--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

90 ปี น้าชาติ.. Tomorrow Never Dies !!?

ขอนำเสนอรายงานพิเศษอันเกี่ยว เนื่องมาจากการจัดงาน “90 ปี พลเอกชาติชาย รำลึก..เอกบุรุษ ชาติอาชาไนย Tomorrow Never Dies” ที่จัดขึ้นโดย “มูลนิธิพลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ” ซึ่งเกิดขึ้นจาก ความร่วมมือของคีย์แมนหลักอย่าง “อาจารย์โต้ง-ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ” บุตรชาย และ “เสี่ยกล้วย-สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ศิษย์ก้นกุฏิของ “น้าชาติ”

“สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ประธานการจัดงานฯ

โดย “เสี่ยกล้วย” ถ่ายทอดถึงที่มา ที่ไปของการตั้งชื่องานว่า “Tomorrow Never Dies” ไว้ได้อย่างน่าสนใจและแหลมคมยิ่ง

“ที่มาที่ไปของชื่องาน Tomorrow Never Dies นั้นเป็นเพราะท่านชาติชายเป็น ส.ส.โคราชคนแรกที่มาจากการเลือกตั้ง และเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาภาคอีสานอย่างเอาจริงเอาจัง ท่านจึงเปรียบ เสมือนนายกฯ ของคนโคราช รวมไปถึงนายกฯ ของคนอีสาน ซึ่งท่านก็มีบ้านพักอยู่ทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองโคราช”

“ด้วยความผูกพันที่ท่านชาติชาย มีต่อ คนอีสานและคนโคราช และด้วยความผูกพัน ที่คนโคราชและคนอีสานมีต่อท่าน ในทุกๆ ปีท่านจึงจะมีการเปิดบ้านพักในซอยสามยอด จ.นครราชสีมา ให้ชาวโคราชเข้ามาอวยพรวันคล้ายวันเกิดในวันที่ 5 เมษายน ของทุกๆ ปี”

“โดยในปีสุดท้ายก่อนท่านจะเสียชีวิต ก็มีการจัดงานวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 78 ปีของท่านเช่นเดิม ซึ่งในปีนั้นบังเอิญหนังเจมส์ บอนด์ ตอน Tomorrow Never Dies หรือชื่อไทย พยัคฆ์ร้ายไม่มีวันตาย มีโปรแกรมเข้า ฉายตรงกับช่วงนั้นพอดี ผมและผู้ร่วมจัดงาน จึงเอาคำว่า Tomorrow Never Dies มาใช้เป็นธีมงานในวันนั้น โดยมีการขึ้นตัวอักษร ดังกล่าวคู่ไปกับคัตเอาต์ฉากหลังที่เป็นรูปท่าน ชาติชายคาบซิการ์และนั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์ ฮาร์เล่ย์ เดวิสัน คันโปรดของท่าน”

“อย่างไรก็ดี ก่อนวันเกิดปีสุดท้ายของ ท่าน ท่านได้บอกกับผมและพี่กร (ทัพพะรังสี) ว่าท่านไม่สบาย พวกเราเลยมาคุยกันว่าจะจัดงานตามกำหนดการเดิมหรือไม่ ซึ่งท่านก็บอก ว่า ท่านมาถึงทุกวันนี้ได้เพราะความรักและน้ำใจของคนโคราชที่มีต่อท่าน ซึ่งท่านต้องชดใช้ให้คนโคราช ต่อให้ร่างกายจะเจ็บป่วยแค่ไหนท่านก็ต้องไป จนเป็นที่มาของประโยค ที่กินใจผมมากระทั่งทุกวันนี้ นั่นคือสิ่งที่ท่านพูดบนเวทีต่อหน้าคนโคราชว่า พรุ่งนี้ไม่มีวันตาย ผมจะอยู่กับคุณตลอดไป”

“อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่มีวันตายเกี่ยวกับท่าน นั่นก็คือวิธีคิดวิสัยทัศน์ทั้งด้านเศรษฐกิจและด้านการเมืองที่ยังคงเป็นอมตะ อาทิ การผลักดันให้ประเทศไทยเป็นนิคส์ เป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย รวมไปถึงการผลักดันโครงการอีสานคือประตูสู่อินโดจีน พร้อมกับผลักดันนโยบายเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า”

“และอีกหนึ่งโครงการที่ผมมองเห็นถึง วิสัยทัศน์อันก้าวไกลของท่าน คือการเปิดการ ค้ากับจีนเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ในช่วงที่จีนกำลังปิดประเทศ ส่งผลให้วันนี้ มีนักธุรกิจไทย เข้าไปลงทุนในประเทศมหาอำนาจอย่างจีน และนักธุรกิจจีนเข้ามาลงทุนในไทยเป็นจำนวน มาก ประสบความสำเร็จลุล่วงโดยดีหรือไม่ ความยิ่งใหญ่ของซีพีในจีนและในไทย ย่อมเป็นเครื่องการันตีวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของท่านชาติชายได้เป็นอย่างดี”

“ด้วยวิธีคิดทั้งด้านการเมืองและด้านเศรษฐกิจที่ยังคงเป็นอมตะกระทั่งทุกวันนี้ จึงกลายมาเป็นชื่องาน 90 ปี พลเอกชาติชาย รำลึก..เอกบุรุษ ชาติอาชาไนย Tomorrow Never Dies ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 6 พฤษภาคม 2554 เวลา 18.00-22.00 น. ณ ห้องบางกอก คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ เอ1 ชั้น 22, โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ และบางกอกคอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อเป็นการจัดหาทุนในการดำเนินการโครงการต่างๆ ที่ท่าน ชาติชายริเริ่ม และมูลนิธิพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ได้สืบสานมาอย่างต่อเนื่อง โดยในงานจะมีการประมูลของรักของห่วงของท่านชาติชายจำนวนมาก และจะมีแขกวีไอพีซึ่งเป็นบุคคลสำคัญที่คลุกคลีและเคยร่วมงานกับท่านชาติชาย มาถ่ายทอดถึงบางมุมที่ยังไม่เคยทราบเกี่ยวกับท่าน”

“ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ” ประธานมูลนิธิพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ

สำหรับกิจกรรมและที่มาที่ไปของมูลนิธิ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ นั้น “อาจารย์โต้ง” ได้ขยายภาพไว้ได้น่าสนใจเช่นกัน


“มูลนิธิ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นองค์กรเอกชน (NGO) ที่มีนโยบายมุ่งมั่นทำประโยชน์ด้านมนุษยธรรม และสิ่งแวดล้อม โดยไม่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการเมือง แนว ทางในการปฏิบัติงานโครงการต่างๆ จะเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนในท้องถิ่น รวมทั้งภาครัฐ และองค์กรภาคเอกชนอื่นๆ ซึ่งเป็นความร่วมมือในการทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม มูลนิธิฯ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 21 ธันวาคม 2536 โดยพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญคือการอุปการะครอบครัว ทหาร ตำรวจ ที่เสียชีวิต หรือทุพพลภาพ เนื่องจากการปฏิบัติ หน้าที่ การสงเคราะห์นักเรียนที่เรียนดีแต่ยากจน รวมทั้งให้ความช่วยเหลือด้านสังคมสงเคราะห์ แก่สาธารณชน และส่งเสริมกิจกรรมด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมาตลอดระยะเวลา 18 ปี”

“สุทธิเกียรติ โสภณิก” ผู้อำนวยการมูลนิธิฯ

นอกจากนี้ “สุทธิเกียรติ โสภณิก” ผู้อำนวยการมูลนิธิฯ ได้เปิดเผยทิ้งท้ายถึงภารกิจหลักและผลงานที่ผ่านมาในการช่วยเหลือสังคมของมูลนิธิฯ ไว้พอสังเขปดังนี้

“ภารกิจ และการทำงานของมูลนิธิฯ ที่ผ่านมาว่า โครงการสำคัญที่มูลนิธิฯ ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการสุนัขกู้ภัยแห่งชาติ ซึ่งเป็นระบบอาสาสมัครเปิด รับผู้ที่เป็นเจ้าของสุนัขและมีความสนใจและเต็มใจที่จะช่วยเหลือสังคมเข้ามาเป็นสมาชิก ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งสิ้นจำนวน 294 ราย และมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ให้กับ สมาชิก เช่น การอบรมปฐมพยาบาลเบื้องต้น การบริหารจัดการเรื่องภัยพิบัติ เพื่อช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยทางธรรมชาติ หรือภัยอื่นๆ โดยทำการค้นหาผู้ประสบภัยหรือให้การช่วยเหลือ เบื้องต้น เช่น แผ่นดินไหว โคลนถล่ม ตึกถล่ม ก็จะมีชุดสุนัขกู้ภัยซึ่งเป็นอาสาสมัครเข้าปฏิบัติการ ณ จุดที่เกิดเหตุอย่างทันเวลา”

“อีกทั้ง มูลนิธิฯ ยังจัดโครงการฝึกสุนัขเพื่อให้มีทักษะและคุณสมบัติในการค้นหายาเสพติด ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) การพัฒนาศักยภาพของสุนัขทางการแพทย์ เช่น การใช้สุนัขเพื่อตรวจหาโรคมะเร็ง โครงการผลิตขาเทียมโดยช่างผู้พิการ และโครงการวิจัยและอนุรักษ์พันธุ์ช้างป่าเพื่อพัฒนาชุมชนไปพร้อมๆ กับการอนุรักษ์ช้าง ไทยอย่างยั่งยืน เป็นต้น”

ทั้งหมดทั้งมวลที่ลำดับมาตั้งแต่ต้น เป็นเพียงแค่เสี้ยวหนึ่งที่ เอกบุรุษ ชายชาติ อาชาไนย อย่าง “พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ” สร้างคุณูปการทิ้งไว้ให้กับบ้านนี้เมืองนี้ และเป็นที่ประจักษ์ชัดผ่านคุณงามความดีแห่งตำนาน “Tomorrow Never Dies ฉบับการเมืองไทย

ที่มา.สยามธุรกิจ
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น