บทบาทหน้าที่ของ “อาชีพสื่อมวลชน” คือ ตะเกียงส่องทางให้กับสังคม...เป็นสุนัขเฝ้าบ้าน...เป็นยามเฝ้าแผ่นดิน...คอยสอดส่องดูแลและทำหน้าที่รายงานข่าวสารตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ สื่อโทรทัศน์ หรือ วิทยุ ล้วนแต่เป็น “สื่อมวลชน” ที่ไม่สามารถเลือกปฏิบัติหน้าที่ได้ แม้จะต้องทำงานในช่วงที่บ้านเมืองไม่สงบสุขเกิดภาวะศึกสงคราม...ทุกคนก็จำเป็นต้องทำหน้าที่เพื่อนำข่าวสารต่างๆ มาเผยแพร่ให้ประชาชนได้ติดตามและได้รับรู้ถึง
ความเป็นจริงในสถานการณ์ แต่วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับสื่อมวลชน? เพราะข้อเท็จจริง...สื่อมวลชนถูกฝ่ายการเมืองสั่งการ “เซ็นเซอร์” ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของไปเสียเองมิหน่ำซ้ำ...ยังมีคำสั่งให้ปิดบังการนำเสนอข้อเท็จจริง จนการรายงานข่าวนั้นเกิดความ “ไม่เป็นกลาง” และ “ไม่เป็นธรรม”เช่นนั้นแล้ว...จรรณยาบรรณของวิชาชีพนี้จะมีคุณค่าอะไร...ในเมื่อถูกผู้มีอำนาจ “เหยียบย่ำ” จนบางครั้งสื่อมวลชนยังรู้สึกว่า ตัวเองไม่มีค่า ในวิชาชีพนี้โดยเฉพาะเหตุการณ์เมื่อวัน
ที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา...ควรถูกยกขึ้นมาเป็น “อุทาหรณ์สอนใจ” กับการชุมนุนมที่บริเวณถนนสีลม ซึ่งได้มีเหตุรุนแรงโดยมือดียิงระบิด M 79 จำนวน 5 ครั้ง...ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บกว่า 80 คน โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นถือเป็นโศกนาฏกรรมต่อเนื่องจากวันที่ 10 เมษา ที่ประชาชนและทหารถูกมือที่ 3 หรือ “กองกำลังไม่ทราบฝ่าย” ปั่นป่วนเข้าสร้างสถานการณ์...จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก แต่การสื่อสารในวันนั้นเราต้องยอมรับว่า...มันกว้าง
เกินไปสำหรับการแสดงความคิดเห็น...กระทั่งไปพบข้อความหนึ่งของ “ฐปณีย์ เอียดศรีไชย” ผู้สื่อข่าวรายการข่าว3 มิติ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 โดยข้อความนั้นระบุว่า... “นี่คือ ข้อเท็จจริงจากปากคำตำรวจยอมรับไล่กลุ่มชายฉกรรจ์ 20 คน ที่ปาระเบิดขวดวิ่งหนีไปหลังแนวทหาร แต่กลับถูกทหารเอาปืนจ่อหัวบอกไม่ต้องตามไป” ซึ่งข้อความนี้...เป็นที่น่าเชื่อถือมากขึ้น เพราะเธอเป็นคนรายงานข่าวในคืนที่ 22 เมษานั่นเอง “ฐปณีย์” ได้รายงานข่าวโดยสวมหมวก
กันน็อคที่เสื้อมีรอยเปื้อน...ซึ่งบ่งบอกด้วยการชมในตอนนั้นว่า...ผู้สื่อข่าวคนนี้กำลังเข้าไปคลุกวงใน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายเมื่อรายงานจบเราก็แทบไม่รู้ชะตากรรมของเธอว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร?โดยเฉพาะเมื่อได้อ่านข้อความในทวิตเตอร์ของ “ฐปณีย์” ใครหลายคนคงไม่ได้สนใจว่าทหารจะเอาปืนจ่อหัวตำรวจจริงหรือไม่? แต่ความรู้สึกมันบ่งบอกว่า “ฐปณีย์” และผู้บริหารของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 กำลังใช้สองมือกำ “เผือกร้อน” เอาไว้แน่นเพราะ
อำนาจรัฐจะเข้าไปจัดการกับความเห็นที่ส่งผลเสียต่อการทำงานของรัฐบาลหลังจากนั้นไม่นาน “ฐปณีย์” ก็ได้ออกมาแถลงเป็นข้อความผ่านทวิตเตอร์...ทำให้รู้ทันทีว่าเธอโดนเล่นงานจากอำนาจ “ในมุมมืด” ในที่สุด เธอก็โดนสั่งระงับไม่ให้รายงานข่าวการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง! ถามว่า...ประสบการณ์การทำงานไม่ต่ำกว่า 10 ปีของเธอ...ซึ่งรู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง...แต่ท้ายที่สุดก็มิอาจต้านทานต่อ “แรงอิทธิพล” ทางอำนาจ วันนี้ในฐานะ “สื่อมวลชน” ทุกคนรู้ดีว่า
อะไรเป็นอะไร...แต่ถ้าจะให้พูด “ปากเปียกปากแฉะ” ก็คงฝากบอกไปถึงรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี “สาทิตย์ วงศ์หนองเตย” ให้ท่านรู้จักและเข้าใจถึงคำว่า “เอาใจเขามาใส่ใจเรา”เพราะอาชีพสื่อมวลชนคือ...การเสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมาและไม่ใช่อาชีพที่มีไว้เพื่อให้นักการเมืองเยียบย่ำหรือใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เห็นได้ชัดว่า...ตราบใดที่ยังมีการปิดกั้นสื่อก็แสดงให้เห็นว่า...สงครามระหว่างรัฐบาลกับประชาชนจะยังไม่จบสิ้น!
ที่มา.บางกอกทูเดย์
...............................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น