ที่มา ไทยรัฐ
หลายวันมาแล้วมีผู้ถามว่า หาซื้อหนังสือธรรมะใกล้มือ ของท่านอาจารย์พุทธทาสได้ที่ไหน...คำตอบก็คือ หนังสือเล่มน้อยๆเล่มนี้ไม่มีขายครับเจตนา...ของผู้ก่อตั้งหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ...ให้ผู้อื่นต่อไปแบ่งปันเป็นธรรมทานแล้วจะหาหนังสือได้อย่างไร
คำแนะนำ...โชคดีคนมีหนังสืออยู่ใกล้ตัว ก็ขอแบ่งปันกันไป ถ้าไม่มีลองโทร.ไปถามที่หอจดหมายเหตุพุทธทาสฯโทร. 0-2305-9589-90 หรือ 08-0925-9935
คราวนี้ก็มาถึงธรรมะใกล้มือ ฉบับล่า ลำดับที่ 9 เรื่อง ดับไม่เหลือ ธรรมที่ท่านบรรยายในพรรษา พ.ศ.2504นิพพาน คือความดับไม่เหลือ ท่านอาจารย์สอนว่า มีวิธีปฏิบัติสองวิธีเวลาปกติ ขอให้มีความดับไม่เหลือแห่งความรู้สึกยึดถือตัวกู ของกู อยู่เป็นปกติ...อย่างหนึ่งเวลาร่างกายใกล้แตกดับ
ขอให้ปล่อยทั้งหมด ทั้งร่างกายและจิตใจ ให้ดับเป็นครั้งสุดท้าย ไม่มีเชื้ออะไรเหลืออยู่ หวังอยู่ สำหรับการเกิดมีตัวเราขึ้นมาอีก...อย่างหนึ่งอย่างแรก ท่านอาจารย์อธิบายว่า หาเวลาว่างสำหรับทำจิตใจ ก่อนนอนก็ได้ ตื่นนอนใหม่ๆก็ดี สำรวมจิตเป็นสมาธิ กำหนดลมหายใจ หรืออะไรก็แล้วแต่ถนัด พอสมควรแล้วจึงพิจารณาให้สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่ควรยึดมั่นว่าเป็นตัวเรา หรือเป็นของเรา แม้แต่สักอย่างเดียว
เป็นเรื่องอาศัยกันไปในการเวียนว่ายตายเกิดเท่านั้น ยึดมั่นในสิ่งใดเข้าก็ต้องเป็นทุกข์ทันที ในทุกสิ่งการเวียนว่ายตายเกิดนั้นเล่า ก็คือการทนทุกข์ทรมานโดยตรง เกิดทุกที เป็นทุกข์ทุกที เกิดทุกชนิด เป็นทุกข์ทุกชนิด ไม่ว่าเกิดเป็นอะไรก็เป็นทุกข์ไป ตามแบบของการเกิดเป็นอย่างนั้นเกิดเป็นแม่ ทุกข์อย่างแม่ เกิดเป็นลูก ทุกข์อย่างลูก เกิดเป็นคนรวย ทุกข์อย่างคนรวย เกิดเป็นคนจน ทุกข์อย่างคนจน เกิดเป็นคนมีบุญ ก็ทุกข์ประสาคนมีบุญ เกิดเป็นคนมีบาป ก็ทุกข์ประสาคนมีบาป
ฉะนั้น สู้ไม่เกิดเป็นอะไรเลย คือดับไม่เหลือ ไม่ได้แต่คำว่าเกิดนั้น อย่าหมายเพียงการเกิดจากท้องแม่ ที่แท้หมายถึงการเกิดของจิต คือความรู้สึกคราวหนึ่งๆว่ากูเป็นอะไร เช่น เป็นแม่ เป็นลูก เป็นคนจน เป็นคนมี ฯลฯ นี่แหละ เรียกว่าความยึดถือหรืออุปาทานทุกคราวที่เห็นรูป ได้ยินเสียง ได้กลิ่น ลิ้มรส หรือกายได้ สัมผัส จิตปรุงแต่งเป็นเรื่องเป็นราว ถ้าควบคุมไม่ดี ตัวกู เป็นได้โผล่มาทันที
และต้องเป็นทุกข์ทันทีจงระวังอย่าเผลอให้ตัวกูโผล่หัวออกมาจากท้องแม่ของมัน เป็นอันขาดเพียงแต่ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง แล้วเกิดสติปัญญารู้ว่าควรจัดการอย่างไร ก็จัดไป หรือนิ่งเสียก็ไม่เป็นไร อย่างนี้เรียกว่าตัวกู ไม่เกิด คือไม่มีชาติเมื่อไม่เกิด ก็ไม่ตาย ก็ไม่ทุกข์อย่างใดทั้งสิ้นจิตที่ว่างจากความยึดมั่นถือมั่นโดยสิ้นเชิงอย่างนี้แหละ จึงเรียกว่าดับไม่เหลือ หรือนิพพานนิ แปลว่า ไม่เหลือ พาน แปลว่า ดับ หรือไปนิพพาน ดับไม่เหลือ หรือไปไม่เหลือ คำสอนของพระพุทธศาสนา ผมคิดเอาว่า คนละเรื่องกับคดีความนักการเมือง ที่เพิ่งตัดสินกันเมื่อวานซืนรายนั้น คดีความเกิดขึ้นเพราะการเมือง เมื่อการเมืองเปลี่ยนข้าง มันก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย ก็ดับ...และหลุดไม่เหลือสักคน...เพราะการเมือง.
กิเลน ประลองเชิง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น