะยังคงมีการเลือกตั้งอยู่หรือไม่ เพราะกระแสการปฏิวัติมาแรงมาก
เราเป็นส.ส.ที่ต่อสู้มายาวนาน ยังมั่นใจว่าจะมีเวทีให้เราอยู่ เชื่อว่าเวทีประชาธิปไตยยังเป็นเวทีของประชาชน
ที่มา.ข่าวสดรายวัน
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
วรรณรัตน์ ชาญนุกูล
หัวหน้าพรรครวมชาติพัฒนา
ความเสียสละและจริงใจในครั้งนี้จะนำไปสู่การยุติความแตกแยกได้ ซึ่งพรรคมีความแน่วแน่ที่จะร่วมกับพรรคเพื่อแผ่นดิน เพื่อทำงานการเมืองข้างหน้าด้วยกัน
ขั้นตอนต่อไปจะเชิญสมาชิกพรรคมาประชุมเพื่อขอมติให้เปลี่ยนชื่อจากพรรครวมชาติพัฒนาเป็น ′พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน′ เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่สนามเลือกตั้ง ซึ่งหวังว่าจะเป็นทาง ออกให้กับประชาชน นำประเทศไทยไปสู่ความรัก สามัคคี เจริญรุ่งเรืองต่อไป
ขณะนี้โครงสร้างพรรคยังเป็นเหมือนเดิมทุกประการ เพราะยังต้องรอกระบวนการเปลี่ยนชื่อพรรค
วันนี้ตัวเลขส.ส.พรรคยังครบ 9 คนหรือไม่ เพราะมีบางส่วนเปิดตัวว่าจะไปทำงานกับพรรคภูมิใจไทย
ใครเปิดตัว ผมไม่ทราบว่าใครจะไป แต่วันนี้ทั้งทางนิตินัย และพฤตินัย ส.ส.พรรครวมชาติพัฒนายังอยู่กันครบทั้ง 9 คน
จะชูใครเป็นนายกรัฐมนตรี
ขึ้นอยู่กับประชาชนจะสนับสนุน แต่ทางการเมืองทุกพรรคย่อมมีความพร้อมอยู่แล้ว
เป็นไปได้หรือไม่กับสูตรนายกฯ ที่จะมาจากพรรคขนาดกลาง
ยังเร็วเกินไปที่จะตอบคำถามนี้
ทั้ง 2 พรรคยังคงยืนยันจะมีการเลือกตั้งโดยไม่ใช้วิธีพิเศษ
รัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจนว่าคนที่จะมาเป็นนายกฯ ต้องมาจากสส.ที่มาจากสภาผู้แทนราษฎร
สุวัจน์ ลิปตพัลลภ
สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ชาญชัย ชัยรุ่งเรือง |
แกนนำพรรครวมชาติพัฒนา
กระแสการเมืองวันนี้ เป็นกระแสของพรรคใหญ่ การที่ทั้งสองพรรคร่วมมือกัน เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้ประเทศและประชาชน ให้ประเทศมีทางออก ซึ่งหลายคนเคยร่วมงานกันมาแล้ว
เชื่อว่าการรวมตัวในวันนี้จะเป็นทางเลือกให้ประชาชนและมีโอกาสกลับมาเป็นส.ส.มากขึ้น และสร้างพรรคให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งต้องมีความชัดเจนในเรื่องนโยบายและวิธีการทำงาน เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชน
สาเหตุที่จับมือกันนั้น ไม่ใช่เพื่อการต่อรอง แต่เป็นเรื่องอุดมการณ์ ซึ่งทุกพรรคต้องสร้างบ้านก่อน ต้องหาเฟอร์นิเจอร์
ส่วนการจับขั้วต้องไปว่ากันเมื่อมีตัวเลขหลังการเลือกตั้ง ใครจะจับขั้วกับใคร เชื่อว่าคำตอบของประชาชนจะมีผลต่อการเลือกตั้ง และจะเป็นตัวบ่งบอกว่าประชาชนคิดอย่างไร
พรรคตั้งเป้าหมายหลักไว้ในพื้นที่ใดบ้าง
เป็นเรื่องของแกนนำพรรคจะหารือกัน แต่พื้นฐานหลักๆ ของทั้งสองพรรค อยู่ที่ภาคอีสาน นครราชสีมา อุบลราชธานี ศรีสะเกษ อุดรธานี และหนองคาย โดยมีฐานทางการเมืองในพื้นที่ที่ได้รับการยอมรับสูง
จะแข่งกับพรรคภูมิใจไทยและเพื่อไทยได้หรือไม่
วันนี้ทุกพรรคไม่ได้คิดแข่งกับใคร แต่แข่งกับตัวเองให้ประชาชนตัดสิน ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้อยากเห็นทุกพรรคนำเสนอแนวทางให้ชัดเจนว่าจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และสร้างความ ปรองดองได้อย่างไร
จะมีนักการเมืองกลุ่มอื่นเข้าร่วมพรรคเพิ่มหรือไม่
ต้องมี แต่ตอนนี้เราต้องเตรียมนโยบายเด่นๆ ที่จะนำเสนอสังคม
ในมุมมองของผม รวมชาติพัฒนา มีจุดเด่นเรื่องเศรษฐกิจ วิสัยทัศน์ และการประนีประนอม ส่วนพรรคเพื่อแผ่นดิน จุดเด่นคือยึดมั่นอุดมการณ์ หลักการที่จะรักษาบ้านเมือง การปกป้องสถาบันที่เคารพ เชื่อว่าการรˆวมมือทั้งสองพรรคจะเป็นทางเลือกที่ดีของประเทศในสถานการณ์ปัจจุบัน
จะยืนยันในความเป็นพันธมิตรของสองพรรคนี้ต่อไปหรือไม่
เป็นเรื่องอนาคต ถ้ามีอุดมการณ์ร่วมกัน มีความเข้าใจ มันเหมือนความรักที่เป็นพื้นฐานของชีวิตสมรส ความรู้สึกและอุดมการณ์ที่ดี เป็นพื้นฐานแห่งความยั่งยืน
คิดว่าหลังการเลือกตั้งพรรคที่ได้เสียงอันดับหนึ่งควรได้จัดตั้งรัฐบาลหรือไม่
ตามประเพณีทางการเมืองควรเป็นไปตามนั้น สำคัญที่สุดจะทำอย่างไรทำให้ทุกคนยอมรับและเคารพผลการเลือกตั้ง ประเพณีทางการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาลมีรูปแบบอยู่แล้ว ยังไม่เห็นมีอะไรพลิกไปจากประเพณีตามปกติ
พรรคเพื่อไทยยังกลัวว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารอีก
ไม่ทราบ แต่มองว่าทุกคนอยากเห็นทุกฝ่ายช่วยกันจัดการเลือกตั้งให้เรียบร้อยเพื่อเป็นทางออกของบ้านเมือง เชื่อว่าหลังเลือกตั้ง บ้านเมืองจะดีขึ้น ความแตกแยกจะลดลง ทุกพรรคต้องคิดถึงสิ่งนี้ ต้องทำให้การเลือกตั้งยุติธรรม ทุกคนอยากเห็นประเทศชาติสงบ
มองคุณสมบัติของผู้ที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำอย่างไร
ต้องมีความเข้าใจเศรษฐกิจ และยึดหลักในการสร้างความปรองดอง ใครฉายภาพได้ชัดเจนก็โดนใจประชาชน
ส่วนผมและแกนนำ 3 พี ยังติดบ้านเลขที่ 111 ตอนนี้เราทำได้แค่กำลังใจ แต่หลังเดือนพ.ค. 2555 เชื่อว่าการเมืองจะเปลี่ยนอีกครั้งหนึ่ง วันนี้ดูเหมือนมันมีขีดจำกัดในเรื่องตัวละครทางการเมืองที่ไม่เพียงพอกับสถานการณ์ปัจจุบัน
คนที่เคยเป็นส.ส. 4-5 สมัย เป็นรัฐมนตรีมาหลายกระทรวง มีความเหมาะสมก็ไปอยู่ที่บ้านเลขที่ 111 หมด กลุ่มคนเหล่านี้จะเป็นอิสระเดือนพ.ค.2555 ตอนนั้นการเมืองจะเปลี่ยนอีกครั้ง แต่เป็นสิ่งที่ดีกับประเทศกับประชาชน
ชาญชัย ชัยรุ่งเรือง
หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน
ทราบกันดีว่า นายกรัฐมนตรี เตรียมประกาศยุบสภาไม่เกินต้นเดือนพ.ค.นี้ ดังนั้น ส.ส. กรรมการบริหารพรรคจึงเห็นว่า สถานการณ์ในขณะนี้สมควรร่วมมือกันทางการเมือง เพื่อนำพาประเทศสู่ความมั่นคง ความรัก ความสามัคคี เป็นพลังแก้ปัญหาทั้งทางด้านเศรษฐกิจ ความแตกแยกทางสังคม ร่วมกันปกป้องรักษาสถาบันหลักอย่างชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เอาไว้
ผมและคณะผู้บริหารของพรรค จึงได้หารือและประสานกับพรรครวมชาติพัฒนา โดยมีข้อตกลงจะร่วมมือกันทางการเมือง แต่ไม่ใช่การรวมพรรค แต่ยังต้องมีขั้นตอนบางส่วนอยู่ โดยเฉพาะการรอประกาศยุบสภา
ขั้นตอนในการร่วมมือกันของทั้ง 2 พรรคนั้น สมาชิกพรรคเพื่อแผ่นดินที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งต่อไปจะลาออกจากสมาชิกพรรค จากนั้นจึงไปสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมชาติพัฒนา
ส่วนการจัดอันดับปาร์ตี้ลิสต์อันดับหนึ่งเพื่อจะชูเป็นนายกฯ นั้น เมื่อหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวแล้วก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่จะต้องมีการพูดคุยกันอีก
แต่วันนี้ตกผลึกแล้วว่าจะมีคนออกมาร่วมงานกับพรรคใหม่ 99 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลืออีก 1 เปอร์เซ็นต์ คือคนที่จะอยู่เพื่อรักษาชื่อของพรรคเพื่อแผ่นดินเอาไว้
สำหรับเป้าหมายส.ส.ในนามพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินนั้น ขึ้นอยู่กับประชาชนทั้งประเทศจะตัดสินและให้คำตอบได้
ก่อนหน้านี้พรรคชาติไทยพัฒนากับพรรคภูมิใจไทยก็เปิดตัวเป็นพันธมิตรทางการเมืองไปแล้ว เหมือนการเปิดตัวของพรรครวมชาติพัฒนากับเพื่อแผ่นดินหรือไม่
ไม่มีอะไรแตกต่าง เรามีอุดมการณ์เหมือนกัน
มั่นใจว่าจะยังคงมีการเลือกตั้งอยู่หรือไม่ เพราะกระแสการปฏิวัติมาแรงมาก
เราเป็นส.ส.ที่ต่อสู้มายาวนาน ยังมั่นใจว่าจะมีเวทีให้เราอยู่ เชื่อว่าเวทีประชาธิปไตยยังเป็นเวทีของประชาชน
ที่มา.ข่าวสดรายวัน
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น