--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2554

สื่อนอกรายงานเหตุ"ไทย-เขมร"ปะทะ

ผู้สื่อข่าวของ AFP ที่อยู่ทางฝั่งของกัมพูชา รายงานว่า ทหารไทยและทหารกัมพูชา ใช้อาวุธหนักปะทะกันอย่างดุเดือดเป็นวันที่ 3 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ทหารสองฝ่ายเสียชีวิตมากกว่า 10 นายพลเรือนหลายพันคน ต้องอพยพหนีการสู้รบบริเวณชายแดนที่เริ่มมาตั้งแต่วันศุกร์ และทำลายการหยุดยิงที่ดำเนินมานาน 2 เดือน ซึ่งทางฝั่งไทยยืนยันว่า มีการยิงกระสุนปืนใหญ่เข้าใส่กัน และกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน

นายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ ระบุว่า เพื่อนบ้านทั้งสองควรใช้ความอดกลั้นอย่างสูงสุดและเรียกร้องให้ต่างหันหน้าเข้าเจรจากันอย่างจริงจัง เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งเสียงปืนจากการปะทะกัน สามารถได้ยินไกลถึง 20 กิโลเมตร ทางฝั่งของกัมพูชา ขณะที่ผู้อพยพต่างหนีออกจากบ้านเรือน ไปอาศัยอยู่ตามโรงเรียนและวัดที่อยู่ห่างไกลจากพื้นที่ปะทะ

ฝ่ายกัมพูชายังคงอ้างว่า ไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน และกล่าวหาฝ่ายไทยว่า พยายามจะล่วงล้ำเข้าไปในดินแดนของกัมพูชา และละเมิดหลักการของข้อตกลงร่วมกันที่ทำไว้ที่อินโดนีเซีย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่สองฝ่ายยอมรับให้อินโดนีเซียส่งผู้สังเกตการณ์เข้าไปยังพื้นที่พิพาทบริเวณแนวชายแดน แต่ผู้สังเกตุการณ์ยังไม่ได้เข้าไปทำหน้าที่ เนื่องจากไทยยังไม่ได้อนุญาตในขั้นตอนสุดท้าย

ทางการไทยได้อพยพชาวบ้าน 7,500 คน ออกจากพื้นที่เสี่ยง ส่วนกัมพูชาอพยพชาวบ้าน 200 ครอบครัว ด้านทหารกัมพูชา ระบุว่า การปะทะกันไม่ได้ลุกลามไปถึงปราสาทพระวิหาร ด้านนายมาร์ตี้ นาตาเลกาว่า รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งประเทศของเขาเป็นประธานหมุนเวียนของสมาคมอาเซียนในปีนี้ ได้เรียกร้องให้ทั้งฝ่ายยุติการเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน โดยกล่าวว่า เขาได้เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายแก้ปัญหาความขัดแย้งโดยสันติวิธี การใช้กำลังไม่ได้ตั้งอยู่บนความสัมพันธ์ระหว่างชาติสมาชิกสมาคมอาเซียน ขณะที่นักวิเคราะห์บางคน มองว่า เป็นการง่ายที่จะทำลายการสื่อสารระหว่างกันในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์เขม็งเกรียว

ที่มา.เนชั่น
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น