วันอังคาร ที่ 08 กันยายน 2552 เวลา 6:55 น
ลองมีการจัดอันดับเรื่องการใช้สื่อเพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับตนเอง ผมเชื่อว่า “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” คงจะอยู่ในอันดับต้นๆ แน่เลยครับ ลองคิดดูขนาดมีสื่อของแกนนำ นปช. ทั้งทีวีดาวเทียม สื่อสิ่งพิมพ์ประเภทต่าง ๆ ช่วยชูภาพว่าเป็น “นักประชาธิปไตย” แทนที่จะทำให้คนเชื่อว่าเป็นผู้ต้องหาหนีคดีตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
วันดีคืนดียังสามารถใช้สื่อของรัฐ ช่วยเสริมภาพลักษณ์ของตนเองให้ทุกคนเห็นว่า เป็นนักประนีประนอม และพร้อมจะเจรจากับทุกคนเพื่อสร้างความสมานฉันท์และความปรองดอง เห็น อย่างนี้แล้วไม่รู้ว่า “นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” จะคิดอย่างไร
ในขณะที่ตนเองเป็นถึงผู้นำรัฐบาล แค่ขอใช้สถานีของรัฐจัดรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์” ยังเจอสัญญาณติด ๆ ขัด ๆ แต่อดีตนายกฯขวัญใจของ “คุณจอม เพชรประดับ” เสียงชัดแจ๋ว ไม่มีคลื่นแทรกเลยครับ เลยทำให้อดคิดไม่ได้ว่างานนี้จะเกี่ยวข้องกับ “งานรับน้องใหม่” ผู้บริหาร อสมท ซึ่งเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งได้เพียงไม่กี่วัน เพราะคลื่นวิทยุที่นายใหญ่ใช้ออกอากาศขึ้นตรงกับ อสมท โดยตรง
มีประเด็นนี้ขึ้นมา ผมก็เลยคิดว่าหรือนี่จะเป็นแผนของ “มือวางแผน” บางคนที่เดินเกมอย่างลึกซึ้ง เรียกว่า “ยิงปืนนัดเดียว” ได้นกหลายตัว
ข้อแรกถ้า “นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย” รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะกำกับดูแลสื่อของรัฐ แบนรายการ “ดิเอ็กซ์คลูซีฟ” ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 หรือมีบทลงโทษกับผู้บริหารของสถานีวิทยุ ก็จะถูกวิจารณ์ว่าแทรกแซงสื่อทันที และจะเป็นประเด็นที่แกนนำ นปช. นำไปขยายผลในการชุมนุมใหญ่วันที่ 19 ก.ย.
ข้อสอง สร้างภาพให้คนทั่วไปได้เห็นว่า คนชื่อ “ทักษิณ” พร้อมเจรจากับทุกฝ่าย โดยหวังสร้างความปรองดองให้กับบ้านเมือง หลังจากเคยจัดรายการวิทยุในสื่อของตนเอง แต่ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน จึงอาศัยสื่อของรัฐ มาช่วยโปรโมตภาพลักษณ์ของตนเอง
ข้อสาม บิ๊กบอสคนใหม่ของ อสมท อาจไม่ได้รับความไว้วางใจหรือผ่านความเห็นชอบ จากการประเมินผลงานของบอร์ด อสมท อย่าลืมว่าการบ้านข้อใหญ่ของนายใหม่ซึ่งดูแลสื่อของรัฐ คือ การพิจารณาเรื่องต่อสัญญาสัมปทานของช่อง 3 ซึ่งเป็นผลประโยชน์ก้อนใหญ่ที่รัฐต้องพึงได้ และมีข่าวว่ารัฐบาลพยายามจะหาทาง เก็บผลประโยชน์จากการเช่าสัมปทานให้มากขึ้นกว่าเดิม
หรือกรณีมีอดีตผู้บริหารของ อสมท ไปยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ “บริษัทไร่ส้ม” ซึ่งเคยทำสัญญาเช่าเวลากับสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ในยุคที่ “นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” คุมองค์กรสื่อซึ่งเคยเรียกว่า “แดนสนธยา” โดยได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว ถ้าหากเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองขึ้น ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับสื่อของรัฐก็ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่
เอาละครับผมขอตั้งคำถามกับอดีตนายกฯว่า ถ้าหากมีความจริงใจกับบ้านเมืองและต้องการสร้างความสมานฉันท์ทำไมในช่วงที่ “นายจตุพร พรหมพันธุ์” แกน นปช. ออกมาแถลงข่าวจาบจ้วง “นายอำพล เสนาณรงค์” องคมนตรี อย่างสาดเสียเทเสียหลังจากออกมาปาฐกถาพาดพิงถึงอดีตผู้นำบางคน ทำไม พ.ต.ท. ทักษิณ ถึงไม่ออกมาติเตียน หรือแสดงท่าทีว่าไม่เห็นด้วย หรือเป็น “แผนลับ ลวง พราง” ฉบับแม้ว เพื่อตัดตอนไม่ให้ตนเองเข้าไปเกี่ยวข้องแผนป่วนบ้านป่วนเมืองของแกนนำ นปช. ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า."
เขื่อนขันธ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น