น.พ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า จากการสำรวจอารมณ์ทางการเมืองของประชาชนไทย รอบที่ 3 ระหว่างวันที่ 20-22 เม.ย. ในทุกภาคของประเทศไทย พบว่า ส่วนใหญ่มีอารมณ์ทางการเมืองอยู่ในระดับปกติ ร้อยละ 39.44 ส่วนอารมณ์ทางการเมืองระดับรุนแรงพบร้อยละ 27.84 ซึ่งใกล้เคียงกับการสำรวจรอบแรกร้อยละ 29.89
ประชาชนในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอารมณ์ทางการเมืองอยู่ในระดับรุนแรงมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 39.40 เพิ่มขึ้นจากการสำรวจรอบก่อนหน้า ที่พบเพียงร้อยละ 19.87 เช่นเดียวกับประชาชนในเขตกรุงเทพฯ ที่มีการเพิ่มขึ้นของอารมณ์รุนแรงจากเดิมร้อยละ 24.24 เป็นร้อยละ 34 ในภาคเหนือจากเดิมร้อยละ 22.49 เพิ่มเป็นร้อยละ 24.44 ขณะที่คำถามถึงสถานการณ์การเมืองพบว่า ประชาชนภาคใต้ตอบคำถามว่า เบื่อหน่ายไม่อยากรับรู้ สูงสุดกว่าประชาชนภาคอื่น คิดเป็นร้อยละ68
ด้าน น.พ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ หัวหน้ากลุ่มที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กล่าวว่า อารมณ์รุนแรงอย่างต่อเนื่อง จะมีผลทำให้เกิดอารมณ์โกรธ ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพจิตของตนเองและบุคคลอื่น เทียบเท่ากับความเครียดรุนแรง ซึ่งอารมณ์ทางการเมืองที่รุนแรงจะกระทบต่อบุคคลได้ง่าย ยิ่งเข้าไปในที่ชุมนุม จะแสดงออกอย่างรุนแรง ดังนั้น ผู้ที่รู้สึกว่าเกิดอารมณ์ทางการเมืองรุนแรง เทียบเท่ากับการมีความเครียดระดับสูง ต้องลดการรับรู้ข่าวสารด้านเดียวอย่างต่อเนื่องยาวนาน ควรรับรู้ข่าวสารสองด้านและไม่ต่อเนื่องยาวนาน รู้จักสงบอารมณ์ของตัวเองกลับมาใช้ชีวิตปกติ ซึ่งบุคคลรอบข้างที่ยังไม่มีอารมณ์รุนแรงต้องช่วยกันรับฟัง หรือสามารถโทรศัพท์เข้ามาปรึกษาสายด่วนกรมสุขภาพจิต หมายเลข 1323
ที่มา.เนชั่น
*******************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น