ขณะที่พี่น้องประชาชนกำลังฝ่าวิกฤติอภิมหาอุทกภัย เผชิญความทุกข์ยากลำบากแสนสาหัสเพื่อเอาชีวิตของตน เองและครอบครัวให้รอดพ้นจากพิบัติภัยธรรมชาติ แต่สำหรับ “เกมการเมือง” ที่เป็นเรื่องของการช่วงชิงอำนาจและผลประโยชน์ของบรรดานักการเมืองทั้งหลายกลับมิอาจหยุดนิ่งกับที่ได้ โดยเฉพาะเมื่อน้ำลดอาจถึงคราวตอผุดให้เห็นตำตาจึงจำต้องเตรียมการเช็กบิลหาผู้รับผิดชอบและผู้มีส่วนกระทำผิดพลาดจนเป็นต้นเหตุวิกฤติครั้งนี้
ความเคลื่อนไหวของนักการเมืองสังกัดพรรคเพื่อไทย ที่เปิดประเด็นปัดสวะให้พ้นตัว โยนบาปไปที่ข้าราชการและรัฐบาลชุดก่อน ด้วยความพยายามปล่อยข่าวสร้างความกดดันให้นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน รับผิดชอบเนื่องจากกรม ชลประทานประเมินสถานการณ์และบริหารจัดการน้ำผิดพลาด ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-สิงหาคมที่ผ่านมา โดยประเมินว่าจะเกิดเหตุภัยแล้ง จำต้องเก็บกักน้ำอย่างเต็มที่ ครั้นฝนมาก่อนกำหนดก็ยังพอมีเวลาที่จะพร่องน้ำในเขื่อน แต่กลับไม่ดำเนินการ และหากพิจารณาให้ดีจะพบว่าขณะนั้นพรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นรัฐบาลรักษาการและพรรคชาติไทยพัฒนายังดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงมิอาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ตอบโต้ว่ารัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้บริหารประเทศมาเกือบ 2 เดือนแล้ว ผ่านการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการประจำปี การกล่าวโทษโยนความผิดก็เพียงเพื่อตัดตอนหาแพะรับบาปและทางรอดให้กับนายกรัฐมนตรี ซึ่งการกระทำเช่นนี้ยิ่งทำให้ภาวะผู้นำของนางสาวยิ่งลักษณ์ลดน้อยถอยลงไปอีก ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ร่วมรัฐบาลอยู่ด้วยก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เสียงอ่อยเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลร่วมกันรับผิดชอบ พร้อมระบุสาเหตุความล้มเหลวว่าเกิดจากศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) แก้ปัญหาแบบสะเปะสะปะในลักษณะขอไปที ขาดการบูรณาการและสรุปแนวคิดแก้ปัญหาให้ตกผลึกก่อนลงมือทำ โดยเฉพาะความเห็นของนักวิชาการที่ทำให้เกิดความหลากหลายในทางปฏิบัติ
เราเห็นว่า ในช่วงเวลาที่บ้านเมืองกำลังเผชิญเหตุ วิกฤติหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ นักการเมืองไม่ว่าฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน หรือสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งเป็นผู้แทนปวงชน สมควรยึดความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ช่วยกันขจัดปัญหา บรรเทาวิกฤติ ดีกว่าสาดน้ำลายโยนความผิดให้กัน เพราะน้ำท่วมยังมีวันลด แต่น้ำลายท่วมใจประชาชนไม่มีวันลด ยิ่งทำให้ปัญหาทับถมทวีคูณ อย่าลืมว่า ประชาชนคือผู้ให้กำเนิดนักการเมืองมาโลดแล่นบนถนนแห่งอำนาจและผลประโยชน์ จึงมิควรทำให้ประชาชนสิ้นหวังและเสื่อมศรัทธามากไปกว่านี้.
ต้นฉบับ: http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=8&contentId=173476
ที่มา: เดลินิวส์
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ความเคลื่อนไหวของนักการเมืองสังกัดพรรคเพื่อไทย ที่เปิดประเด็นปัดสวะให้พ้นตัว โยนบาปไปที่ข้าราชการและรัฐบาลชุดก่อน ด้วยความพยายามปล่อยข่าวสร้างความกดดันให้นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน รับผิดชอบเนื่องจากกรม ชลประทานประเมินสถานการณ์และบริหารจัดการน้ำผิดพลาด ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-สิงหาคมที่ผ่านมา โดยประเมินว่าจะเกิดเหตุภัยแล้ง จำต้องเก็บกักน้ำอย่างเต็มที่ ครั้นฝนมาก่อนกำหนดก็ยังพอมีเวลาที่จะพร่องน้ำในเขื่อน แต่กลับไม่ดำเนินการ และหากพิจารณาให้ดีจะพบว่าขณะนั้นพรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นรัฐบาลรักษาการและพรรคชาติไทยพัฒนายังดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงมิอาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ตอบโต้ว่ารัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้บริหารประเทศมาเกือบ 2 เดือนแล้ว ผ่านการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการประจำปี การกล่าวโทษโยนความผิดก็เพียงเพื่อตัดตอนหาแพะรับบาปและทางรอดให้กับนายกรัฐมนตรี ซึ่งการกระทำเช่นนี้ยิ่งทำให้ภาวะผู้นำของนางสาวยิ่งลักษณ์ลดน้อยถอยลงไปอีก ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ร่วมรัฐบาลอยู่ด้วยก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เสียงอ่อยเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลร่วมกันรับผิดชอบ พร้อมระบุสาเหตุความล้มเหลวว่าเกิดจากศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) แก้ปัญหาแบบสะเปะสะปะในลักษณะขอไปที ขาดการบูรณาการและสรุปแนวคิดแก้ปัญหาให้ตกผลึกก่อนลงมือทำ โดยเฉพาะความเห็นของนักวิชาการที่ทำให้เกิดความหลากหลายในทางปฏิบัติ
เราเห็นว่า ในช่วงเวลาที่บ้านเมืองกำลังเผชิญเหตุ วิกฤติหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ นักการเมืองไม่ว่าฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน หรือสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งเป็นผู้แทนปวงชน สมควรยึดความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ช่วยกันขจัดปัญหา บรรเทาวิกฤติ ดีกว่าสาดน้ำลายโยนความผิดให้กัน เพราะน้ำท่วมยังมีวันลด แต่น้ำลายท่วมใจประชาชนไม่มีวันลด ยิ่งทำให้ปัญหาทับถมทวีคูณ อย่าลืมว่า ประชาชนคือผู้ให้กำเนิดนักการเมืองมาโลดแล่นบนถนนแห่งอำนาจและผลประโยชน์ จึงมิควรทำให้ประชาชนสิ้นหวังและเสื่อมศรัทธามากไปกว่านี้.
ต้นฉบับ: http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=8&contentId=173476
ที่มา: เดลินิวส์
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น