--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เปิดเผือกร้อนบิ๊กโปรเจ็กต์ เจาะขุมทรัพย์แสนล้าน.. คมนาคม !!?

กลายเป็นประเด็นร้อนฝ่ากระแสน้ำท่วม เมื่อปลัดกระทรวงคมนาคม "สุพจน์ ทรัพย์ล้อม" ถูกคนร้ายปล้นบ้านในคืนวันแต่งงานลูกสาวเมื่อ 12 พ.ย. 2554 แล้วหอบเอาทรัพย์สินและเงินสดขึ้นรถกระบะที่ลือกันว่ามีมูลค่าถึง 200 ล้านบาท ล่าสุดตำรวจไล่จับและติดตามเงินของกลางมาได้บางส่วนแล้วประมาณ 16 ล้านบาท

ประเด็นปริศนาที่เรียกเสียงฮือฮาคือ กลุ่มโจรตั้งใจให้ข่าวว่า ภายในบ้านยังมีเงินสดอยู่นับพันล้าน ซึ่งผู้เสียหายขอความเป็นธรรม พร้อมให้ความเห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมีผู้ต้องการดิสเครดิต และไม่มีใครมีเป็นพันล้านอย่างที่เป็นข่าว

ทันใดนั้น ยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีได้เซ็นคำสั่งย้ายปลัดคมนาคมมาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเปิดทางให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการตรวจสอบ

ทั้งนี้ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า กรณีนี้จะไม่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนอีก โดยจะถือผลสอบของ ป.ป.ช. เป็นที่สิ้นสุด

แหล่งข่าวในกระทรวงคมนาคมเปิดเผย ว่า เรื่องนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังแน่นอน เบื้องหน้าคือสิ่งที่ผู้เสียหายได้รับและตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคมได้ถูกเปลี่ยนตัวไปโดยปริยาย

"ส่วนเบื้องหลังจะเป็นนักการเมืองระดับไหน พรรคไหนที่ได้ประโยชน์ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ตอนนี้บอกได้แค่ว่า ขั้วอำนาจกำลังหันทิศแล้ว"



"งานนี้ถือว่าเล่นกันแรงมาก และเป็นเคสประวัติศาสตร์ของกระทรวงเลยทีเดียว"

ซึ่ง "ผู้อยู่เบื้องหลัง" สั่งการให้ทั้ง "จัดเต็ม" และ "จัดหนัก"

เพราะตำแหน่งที่ต้อง "ชง" เรื่องให้ระดับ "นักการเมือง" ได้นั้น ต้องเป็นมือประสานสิบทิศ ไว้ใจได้และต้องไม่มีอะไรตกหล่น

อีกนัยหนึ่งก็เปรียบเสมือนการรับขวัญงานประมูลเมกะ โปรเจ็กต์นิวไทยแลนด์ที่จะเกิดขึ้นในปี 2555 เหมือนเป็นการ "ปลาม" ไปในตัว

"ปีหน้าเป็นปีที่มีการแข่งขันดุเดือด เป็นปีแห่งการแย่งชิงงบประมาณ ฉะนั้นงานประมูลในกระทรวงคมนาคมจึงเป็นขุมทรัพย์ที่น่าจับตาและจะถูกกล่าวขานถึงมากที่สุด" แหล่งข่าวกล่าว

เพราะกระทรวงดังกล่าวมีงบประมาณก่อสร้างสูงมาก เฉพาะในปี 2555 ทั้งงบประมาณประจำปีรวมแล้วตก 1 แสนล้าน และเงินลงทุนเมกะโปรเจ็กต์รถไฟฟ้าสายที่เหลืออีกหลายหมื่นล้านบาท เช่น สีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่) และสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ฯลฯ

ซึ่งยังไม่รวมงบประมาณฟื้นฟูหลังน้ำลดอีกหลายหมื่นล้านบาทเช่นกัน !

โดยเฉพาะ 2 หน่วยงานหลัก "กรมทางหลวง-กรมทางหลวงชนบท" ที่กุมเม็ดเงินไว้สูงสุดแทบทุกรัฐบาล โดยกรมทางหลวงเฉลี่ยอยู่ที่ 40,000-50,000 ล้านบาท โดยงานใหญ่จะเป็นงานก่อสร้างถนนสายใหม่ ขยายทาง 4 เลน สร้างและขยายสะพาน รวมถึงงานบำรุงทางทั่วประเทศ



กลุ่มผู้รับเหมาที่ได้งานไปนั้นส่วนใหญ่จะเป็นทั้ง "ขาใหญ่" และ "ขาประจำ" ของทั้ง 2 กรม ราคางานประมูลมีตั้งแต่ระดับร้อยล้านถึงพันล้านบาท ทั้งชื่อและหน้าตาก็คุ้น ๆ ทั้งนั้น หลายรายแปลงกายเป็นนักการเมืองใหญ่ สร้างบารมี อิทธิพล จนก้าวถึงตำแหน่งรัฐมนตรีที่คุมกระทรวงต้นน้ำก็มี

ขณะที่ "กรมทางหลวงชนบท" ก็เป็นกรมที่มีงานประมูลไม่น้อยหน้า เฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 26,000 ล้านบาท งบฯแต่ละปีจะทุ่มไปที่งานซ่อมบำรุงทาง สร้างทางสายใหม่ และล่าสุดสร้างชื่อคือ โครงการถนนปลอดฝุ่นที่ปีที่แล้วมีงานประมูลงานร่วม ๆ 1 หมื่นล้านบาท แม้มูลค่าแต่ละสัญญาจะระดับร้อยล้าน แต่ก็มีรับเหมาหน้าเดิม ๆ หมุนเวียนเปลี่ยนรับงานอยู่ไม่กี่ราย

นี่ยังไม่รวมมูลค่าการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ในรัฐบาลชุดที่ผ่าน ๆ มาอีก รวมแล้วงานประมูลของกระทรวงเกรดเอ (คมนาคม) ไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท

ยิ่งใครที่นั่งในตำแหน่งท็อป อาทิ ประธานบอร์ด รัฐวิสาหกิจเมกะโปรเจ็กต์ก็ถูกจัดว่า "กำลังถือเผือกร้อนไว้ในมือ"

เช่นเดียวกับกรณี นายสุพจน์ อดีตปลัดกระทรวงคมนาคมหมาด ๆ ที่เป็นประธานบอร์ดทั้งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.)

ซึ่งกำลังทยอยเปิดประมูลงานอย่างต่อเนื่อง ทั้งรถไฟฟ้าหลากสี "เขียว-แดง-ม่วง-น้ำเงิน" เม็ดเงินร่วม 2 แสนล้านบาท และงานปรับปรุงระบบทางรถไฟของ ร.ฟ.ท.อีก 1.46 หมื่น

ล้านบาท

โดยมีรายชื่อบิ๊กบริษัทรับเหมาหน้าเก่า ๆ ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นได้งานตุนไว้ในมือไปแล้วเพียบหลายสัญญา

แม้เวลานี้หลายฝ่ายจะพยายามต่อ "จิ๊กซอว์" สิ่งที่เกิดขึ้นของกลุ่มโจรปริศนาในคดีปล้นพิสดารและเส้นทางเงินของ "นาย" ซึ่งเป็นเจ้าของเงินตัวจริงนั้น

กระแสข่าวระบุว่า ขณะนี้คนในกระทรวงคมนาคม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งในวงการภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ต่างหวั่นไหว หวาดหวั่นและวิ่งวุ่น เพราะกระทรวงนี้มี "Many Story" และมี "The Man Behind" อยู่เต็มไปหมด

ขณะที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากภาคเอกชน โดยเฉพาะวงการรับเหมานั้น ต่างก็จดจ้อง "บิ๊กโปรเจ็กต์" ของปีหน้าอย่างใจจดใจจ่อ พร้อมสานต่อ "ขั้วอำนาจใหม่" ทันที

เพราะโครงการรับเหมาที่มีมูลค่างานสูงสุดของปี 2554 มีมากนับไม่ถ้วน อาทิ โครงการจ้างเหมาทางหลวงหมายเลข 3215 สาย อ.บางบัวทอง-อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี มูลค่าประมาณ 898 ล้านบาท โครงการจ้างเหมาก่อสร้างทางหลวง 108 สาย อ.จอมทอง-อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ มูลค่าเฉียด ๆ 600 ล้านบาท โครงการจ้างเหมาก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 4 สายชุมพร-ระนอง ตอน 1 มูลค่างาน 599 ล้านบาท เป็นต้น

และมีอีกหลายโครงการที่ประมูลเสร็จไปแล้วก็จริง แต่ยังไม่เบ็ดเสร็จซะทีเดียว

นี่จึงเป็นที่มาของทอล์กออฟเดอะทาวน์ !
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจ
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น