--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ความเชื่อมั่นกับปัญหาน้ำ ....

แม้ว่าขณะนี้การแก้ไขปัญหาน้ำเพื่อมิให้น้ำไหลทะลักเข้ากรุงเทพมหานครในเขตชั้นในจะสามารถสกัดกั้นมวลน้ำให้ไหลไปทางอื่นได้หรือไม่นั้น เชื่อว่า ณ วินาทีนี้คงไม่มีใครที่มีคำตอบได้ชัดเจนว่ามาหรือไม่มา ดังนั้นความเชื่อมั่นในเรื่องนี้จึงเป็นความไม่เชื่อมั่นของประชาชนคนกรุงชั้นในที่น้ำยังไม่น่าไว้วางใจ แต่เชื่อว่าประชาชนทุกคนไม่ว่าจะอยู่เขตไหนที่น้ำยังเดินทางมาไม่ถึงต่างก็เตรียมตัวเตรียมใจที่จะรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันใดวันหนึ่ง ส่วนใหญ่จะตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาทในการรุกเงียบของน้ำที่ค่อย ๆ ไหลเข้ามาท่วม และเชื่อว่าทุกคนรู้อย่างมีสติ ถ้ามีปัญหาน้ำเกิดขึ้นจึงย่อมไม่มีปัญหาของผู้ที่ไม่ประมาท

ปัญหาของน้ำในเวลานี้ยังไม่ได้คลี่คลายให้เห็นแล้วเบาใจ แต่รัฐบาลก็ได้เตรียมแผนฟื้นฟูประเทศและการแก้ไขปัญหาน้ำในอนาคต โดยจะวางแนวทางปรับโครงสร้างระบบน้ำทั้งประเทศ ซึ่งการเตรียมไว้ก่อนดีกว่ามาวางแผนในตอนหลังประเทศไทยไม่มีปัญหาเรื่องน้ำท่วมแล้ว ก็อาจทำให้ประชาชนรู้สึกไม่มั่นใจเรื่องน้ำในวันข้างหน้าได้ ในการวางโครงสร้างระบบน้ำทั้งประเทศของรัฐบาลจะไม่มีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยจะมีแต่ผู้ทรงคุณวุฒิเชี่ยวชาญและรู้จริงในเรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำจากภาคเอกชนมาช่วยกันจัดระบบ นับว่าเป็นสิ่งที่ดีเช่นกันจะได้ไม่มีปัญหาทางด้านการเมืองจากน้ำลายของนักการเมืองด้วยกันเอง

การจัดระบบน้ำทั้งประเทศคงมีการตั้งคำถามว่า ในอนาคตข้างหน้าจะสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนและชาวต่างชาติที่มาลงทุนในประเทศไทยได้มากน้อยแค่ไหนว่าจะไม่เกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพฯ และนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ อีกต่อไป ซึ่งปัญหาความเชื่อมั่นดังกล่าวนี้ คณะทำงานในการจัดระบบน้ำทั้งประเทศไม่ควรที่จะชักช้าในการเสนอแผนต่าง ๆ อย่างเป็นรูปธรรมออกมา เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้และรับทราบถึงความเคลื่อนไหวตลอดเวลา ถึงแม้ว่าปัญหาของน้ำในขณะนี้ยังเป็นปัญหาอยู่ และอีก 6 เดือนข้างหน้าประเทศไทยก็ถึงฤดูฝนอีกแล้ว ฉะนั้นความเชื่อมั่นในเรื่องนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเร่งสร้างขึ้นมา

เป็นธรรมดาที่รัฐบาลจะใช้วิกฤติน้ำนี้สร้างความเชื่อมั่นของน้ำให้เกิดขึ้นไปยังประเทศต่าง ๆ ได้รับรู้ข่าวคราว เพราะต่างประเทศก็ได้มีการวิเคราะห์สถานการณ์ของเมืองไทยกันในหลายแง่หลายมุม โดยเฉพาะในแง่ลบที่พูดถึงการแก้ไขปัญหาน้ำที่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็เหมือนกับเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนต่างชาติหนีไปลงทุนประเทศเพื่อนบ้านแทน เพราะฉะนั้นนักการเมืองที่ยังสนุกกับการทะเลาะกันในช่วงวิกฤติโปรดพึงระลึกเอาไว้ว่า การเมืองนั้นสามารถไปเขย่าขย่มเศรษฐกิจให้เลวร้ายลงไปอีก ความเห็นต่างนั้นไม่มีใครว่าแน่ แต่ความเห็นต่างนั้นจะต้องมุ่งไปสู่การฟื้นฟูชาติบ้านเมืองด้วยกัน.

ต้นฉบับ: http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=8&contentId=173930

ที่มา: เดลินิวส์
/////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น