คำศัพท์ฮิตบนอินเตอร์เน็ต “อย่ามาเหวง” กำลังกลายเป็น “วาทะกรรม”
เพื่อดิสเครดิต “หมอเหวง” น.พ.เหวง โตจิราการ...
อันเนื่องมาจากการเปิดโต๊ะเจรจาระหว่าง “กลุ่มคนเสื้อแดง” และ “รัฐบาล”
“อย่ามาเหวง” เป็นคำศัพท์ที่สื่อถึง การพูดไม่รู้เรื่อง
หรือ การพูดไม่ได้เนื้อหาใจความ
หรือ การพูดจาวกไปวนมาซึ่งการเจรจาสองครั้งที่ผ่านมา...
ประชาชนที่คอยเชียร์ คอยชมรัฐบาล “ประชาธิปัตย์” รู้สึกว่า
“หมอเหวง”หลุดออกจากประเด็นบน โต๊ะเจรจามากที่สุด
บุคคลเหล่านั้นจึงนำที่มาที่ไปมาตั้งเป็นคำเรียกว่า “อย่ามาเหวง” คือ อย่ามาพูดไม่รู้เรื่องซึ่งเรื่องนี้
“หม่อม ปลื้ม” ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ก็ได้พูดให้แง่คิดที่ดี...
เพราะหากใครได้ ฟังการเจรจาสองครั้งที่ผ่านมา“หมอเหวง” เป็นบุคคลที่พูดด้วย “เนื้อหา” แน่นที่สุด
เขาทำตัวเป็น “เป้าหลอก” ให้เห็นการแสดงออกทางคำพูดของนายกรัฐมนตรี
และอากัปกิริยาของทางรัฐบาลอย่างชัดเจนโดยเฉพาะประเด็น “ข้อเท็จจริง” ที่นำมาแสดงให้ประชาชนได้รับทราบ...เกือบทุกประเด็น “แทงใจดำ” บุคคลซึ่งเป็นใหญ่ในรัฐบาล
เพราะพวกเขาไม่สามารถ “หาหลักฐาน” และ “เหตุผล” มาอ้างอิงคะคานกับคำพูดเหล่านั้น
“หม่อม ปลื้ม” วิเคราะห์ว่า...
ใครที่ฟังหมอเหวงไม่รู้เรื่อง แปลว่า บุคคลนั้นมีความรู้น้อยกว่าหมอเหวงที่ว่ามีความรู้น้อย...
คือรู้ในข้อ เท็จจริงและประเด็นที่ “หมอเหวง” นำมาพูดว่าต้องการทำเช่นนี้เพื่อหวัง “ผลลัพธ์”
ในเรื่องอะไรเขาเหล่านั้นตามไม่ทัน หรือไม่รู้จริงๆ หรือรู้เข้าใจแต่ไม่ยอมรับ
เพราะเป็นฝ่ายตรงข้าม เพราะประชาชนส่วนใหญ่ต่างรู้ทั้งรู้ว่า “การยุบสภา” มิใช่สิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ง่าย...
หากผู้มีอำนาจเขาไม่ยอมรับ...
เขา ก็คง “ยึดมั่น” ในคำเดิมแล้วจะทำอย่างไรเพื่อ “เปิดแผล” มิให้ถูกมองว่า “ฝ่ายรัฐบาล” ดูดี
เพราะคำพูดเพียงอย่างเดียวกี่ครั้งที่ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ออกอาการหลุด...
จนต้องเข้าไปคลุกวงในกับ “จตุพร พรหมพันธุ์”ถือว่าได้
ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ “บนโต๊ะเจรจา” กับการขำข้อมูล “เป็นจริง” ซึ่งประชาชนไม่เคยรับรู้มาเผยแพร่ให้เกิดการติดตามประเด็น“อย่ามาเหวง” จึงไม่มีอะไรมากนอกจากเป็นเสียงร้องโหยหวนของบุคคลที่เชียร์รัฐบาล
ซึ่ง ตั้งขึ้นมาเป็น “วาทะกรรม” เพื่อดิสเครดิต
การต่อสู้ทางการเมืองฝ่ายตรง ข้ามแค่นั้นจริงๆ กับการลดความน่าเชื่อถือของ “หมอเหวง”
ที่มา.บางกอกทูเดย์
************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น