--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2552

มติ ครม.ประกาศ พรบ.มั้นคง 18-22 ก.ย.

คมชัดลึก : ประชุม ครม.เห็นชอบประกาศใช้ พรบ.ความมั่นคงช่วง 18-22 ก.ย. เฉพาะพื้นที่เขตดุสิต “ธานี”รับฟังแผนงานของการทำงานควบคุมฝูงชน

(15ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมครม.ว่า ที่ประชุมเห็นชอบ ประกาศ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 18 – 22 ก.ย. โดยผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมจะได้รับการคุ้มครองดูแลที่ชัดเจน ซึ่งรัฐบาลยืนยันว่าการประกาศใช้พ.ร.บ.จะไม่กระทบสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน โดยจะมีการใช้กฎหมาย 13 ฉบับและกฎหมายอาญา เป็นข้อกำหนดในการปฏิบัติงาน เช่น อาจมีการตั้งจุดตรวจค้นอาวุธในบางจุด ซึ่งจะใช้กำลังตำรวจเป็นผู้ปฏิบัติงานหลัก

และจะมีกำลังทหารเข้ามาเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ใกล้เคียงกับครั้งที่ผ่านมา แต่โดยภาพรวมจากการประกาศใช้พ.ร.บ.ดังกล่าวมา 2 ครั้ง ถือว่าก็ไม่มีปัญหาเรื่องการละเมิดสิทธิของประชาชนแต่อย่างใด ทั้งนี้รัฐบาลขอขอชวนให้สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทำงานของกองอำนวยการรักษาความสงบ(กอรส.) ซึ่งต่างกับต่างประเทศหากมีการประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ จะไม่อนุญาตให้สื่อเข้ามาสังเกตการณ์ พร้อมทั้งชี้แจงไปยังสถานทูตทั่วประเทศไทย ได้รับทราบด้วย

รัฐบาลได้รับรายงานว่าในการชุมนุมครั้งนี้ ตัวเลขของผู้จะมาร่วมชุมนุมนั้น มากกว่าครั้งที่ผ่านมา เพราะเขาสามารถระดมมวลชนได้รวดเร็ว ขึ้นอยู่กับผู้ที่สนับสนุนอยู่ข้างหลังว่าจะสั่งการอย่างไร ซึ่งวันที่ 16 ก.ย.นี้ จะมีการประชุมกอ.รมน. เพื่อประเมินสถานการณ์และตัวเลขของผู้ชุมนุมอีกครั้ง โดยนายกรัฐมนตรีจะมอบหมายให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เป็นผู้อำนวยการกอรส. เพื่อกำหนด ซึ่งรูปแบบคาดว่าจะคล้ายกับเมื่อครั้งที่ผ่านมา ” นายปณิธาน กล่าว

นายปณิธาน กล่าวว่า จากการประเมินของหน่วยงานด้านความมั่นคงมีการรายงานว่าจะมีผู้เข้ามาร่วมชุมนุมจำนวนมากขึ้น จากครั้งที่ผ่านได้ประเมินว่ามีผู้เข้ามาชุมนุม 2-3 หมื่นคน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากพื้นที่ กทม.และปริมณฑล แต่ในครั้งนี้มีการประกาศรวมตัวกันทั่วประเทศ ดังนั้นรัฐบาลต้องระมัดระวังให้มากขึ้น เนื่องจากเป้าหมายหลักของการชุมนุมจะเคลื่อนขบวนไปชุมนุมบ้านพักของบุคคลสำคัญ สถานที่ราชการ ที่ทำการของรัฐ ที่ตั้งทหาร และสร้างสถานการณ์ที่นำไปสู่ความรุนแรง ดังนั้นภายในเวลา 5 วันของการประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เชื่อว่ารัฐบาลจะควบคุมสถานการณ์และป้องกันเหตุได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ในคดีสลายการชุมนุม 7 ต.ค. 51 จะส่งผลให้ตำรวจที่จะปฏิบัติหน้าที่ใส่เกียร์ว่างหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า คิดว่าตำรวจสามารถแยกแยะได้ ขอย้ำว่าการประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เป็นเพียงการเฝ้าระวังเหตุ และให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามกฎหมาย โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้กอรส.ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการควบคุมสถานการณ์ใช้กฎหมายด้วยความระมัดระวังไม่ให้กระทบกับสิทธิเสรีภาพของประชาชน และขอให้ครม.ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ให้ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ

เมื่อถามว่าเหตุใดจึงประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ไปถึงวันที่ 22 ก.ย. เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันว่าจะไม่ชุมนุมยืดเยื้อ และจะสลายตัวในวันที่ 20 ก.ย นายปณิธาน กล่าวว่า ทราบว่ามีประชาชนหลายกลุ่มที่จะมาชุมนุม ซึ่งบางส่วนอาจจะเดินทางกลับไม่ทัน รัฐบาลจึงจำเป็นต้องประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนที่จะเตรียมตัวเดินทางกลับ ได้แยกย้ายกันโดยสวัสดิภาพ
เมื่อถามต่อว่า กังวลหรือไม่ว่าจะมีกลุ่มมือที่ 3 เข้ามาสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรง นายปณิธาน กล่าวว่า เรื่องนี้รัฐบาลเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ จึงขอความร่วมมือจากภาคประชาชน ให้เข้ามาร่วมสังเกตการณ์การเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุม ถึงแม้จะมีแนวโน้มว่าไม่มีเหตุที่ต้องกังวลก็ตาม

ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลได้ประเมินหรือไม่ ในกรณีที่มีกระแสข่าวว่าการชุมนุมจะนำไปสู่เงื่อนไขให้เกิดการปฏิวัติ นายปณิธาน กล่าวว่า ครม. ไม่ได้ประเมินเรื่องนี้ แต่ยอมรับว่ามีบางกลุ่มที่ปฏิเสธ การเมืองตามแนวทางประชาธิปไตย แต่สถานการณ์ขณะนี้ไม่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และประชาชนยังให้การเมืองให้โอกาสรัฐบาลเข้ามาฟื้นฟูเพื่อแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ และสถานการณ์ทางการเมืองให้กลับสู่ภาวะปกติ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น