--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันเสาร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2553

แดงถอย-เสนอ 30วัน"ยุบ" มาร์คปัดทันควัน

แกนนำห่วงสังเวยเพิ่ม ดีเอสไอแฉ"เมธี"สารภาพ ยิงทหาร-ซัดทอดคนสั่ง จรุงจิตต์ฝังศพร่มเกล้า

แกนนำม็อบเสื้อแดงประกาศบนเวทีราชประสงค์ ต่อหน้าตัว แทนทูตนานาชาติที่มาสังเกตการณ์ จะขอยอมถอยยื่นเงื่อนไขให้นายกฯยุบสภาใน 30 วัน รวมกับเวลารักษาการรัฐบาลเป็น 90 วัน บอกเป็นห่วงกลัวผู้ชุมนุมจะต้องมีอันตราย ท้าทายถ้ารัฐบาลไม่รับข้อเสนอ ก็จะสู้กันต่อไป ประกาศตัดหางดารา"เมธี" อ้างแค่แนวร่วม ดอดมาฉกปืนทหารที่เตรียมจะคืนให้ทางการไปเอง ขณะที่อธิบดีดีเอสไอแถลงเมธีสารภาพแล้ว กลุ่มตัวเองสาดกระสุนใส่ทหารคืน 10 เม.ย. ซัดทอดถึงตัวคนเสื้อแดงที่สั่งการด้วย ชี้ก่อการร้ายโทษถึงประหารชีวิต "อนุพงษ์"ประชุมหน่วยขึ้นตรง ย้ำไม่สลายม็อบ และไม่ยอมให้มีการยุบสภาด้วย รับความพยายามล้มสถาบันมีจริง ฝีมือของคนๆเดียวต้องการกลับสู่อำนาจ "ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์"เป็นตัวแทนพระองค์ เป็นประธานพิธีฝังศพ"พ.อ.ร่มเกล้า" ย้ำอีกไม่เคยสั่งใครสลายม็อบ "ม็อบหลากสี"ชุมนุมลานพระรูปฯ ดึงคนได้ถึงหมื่น จี้นายกฯสลายม็อบ

-ผบช.น.ประชิดม็อบแต่เช้า

เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 23 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช). ที่บริเวณแยกราชประสงค์ ในช่วงเช้าว่า ผู้ชุมนุมต่างอยู่ในสภาวะตึงเครียดจากเหตุการณ์มือมืดยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่ผู้ชุมนุมเสื้อหลากสี บริเวณสถานีรถไฟฟ้าศาลาแดงเมื่อคืนที่ผ่านมา และหวั่นเกรงว่าเจ้าหน้าที่จะใช้เป็นสาเหตุเข้าสลายคนเสื้อแดง

ขณะเดียวกันบริเวณแยกศาลาแดง พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. นำตำรวจนครบาลและบก.ภ.จว.เพชรบุรี ร้อย เอ็ด ชุมพร กาฬสินธุ์ กว่า 20 กองร้อย เข้าตรึงบนถนนพระราม 4 ด้านหน้าโรงแรมดุสิตธานี โดยยืนเผชิญหน้าแนวกำแพงของกลุ่มคนเสื้อแดง หน้าลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 ซึ่งผู้ชุมนุมเสื้อแดงตั้งกำแพงยางรถยนต์มีไม้ไผ่ปลายแหลมเป็นบังเกอร์อย่างตึงเครียด ส่งผลให้ต้องปิดการจราจรบริเวณดังกล่าวทันที โดยตำรวจรีบระบายยานพาหนะที่ตกค้างอยู่ออกนอกพื้นที่อย่างรวดเร็ว

จากนั้นตำรวจใช้รถกระจายเสียงประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มคนเสื้อแดงคืนพื้นที่บริเวณดังกล่าว โดยให้เวลาดำเนินการ 20 นาที แต่ไม่สำเร็จ กลุ่มผู้ชุมนุมพากันโห่ร้องและวางกำลังป้องกันแนวกำแพงอย่างหนาแน่น ส่งผลให้บรรยากาศตึง เครียดยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีตำรวจและกลุ่มคนเสื้อแดงขึ้นไปสังเกตการณ์บนสะพานไทย-เบลเยียม ส่วนเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย แพทย์และพยาบาลเตรียมรับมืออยู่รอบบริเวณ ขณะที่โดยรอบยังมีประชาชนจำนวนมากยืนเฝ้าสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด

-กล่อมจนม็อบถอยจากรั้ว

ต่อมาเวลา 08.00 น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น. 1 เป็นตัวแทนเข้าเจรจากับกลุ่มคนเสื้อแดง โดยขอให้รื้อถอนสิ่งกีดขวาง และถอยร่นออกไปถึงแยกสารสิน แต่นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำนปช. ไม่ยินยอม โดยระบุถอยร่นผู้ชุมนุมได้ แต่ไม่สามารถรื้อถอนสิ่งกีดขวางได้ เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของกลุ่มคนเสื้อแดง พล.ต.ต.วิชัยต่อรองขอให้ถอยร่นกลุ่มผู้ชุมนุมไปก่อนและจะไปเจรจากับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. อีกครั้ง

พล.ต.ต.วิชัยขึ้นรถขยายเสียงกล่าวกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า ตำรวจไม่ได้มาสลายการชุมนุมหรือมายึดพื้นที่คืน แต่เมื่อคืนวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา มีการกระทบกระทั่งระหว่างคนเสื้อแดงกับกลุ่มเสื้อหลากสี ไม่อยากให้เกิดปัญหาอีก จึงจำเป็นต้องให้คนเสื้อแดงถอยออกจากแนวกั้นประมาณ 100 เมตร จากนั้นจะเจรจากับแกนนำนปช. เพื่อดำเนินการเรื่องนี้ต่อไป ส่วนตำรวจจะสั่งถอนกลับไปทั้งหมด ขอให้คนเสื้อแดงเบาใจได้ว่าจะไม่มีการสลายการชุมนุม

นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก แกนนำนปช. ที่รับผิดชอบพื้นที่ กล่าวตอบโต้ว่า ต้องให้ตำรวจถอยไปก่อน กลุ่มคนเสื้อแดงจึงจะถอย พล.ต.ต.วิชัยจึงให้พ.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ รองผบก.น.6 สั่งตำรวจถอยหลังไปตั้งแนวที่ริมรั้วโรงแรมดุสิตธานี กลุ่มคนเสื้อแดงจึงปรบมือด้วยความพอใจ ก่อนจะทยอยกันถอยออกจากแนวรั้ว เหลือไว้เพียงการ์ดจำนวนหนึ่งรักษาการณ์อยู่ตามแนวกำแพง

-เสธ.แดงโชว์ตัวราชประสงค์

ก่อนหน้านั้นเวลา 07.30 น. ที่เวทีราชประสงค์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. ขึ้นประกาศว่า บริเวณแยกศาลาแดง สวนลุมพินี มีตำรวจมาตั้งด่านเตรียมเข้าผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ขอให้ผู้ชุมนุมคอยประจำอยู่หน้าเวทีหลัก เนื่องจากเกรงว่าอาจมีการส่งกำลังเข้ามาสลาย หากมีผู้ชุมนุมเหลือน้อย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำคนสำคัญของนปช. อาทิ นายณัฐวุฒิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองประธานนปช. นาย อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง เข้าประจำการที่เวทีใหญ่ตั้งแต่ช่วงเช้า ต่างจากทุกวันที่ผ่านมาจะเข้ามาช่วงสายๆ นอกจากนั้นพล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ยังปรากฏตัวบริเวณที่ชุมนุมด้วย โดยโฆษกบนเวทีได้ประกาศต้อนรับ จากนั้นเสธ.แดงจึงเดินผ่านหลังเวที แต่ไม่ได้เข้าไปหาแกนนำที่อยู่ในบริเวณที่กั้นไว้เฉพาะ

ต่อมาเวลา 08.00 น. นายจตุพรปราศรัยว่า สถานการณ์เวลานี้เห็นชัดเจนว่ารัฐบาลใชัวิชามารทุกวิชา นำกลุ่มทหาร กลุ่มเสื้อเหลือง และคนของประชาธิปัตย์มาอ้างเป็นคนสีลม สุดท้ายเมื่อทำอะไรไม่ได้จึงสร้างสถานการณ์เมื่อคืนวันที่ 22 เม.ย. เหตุการณ์ครั้งนี้คล้ายเหตุการณ์สงกรานต์เลือดเมื่อปีที่ผ่านมา การที่สีลมพังพินาศเป็นฝีมือของรัฐบาล

-จตุพรโต้-เอ็ม79ยิงจากนปช.

นายจตุพร กล่าวว่า การที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ระบุยิงมาจากด้านหลังพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.6 ถือว่านายสุเทพโกหก เพราะระยะยิงของเอ็ม 79 อยู่ที่ 400 เมตร แต่หลังพระบรมราชานุสาวรีย์กับจุดที่ตกห่างกันเกินกว่านั้น ยิงอย่างไรก็ไม่ถึง ขอบอกเลยว่ายิงมาจากตึกสูงโดยรอบ และมีแต่ทหารเท่านั้นที่รัฐบาลนำไปประจำการอยู่

นายจตุพร กล่าวว่า ทันทีที่ศาลมีคำสั่งแพ่งคุ้มครอง มีเหตุระเบิดยิงเอ็ม 79 ดังนั้นแม้จะมีคำสั่งศาล คนเสื้อแดงยังประ มาทไม่ได้ ทุกคนต้องมาร่วมชุมนุมเพราะยังมีภารกิจที่ยังไม่จบ ไม่แน่ใจว่าท้ายที่สุดรัฐบาลจะฟังศาลหรือไม่ หากรัฐบาลฟังคงไม่เอากำลังมาแต่เช้า ส่งสัญญาณว่ารัฐบาลไม่ฟังใครทั้งนั้น วันนี้เราอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ข่าวที่เกิดขึ้นและเหตุการณ์มวลชนปะทะกันเป็นสูตรรัฐประหาร เมื่อเดือนก.ย.2549

นายจตุพรกล่าวอีกว่า เป้าประสงค์ของการอ้างว่ายิงระเบิดมาจากฝั่งการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.6 เพราะต้องการรื้อบริเวณดังกล่าว เพื่อนำกำลังทหารเข้ามาที่สวนลุมพินี เพราะต้องการสร้างรังที่บริเวณดังกล่าวและนำมาสลายการชุมนุม

-เผยมาร์คถกศอฉ.ยันตีสอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุการณ์ระเบิดที่ถนนสีลมและแยกศาลาแดง ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเมื่อคืนวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผอ.ศอฉ. พร้อมหน่วยงานด้านความมั่นคง ได้หารือกันตั้งแต่หลังเกิดเหตุจนถึงเวลา 02.00 น. วันที่ 24 เม.ย.

จากนั้นเวลา 07.50 น. นายกฯ เดินทางออกจากบ้านพักรับรองในร.11 รอ. มายังกองบัญชาการศอฉ. ด้วยสีหน้าอิดโรยและเคร่งเครียด แต่ไม่มีการประชุมศอฉ.ในช่วงเช้าเหมือน ทุกวัน มีเพียงนายสุเทพ หารือกับพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เท่านั้น

จากนั้นเวลา 09.00 น. นายอภิสิทธิ์เป็นประธานประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ที่อาคารศาสนสถาน ในร.11 รอ. โดยมีนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมช.ศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหารือ ก่อนประชุม นายประภัสร์ พู่เจริญ นายกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย (ส.ท.ท.) พร้อมด้วยนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหลายแห่ง ประ มาณ 20 คน เข้ามอบกระเช้าดอกไม้ให้นายอภิสิทธิ์ เพื่อให้กำลังใจและขอให้สู้ต่อไป

-หมอพรทิพย์ตรวจวิถีเอ็ม 79

ที่บริเวณแยกศาลาแดง บรรยากาศช่วงเช้ายังเป็นปกติ น.ส. บัญชรี บูรณกร อายุ 30 ปี นักธุรกิจขายเสื้อผ้าย่านสีลม นำดอกกุหลาบสีแดง 6 ดอก มาวางไว้ยังจุดที่มีผู้เสียชีวิตหน้าธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาสีลม เพื่อไว้อาลัยผู้เสียชีวิต พร้อมกล่าวว่า เสียใจและสะเทือนใจ อยากฝากไปยังรัฐบาลว่าขอให้ช่วยออกมาปกป้องและรักษาชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์ เหมือนกับที่เคยพูดไว้ด้วย ผู้ที่มาชุมนุมกันที่แยกแห่งนี้ถือเป็นกลุ่มพลังบริสุทธิ์ ไม่อยากให้เกิดความรุนแรงในสังคม คนไทยต้องมาฆ่ากันเอง ดอกกุหลาบที่นำมาก็เพื่อต้องการไว้อาลัยต่อผู้เสียชีวิต ขอให้ไปสู่สุคติ พวกที่เหลือก็จะต่อสู้กันต่อไป

ต่อมาเวลา 10.00 น. พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ในฐานะกรรมการศอฉ. พร้อมด้วยพ.อ.ไตรเทพ ศรีพันธุ์วงส์ รองผบ.ม. 1 รอ. และเจ้าหน้าที่พฐ. ตร. เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อเก็บหลักฐานเพิ่มเติมบริเวณหน้าธนาคารกรุงศรีอยุธยา จากการตรวจสอบพบแรงระเบิดทำให้กระจกด้านหน้าของธนาคารได้รับความเสียหายหลายแห่ง บางส่วนถูกสะเก็ดระเบิดจนแตกละเอียด รวมทั้งยังมีกองเลือดตกอยู่อีกเป็นจำนวนมาก ส่วนบริเวณกันสาดของธนาคารยังมีรอยถูกสะเก็ดระเบิด แตกนับสิบรู นอกจากนี้ต้นไม้ใหญ่หน้าธนาคารยังโดนลูกหลง ถูกสะเก็ดระเบิดฉีกขาดทำให้ลำต้นเกือบขาดทั้งหมด เจ้าหน้าที่ต้องใช้บันไดปีนขึ้นไปเก็บสะเก็ดระเบิดที่ยังติดอยู่เป็นจำนวนมาก จากนั้นใช้อุปกรณ์ตรวจหาและเก็บชิ้นส่วนสะเก็ดระเบิดทั้งหมดที่ตกอยู่ในจุดต่างๆ โดยได้ใช้ปากกาเลเซอร์และเข็มทิศ นำมาตรวจสอบวัดหาทิศทางของวิถีระเบิดว่าถูกยิงมาจากทางทิศใด ใช้เวลาตรวจสอบอยู่ประมาณ 20 นาที

-ณัฐวุฒิเสียใจกับม็อบสีลม

เวลา 10.30 น. บริเวณหลังเวทีราชประสงค์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวถึงเหตุการณ์ระเบิดที่ถ.สีลม ทำให้มีประชาชนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากว่า ในนามนปช.ขอแสดงความเสียใจและความห่วงใยไปยังครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บทุกราย เราไม่ประสงค์ให้คนไทยไม่ว่าเสื้อสีอะไรต้องบาดเจ็บล้มตาย เราต้องการเปลี่ยน แปลงการเมืองสู่ประชาธิปไตยโดยสันติวิธี นปช. ขอยืนยันว่าการยิงระเบิดเมื่อคืนวันที่ 22 เม.ย. และทุกครั้งที่ผ่านมา ไม่ใช่การลงมือของเรา ไม่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของนปช. เรายืนยันสันติวิธีและไม่เปลี่ยนแนวทางจากนี้

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ขอเรียกร้องเจ้าหน้าที่ใช้กลไกตามพยานหลักฐานข้อเท็จจริงจับกุมผู้ก่อเหตุนำมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด เราปฏิเสธและประณามความรุนแรงนี้ ทั้งนี้ นปช. ยืนยันสันติวิธีมาตลอด แต่มีความพยายามจากรัฐบาลที่จะโยนความรุนแรงว่าเกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดง นายสุเทพแถลงการณ์ทางโทรทัศน์หลังเกิดเหตุไม่กี่ชั่วโมง ระบุจุดยิงกระสุนน่าจะมาจากพื้นที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.6 ซึ่งเป็นจุด ที่คนเสื้อแดงชุมนุมอยู่หลายวัน การพูดของนาย สุเทพหากกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองก็พอเข้าใจได้ แต่การพูดในฐานะรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ที่ต้องรับผิดชอบและพูดถึงท่าทีของรัฐบาลไทย จึงเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศอฉ. ระบุในทางเดียวกัน ทั้งที่ยังไม่มีการพิสูจน์หลักฐาน เป็นเพียงการสันนิษ ฐาน กล่าวหาลอยๆ เพื่อทำลายความชอบธรรมของคนเสื้อแดง นปช.ยืนยันว่าเราไม่มีทางทำเช่นนั้น และไม่มีวันยอมให้ใครใช้พื้นที่การชุมนุมก่อเหตุรุนแรง

-โต้แดงยิงเอ็ม 79-ชี้วิถีเกินเหตุ

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ขอตั้งคำถามว่าจุดที่นายสุเทพระบุนั้น มีคนจำนวนมากและมีสื่อสังเกต การณ์ในพื้นที่ หากมีใครยิงระเบิดจะไม่รู้ได้อย่าง ไร ไม่มีตารางนิ้วใดที่จะมีใครซุกซ่อนหรือซุ่มเล็งเอ็ม 79 ได้ ตนเข้าใจว่าการยิงเพื่อให้ตกตามเป้าหมาย ต้องมีท่าประทับยิง มีมุมเล็ง ดังนั้น จะแอบทำให้ลอดสายตาคนไปได้อย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐวุฒิได้นำภาพถ่ายต้นไม้หน้าอาคารซูริคเฮาส์ ถ.สีลม ซึ่งเป็นที่ตั้งของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ซึ่งมีรอยฉีกขาดและ รอยระเบิดที่บริเวณหน้าธนาคารกรุงศรีฯ โดยนายณัฐวุฒิ ระบุว่า ภาพดังกล่าวเป็นต้นไม้ด้านหน้าธนาคาร ติดกับโรงแรมดุสิตธานี มุมที่โดนกระ สุนเป็นมุมที่หันหน้าให้ตึกสูงและหันหลังให้ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ ถ้ายิงจากพื้นที่การชุมนุมเป็นไปได้กรณีเดียวคือ ยิงแบบสกรูถอยหลัง คนยิงจะไม่ใช่เพียงเชี่ยวชาญทางอาวุธสงครามเท่านั้น แต่ต้องเชี่ยวชาญการเล่นสนุ้กเกอร์ด้วย นี่เป็นการพิสูจน์อย่างเป็นรูปธรรมว่าระเบิดไม่ได้มาจากผู้ชุมนุม

"เหตุที่เกิดในถ.สีลม มีทหารอยู่เต็มไปหมด และที่มีนอกจากทหาร คือคนที่อ้างว่าเป็นคนสีลม พื้นที่ที่มีทหารเต็มขนาดนั้น ใครจะเข้าไปยิงได้ ยกเว้นคนที่ทหารเจตนามองไม่เห็นใช่หรือไม่" นายณัฐวุฒิกล่าว

-ไฟเขียวดำเนินคดีดาราเมธี

ผู้สื่อข่าวถามถึงการจับกุมนายเมธี อมรวุฒิกุล นักแสดงชื่อดัง ซึ่งมีอาวุธที่ยึดได้จากทหาร นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. มีความชุลมุนยึดปืนจากทหารได้ทั่วพื้นที่ และไม่ทราบว่าได้มาเท่าไหร่ไปอยู่ในมือใครบ้าง เพราะอะไรที่อยู่ที่เรา เราคืน เมื่อตรวจพบว่าอยู่ที่ใครก็ว่ากันตามกฎหมาย เอามาปนกันไม่ได้ อย่างอาวุธสงครามที่พันธมิตรฯ ยึดไปจากทำเนียบได้คืนบ้างหรือไม่ นายเมธี เคลื่อนไหวอิสระ ไม่ขึ้นกับองค์กรของเราไม่ทำตามคำสั่งเรา แค่แสดงตนเป็นแนวร่วม เมื่อไรที่มาปรากฏตัวถือว่ามาร่วมกิจกรรม แต่เวลาเคลื่อนไหวก็อิสระ เราก็ไม่ทราบว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีรูปธรรมอย่างไร
สมเกียรติ - ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ รองราชเลขานุการในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นประธานพิธีฝังศพพ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รองเสธ.พล.ร.2 รอ. ที่สุสานศานติคาม จ.นครปฐม วันที่ 23 เม.ย.

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการจับกุมนายเมธี อมรวุฒิกุล อายุ 39 ปี เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น เจ้าหน้าที่จับกุมนายนที เจริญสุข อายุ 38 ปี ซึ่งนั่งมาในรถด้วย โดยทั้งสองถูกดำเนินคดีข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ รับของโจร และมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จากการตรวจสอบภายในรถพบอาวุธปืนทาร์โวของทหาร 1 กระบอก เครื่องกระสุนขนาด 5.56 ม.ม. 12 นัด ปืนขนาด .38 ลำกล้อง 2 นิ้ว พร้อมกระสุน 5 นัด กระสุนซ้อมขนาด .38 จำนวน 36 นัด โดยนายเมธีถูกควบคุมตัวตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่วนนายนทีถูกนำส่งศาลอาญาไปฝากขังตั้งแต่เมื่อวานนี้ ตำรวจยังได้ยึดโทร ศัพท์ไปเพื่อตรวจสอบด้วยว่า มีการใช้ติดต่อกับบุคคลใดบ้าง ก่อนจะสอบสวนต่อไป นอกจากนี้ รถกระบะดังกล่าวตรวจสอบแล้วไม่ใช่ของนายเมธี แต่ชื่อเจ้าของรถเป็นคนที่อยู่ย่านสำโรง จ.สมุทรปราการ โดยอยู่ระหว่างติดตามตัวมา สอบปากคำ ซึ่งในส่วนของอาวุธปืนที่หายไปนั้น มีการแจ้งความไว้ที่สน.ชนะสงคราม ว่า อาวุธปืน ทาร์โวของทหารหายไปจำนวน 12 กระบอก และ กระบอกนี้เป็นกระบอกแรกที่ได้คืน นอกจากนี้ ในส่วนของสน.นางเลิ้ง มีการแจ้งความว่าปืนเอ็ม 16 หายไป 4 กระบอก ยังไม่ได้คืนแต่อย่างใด

-ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ฝังร่มเกล้า

เมื่อเวลา 11.30 น. ที่สุสานศานติคาม อ.สาม พราน จ.นครปฐม ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ นางสนองพระโอษฐ์ รองราชเลขานุการในพระ องค์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นผู้แทนพระองค์ ทำหน้าที่ประธานพิธีปลงศพแบบคริสต์ศาสนา พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รองเสธ.พล.ร.2 รอ. ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุขอคืนพื้นที่บริเวณแยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เม.ย. โดยวางดินและดอกไม้พระราชทานในพิธีด้วย ทั้งนี้ มีนาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผอ.ศอฉ. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. พล.อ. ธีระวัฒน์ บุณยะประดับ ผู้ช่วยผบ.ทบ. พล.อ. วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสธ.ทบ. และพล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 รวมทั้งพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ เดินทางไปร่วมพิธีด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานดังกล่าวนอกจากครอบครัวและญาติ ผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน ยังมีผู้ที่ทราบข่าวมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดยในงานเพื่อนๆ ของพ.อ.ร่มเกล้านำขนมเค้กมาตัดแจกกันเนื่องในโอกาสวันที่ 23 เม.ย. ตรงกับวันคล้ายวันเกิดของพ.อ.ร่มเกล้าด้วย

ต่อมาที่โรงเรียนยอแซฟอุปถัมภ์ จ.นครปฐม ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวถูกกล่าวหาว่า สั่งการให้พล.อ.อนุพงษ์ สลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ไม่ทราบจริงๆ ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เมื่อถามว่าเหตุใดแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงถึงนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาผูกโยงถึงท่าน ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ กล่าวว่า ไม่ทราบ เมื่อถามว่าการที่นำท่านมาผูกโยงมีการวางแผนเพื่อนำไปสู่กระแสข่าวที่ต้องการล้มเจ้าหรือไม่ ท่านผู้ หญิงจรุงจิตต์ หันมายิ้มกับผู้สื่อข่าว พร้อมกล่าวว่า "ไม่ทราบจริงๆ" เมื่อถามว่าเจอข่าวแบบนี้แล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ กล่าวว่า ไม่มีอะไร ยังปกติดี จากนั้นท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ก็เดินทางขึ้นรถยนต์ประจำตำแหน่งกลับออกจากงานทันที

-ด่านทหารรวบแกนนำแดงอีสาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหารชุดเคลื่อนที่เร็วของกองทัพภาคที่ 1 ที่ตั้งด่านอยู่ที่หน้าตลาดปีนัง ถ.พระราม 3 คลองเตย กทม. ได้เรียกให้รถยนต์ฮอนด้า ทะเบียน ณพ 7348 กทม. หยุดเพื่อตรวจสอบ พบว่ามีผู้ที่นั่งมาในรถคันดังกล่าวทั้งหมด 4 คน เป็นชาย 2 คน หญิง 2 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือจ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ หรือ "จ่าประสิทธิ์ เสื้อแดง" อายุ 45 ปี ผบ.หมู่ ฝอ.ภูธร จว.สมุทร สาคร และเป็นประธานสมาพันธ์คนเสื้อแดง ภาคอีสาน 19 จังหวัด จากการตรวจค้นภายในรถพบเสื้อเกราะกันกระสุน 2 ตัว แผ่นซีดี "ความจริง 10 เมษา ใครฆ่าประชาชน" จำนวน 400 แผ่น เอกสารสมาชิกพรรคเพื่อไทย หมวกปราบจลาจลของกองทัพภาคที่ 1 จำนวน 1 ใบ จึงยึดไว้ พร้อมกับควบคุมตัวตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ต่อมาเวลา 03.00 น. วันที่ 23 เม.ย. เจ้าหน้า ที่ทหารก็ได้นำตัวจ.ส.ต.ประสิทธิ์ กับพวก พร้อมของกลางทั้งหมด มาส่งให้พ.ต.อ.ศานิตย์ มหถาวร รอง ผบก.ป. ดำเนินคดี ข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่ง ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ อ้างว่าของกลางที่พบนั้น เก็บมาจากที่ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงเพื่อไว้เป็นที่ระลึก ในระหว่างการสอบสวนก็ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 60 คนที่ทราบข่าว รีบเดินทางมาที่กองปราบปราม เพื่อกดดันให้ทางตำรวจปล่อยตัวจ.ส.ต.ประสิทธิ์กับพวก พ.ต.อ.ศานิตย์จึงได้สั่งการให้พนักงานสอบ สวนปล่อยตัวผู้ต้องหาไปชั่วคราว เนื่องจากต้องรอรวบรวมหลักฐาน สำหรับการดำเนินคดีตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินในภายหลัง

-ตรวจพิสูจน์รถเมธีเสื้อแดง

เมื่อเวลา 12.00 น. พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระ ทรวงยุติธรรม และที่ปรึกษาคณะทำงานคดีพิเศษ ศอฉ. เหตุการณ์ปะทะระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงกับทหารที่สี่แยกคอกวัว วันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา พร้อมคณะทำงานเดินทางมาที่ ลานจอดรถชั้น 3 บช.น. เพื่อตรวจสอบรถนายเมธี อมรวุฒิกุล ดารานักแสดง ซึ่งเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงที่ถูกจับกุม พร้อมอาวุธปืนทาร์โวของทหาร เป็นรถกระบะ มิตซูบิชิ ไทรทัน สีดำ ทะเบียน ตท 3483 กรุง เทพฯ ด้านหลังรถติดสติ๊กเกอร์ "หยุดความแตก แยก ยุบสภา" ด้านหน้ารถบริเวณคอนโซลมีดอกกุหลาบสีแดง 1 ดอกวางอยู่ โดยร่วมกับตำรวจ พนักงานสอบสวนบช.น. ร่วมกันตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเลื่อนรถดังกล่าวมาจอดที่ชั้น 4 เพื่อให้แสงสว่างมากขึ้น พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ให้ทีมงานนำกระดาษสีน้ำตาลมาแปะที่พื้นหลายแผ่นเพื่อเตรียมตรวจสอบสิ่งของ โดยต้องการหาสารประกอบระเบิด เขม่าดินปืนและดีเอ็นเอ โดยใช้เครื่องไฟโด้ในการตรวจสอบ สำหรับหลักฐานในรถพบผ้าห่มสีเขียว และแก้วพลาสติกสีชมพูวางอยู่ในกระบะด้านหลัง ภายในมีกระเป๋าเดินทางสีบรอนซ์เงินใบใหญ่ และถุงผ้าสีแดง โดยเมื่อเปิดกระเป๋าเดินทางพบเสื้อผ้าเครื่องใช้ พบเสื้อสีดำ กางเกงขาสั้น กางเกงชั้นในจำนวนหนึ่ง

-สแกนพบสารระเบิดด้วย

ส่วนในรถพบเสื้อแจ๊กเกตสีขาว ด้านหน้าปัก อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ด้านหลังปัก "สถานีประชาธิปไตย" เสื้อแจ๊กเกตสีดำของพรรคไทยรักไทย หมวกไหมพรม (ไอ้โม่ง) 2 ใบ เป็นสีดำ 1 ใบและสีน้ำเงิน 1 ใบ หมวกแก๊ป 2 ใบ ในถุงพลาสติกสีแดงพบเสื้อสีแดงสกรีนหน้าพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หลายสิบตัว บางตัวบรรจุห่อพับในถุงพลาสติกและมัดด้วยเชือก ลักษณะคล้ายเตรียมนำไปจำหน่าย

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า จากการตรวจสอบด้วยเครื่องไฟโด้มีการนำกระดาษ สำลีก้าน ตรวจสอบหาสารๆ ต่าง โดยใช้ทาบแตะกับสิ่งของที่พบในรถ และภายในตัวรถ โดยบริเวณที่วางเท้าด้านหน้าฝั่งคนขับและคนนั่งด้านหน้านั้น พบสารระเบิดจำนวนหนึ่ง และที่นั่งฝั่งด้านหลังคนขับ รวม 3 จุด ซึ่งสารดังกล่าวหากมีผู้สัมผัสเกิน 15 วินาทีก็จะปรากฏขึ้น โดยจะนำหลักฐานที่พบไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งกับเครื่องไอรอนสแกน โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งจึงเดินทางกลับ

-เหวงฉะเมธีก็ด่า"นปช."

เวลา 14.00 น. นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานนปช. เดินทางมาถึงบริเวณพื้นที่ชุมนุม ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายเมธี อมรวุฒิกุล ดารานักแสดง ที่ถูกจับพร้อมอาวุธสงครามของทหาร แต่นายวีระ ปฏิเสธตอบคำถาม กล่าวเพียงว่า ไม่เป็นไร ตนไม่ยุ่งกับเขา เป็นเรื่องของเขา อยากจะพูดอะไรก็ปล่อยให้พูดไป

ด้านน.พ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช. กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของนายเมธี ไม่เกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดง เป็นการเคลื่อนไหวส่วนตัว และระยะหลังนายเมธีก็ไม่ได้ขึ้นเวทีนปช.แล้ว แต่ไปขึ้นเวทีที่อื่น เขาแยกตัวออกไปและกล่าวโจมตีแกนนำนปช. แต่ที่เราไม่พูดเพราะเป็นเรื่องคนๆ เดียว และนายเมธีไม่ได้เป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง ขอปฏิเสธสิ่งที่นายเมธีรับสารภาพทุกประ การ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยิงทหาร หรือการประชุมกำหนดท่าทีแต่ละครั้ง นายเมธีไม่เคยเข้าร่วมประชุมด้วย

-หูดำเสนอรื้อบังเกอร์ศาลาแดง

ต่อมาเวลา 16.50 น. นายจตุพรเข้าปรึกษา กับพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พล.ต.ต. อนุชัย เล็กบำรุง ผบก.น.5 โดยทั้งสองฝ่ายต่างหารือกันอย่างเคร่งเครียด ถึงการรื้อบังเกอร์ที่ตั้งไว้ออกจากสี่แยกศาลาแดง โดยพล.ต.ต.วิชัย วาด แผนที่บริเวณแยกศาลาแดงเพื่อกำหนดจุดเคลื่อนย้ายสิ่งของออกจากพื้นที่ทั้งหมด แต่นายจตุพรแย้งว่าไม่สามารถย้ายสิ่งของออกจากไปทั้งหมดได้ เพราะถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ หลังการหารือ 15 นาที นายจตุพรได้มอบหมายให้นายอารี ไกรนรา และนายขวัญชัย ไพรพนา ไปดูพื้นที่ว่าจะย้ายสิ่งของจุดไหนได้บ้าง ก่อนกลับมาหารือกันอีก

พล.ต.ต.วิชัย เปิดเผยว่า การเจรจาครั้งนี้เพื่อขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมถอนย้ายบังเกอร์ออกจากสี่แยกศาลาแดง รวมถึงสิ่งกีดขวางทั้งหมด หากเป็นตามนั้นจะเสริมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมพื้นที่ไม่ให้ใครมาก่อความวุ่นวายอีก จึงตกลงไปตรวจพื้นที่พร้อมตัวแทนของกลุ่มนปช. เพื่อดูว่าจะขยับอย่างไรได้บ้าง

-จนท.ทูตหลายชาติโผล่ม็อบ

ด้านนายจตุพร กล่าวว่า มอบหมายให้นายขวัญชัย และนายอารี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตรวจสอบความเป็นไปได้ในการรื้อถอนบังเกอร์ เพราะคนเสื้อแดงไม่เคยมองว่าตำรวจเป็นคู่กรณีหรือเป็นศัตรู หากอะไรที่พอทำได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการชุมนุม พร้อมทำให้ แต่ยืนยันว่าจะไม่ยอมให้กองกำลังใดใช้สวนลุมพินีเป็นฐานที่มั่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิสา คัญทัพ ประกาศว่าจะมีคณะตัวแทนจากสถานทูตทั่วโลกที่ประจำอยู่ในประเทศไทย เข้าปรึกษากับแกนนำ และจะเดินดูสภาพความเป็นอยู่ของผู้ชุมนุม พร้อมประกาศเรียกผู้ชุมนุมที่นั่งพักอยู่ภายในเต็นท์ไปรวมตัวกันที่ด้านหน้าเวที เพื่อแสดงให้ตัวแทนสถานทูตทั้งหมดเห็นความร่วมมือของคนเสื้อแดง พร้อมจัดระเบียบให้ผู้ชุมนุมนั่งจนเต็มพื้นที่

เวลา 17.40 น. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย นำตัวแทนสถานทูตประเทศออสเตรีย เดนมาร์ก อาร์เจนตินา อิตาลี และเปรู ประจำประเทศไทย เข้าหารือแกนนำด้านหลังเวที ขณะที่รถคณะตัวแทนสถานทูตจอดผู้ชุมนุมต่างปรบมือต้อนรับเสียงดังสนั่นหวั่นไหว และตะโกน ต้อนรับคณะทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ

-กลุ่ม 40 ส.ว.ร่วมม็อบหลากสี

เวลา 16.00 น. บริเวณลานพระบรมรูปทรง ม้า กลุ่มประชาชนพิทักษ์ชาติหรือกลุ่มคนเสื้อหลากสี ประมาณ 2,000 คน นำโดยน.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ได้ตั้งเวทีปราศรัย โดยก่อนหน้านี้เวลา 15.30 น. มีการ์ดของกลุ่มคนเสื้อหลากสีไปปิดกั้นถนนพิษณุโลกและถนนศรีอยุธยา โดยระบุเป็นการสั่งการของน.พ.ตุลย์ เนื่องจากในช่วงเย็นจะมีผู้ชุมนุมมามาก จึงต้องปิดเพื่อรักษาความปลอดภัย ทำให้การจราจรบริเวณแยกลานพระ บรมรูปติดขัดมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การชุมนุมครั้งนี้มีบุคคลสำคัญเข้าร่วมอาทิ กลุ่ม 40 ส.ว.ประกอบด้วยนายสมชาย แสวงการ นายวรินทร์ เทียมจรัส นอกจากนี้ยังมีพล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร นายยุพยงค์ ลิ้มเลิศวาที นายวสันต์ สิทธิเขต นายนิติธร ล้ำเหลือ และนายสมชัย ศรีสิทธิยากร นายกิตติชัย ใสสะอาด อดีตหัวหน้าการ์ดพันธมิตรฯ เข้าร่วมดูแลความปลอดภัย

นายกิตติชัย เปิดเผยว่า มาร่วมในฐานะส่วนตัวเพราะมีการร้องขอให้ช่วยดูแลความปลอดภัยการชุมนุม ไม่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ การชุมนุมครั้งนี้ได้ระดมการ์ดมา 400 คน แบ่งเป็นการ์ดรอบนอกติดสัญลักษณ์ริบบิ้นสีชมพู 200 คนและการ์ดรอบในใช้ริบบิ้นสีฟ้าเป็นสัญลักษณ์ 200 คนเท่ากัน

-ปฐมพงษ์คาดเอ็ม 79 จากที่สูง

ด้านน.พ.ตุลย์ กล่าวว่า การชุมนุมวันนี้เพื่อ แสดงพลังเรียกร้องว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมคนเสื้อแดง คาดว่าจะมีผู้ร่วมชุมนุม 5 หมื่นคนและจะกระจายพลังไปทุกพื้นที่ เพื่อแสดงพลังว่าคนส่วนใหญ่ในสังคมคิดอย่างไร ส่วนเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นที่สีลม ไม่ควรเกิดขึ้น การชุมนุมวันนี้ ยอมรับว่ากลัว แต่เชื่อว่าไม่เกิดความรุนแรงใดๆ

เวลา 16.15 น. พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ นายกสภาอุณาโลม แต่งเครื่องแบบทหารเต็มยศเดินทางมาร่วมชุมนุม โดยระบุว่าได้รับเชิญมาพูดบนเวทีนี้ และแต่งทหารเพื่อแสดงว่าเป็นทหารทั้งตัวและใจ เพราะทหารไม่ยอมทำอะไร จึงเกิดความสูญเสีย นายทหารหลายคนอาทิ พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี พล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผล ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรัฐประหารมาแล้วทั้งนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สีลมเมื่อคืนวันที่ 22 เม.ย. คนลงมือเป็นมืออาชีพ โหดเหี้ยมอำมหิตมาก ลงมือสังหารคนที่ไม่มีส่วนรู้เห็น ผู้ก่อการน่าจะมี 2-3 คนผ่านการฝึกซ้อมมามาก คิดว่ายิงจากที่สูงลงมา ทำให้ยิงได้แม่นยำ

-วสิษฐร่วม-ฉะจิ๋วขอเข้าเฝ้าฯ

เมื่อถามว่านายสุเทพ ระบุยิงวิถีโค้งมจากหลัง ร.6 หน้าสวนลุม พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวว่า นาย สุเทพ เรียกชื่อปืนยังไม่ถูกเลย ต้องให้นายทหารที่มีความรู้เป็นคนแถลง เมื่อถามว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นหลายครั้ง รัฐบาลไม่สามารถระบุผู้ก่อการได้ พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวว่า ถ้าอย่างนั้นก็ควายแล้ว
พิสูจน์บึ้ม - เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบจุดเกิดเหตุระเบิดเอ็ม 79 ถล่มบริเวณสถานีรถไฟฟ้าศาลาแดง สีลม เป็นเหตุให้อาคารเสียหายหลายแห่ง มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก


ด้านพล.ต.อ.วสิษฐ กล่าวว่า มาแสดงเจตนารมณ์ปกป้องสถาบัน และไม่เห็นด้วยที่พล.อ. ชวลิต จะนำความขึ้นกราบบังคมทูล เพราะพูดอย่างนี้เหมือนไม่เคยเป็นนายกฯ ไปดึงพระองค์ท่านมาสู่การเมือง ทั้งที่เป็นอำนาจรัฐบาลดำเนินการ เมื่อถามว่าพล.อ.ชวลิต มองรัฐบาลไม่สามารถพึ่งได้แล้ว พล.ต.อ.วสิษฐ กล่าวว่า ถ้าคิดอย่างนั้นก็ตกหลุมพล.อ.ชวลิต รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลความสงบอยู่แล้ว แต่การกระทำใดๆ อยู่ที่ว่าต้องการผลอะไร เพราะเมื่อใช้กำลังอาจต้องรอเวลาหรือหาวิธีแนบเนียนกว่านั้น ไม่ให้เกิดความสูญเสีย

-อนุพงษ์ประชุมหน่วยขึ้นตรง

เวลา 13.30 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เป็นประธานการประชุม ผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ระดับนายพลขึ้นไป(ผบ.นขต.ทบ.) โดยมีพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. พล.อ.ธีระ วัฒน์ บุณยะประดับ ผช.ผบ.ทบ. พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผช.ผบ.ทบ. พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสธ.ทบ. พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ท.วีรวลิต์ จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน แม่ทัพภาคที่ 3 พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ท.ยุทธศิลป์ โดยชื่นงาม ผบ.นปอ. พล.ท.โปฎก บุนนาค ผบ.นสศ. แม่ทัพน้อยที่ 1 แม่ทัพน้อยที่ 2 แม่ทัพน้อยที่ 3 ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน เจ้ากรมการทหารช่าง เจ้ากรมการสื่อสารทหารบก เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก เจ้ากรมพลาธิการทหารบก รวมถึงผู้บัญชาการกองพล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบก ผู้บังคับการจังหวัดทหารบก เจ้ากรมฝ่ายเสนาธิการทั้งหมด เข้าร่วมประชุมกว่า 2 ชม.

เวลา 17.45 น. พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกทบ. เปิดเผยว่า พล.อ.อนุพงษ์ ได้ชี้แจงให้กำลังพลทราบถึงสถานการณ์บ้านเมือง โดยขอให้ผู้บังคับหน่วยติดตามสถานการณ์การชุมนุมอย่างใกล้ชิด รวมถึงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่โดยยึดหลักมาตรฐานสากลและไม่ใช้ความรุน แรง ส่วนแนวทางแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด คือการสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นในสังคม การใช้ความรุนแรงไม่ได้ทำให้ปัญหาหมดไป

-ย้ำจ้องล้มสถาบัน-มีจริง

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า ผบ.ทบ.กล่าวถึงการแก้ปัญหาการชุมนุมว่า การใช้กำลังเพื่อสลายการชุมนุมจะเกิดผลกระทบและความเสียหายมาก ไม่สามารถทำให้ปัญหาจบได้ วิธีที่ทำให้ปัญหาจบได้คือการสร้างความเข้าใจ ทั้งนี้ ผบ.ทบ.ได้เน้นย้ำผบ.หน่วยให้ป้องกันไม่ให้ประชาชนทำร้ายกันเพราะทุกคนเป็นคนไทย การทำงานของทหารอาจถูกกดดันจากการชุมนุมในบางพื้นที่ แต่หากใครทำผิดก็ว่ากันตามตัวบทกฎหมาย

เมื่อถามว่าผบ.ทบ.พูดถึงการสลายการชุมนุมหรือไม่ รองโฆษก ทบ.กล่าวว่า ก่อนพูดถึงจุดนั้น ท่านได้เล่าให้ฟังว่าสิ่งที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มชุม นุม รวมถึงการทำงานของทหารในการแก้ไขเหตุ การณ์ต่างๆ เป็นไปด้วยความยากลำบาก มาตร ฐานการทำงานแม้ต้องอยู่ภายใต้ภาวะกดดัน ยังคงมีมาตรฐานเหมือนเดิม

เมื่อถามว่าผบ.ทบ.พูดถึงการล้มล้างสถาบันเพื่อประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่ พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า ได้พูดถึงวัตถุประสงค์ของคนที่ทำให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมืองมี 2 ประการ คือ การต้องการเข้าสู่ศูนย์อำนาจแห่งการเมือง และเพื่อล้มล้างสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของทุกคน ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ถือเป็นหน้าที่หลักและสูงสุดที่ทุกหน่วยในกองทัพบกได้ยึดถือ จะต้องปกป้องและเทิดทูนสถาบัน

-ไม่สลายม็อบ-ไม่ให้ยุบสภา

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า แม่ทัพภาคต่างๆ ได้สะท้อนว่าบางพื้นที่รับรู้ข้อมูลข่าวสารและทัศนคติในบางอย่าง การสร้างความเข้าใจไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้เวลา ทั้งนี้ผบ.ทบ.ได้เน้นย้ำให้กำชับกำลังพลว่าหากไม่มีธุระอย่าเข้าไปในพื้นที่ชุมนุม เพราะเป็นพื้นที่อันตรายและสุ่มเสี่ยง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.อนุพงษ์ เน้นย้ำในที่ประชุมว่า ขณะนี้การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ทหารเดินมาถูกทาง โดยทหารจะไม่ใช้วิธีการสลาย หรือใช้วิธีการรุนแรงต่อกลุ่มผู้ชุมนุม และจะปกป้องทุกวิถีทางไม่ให้เกิดการยุบสภาจากการกดดันของกลุ่มผู้ชุมนุม รวมทั้งมั่นใจว่าการปฏิบัติหน้าที่ของกำลังพลต่อการเข้าขอพื้นที่ผ่านฟ้าได้ยึดหลักมาตรฐานสากล ทหารจะไม่ใช้อาวุธยิงประชาชน แต่นึกไม่ถึงที่ฝ่ายตรงข้ามจะใช้อาวุธหนัก และระเบิดทำร้ายทหาร ที่สำคัญ พล.อ.อนุพงษ์เชื่อว่าสาเหตุหลักของปัญหาที่เกิดขึ้นเวลานี้ มีเพียงคนเดียวที่ต้องการเข้าสู่จุดอำนาจทางการเมือง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ตัวเองโดยใช้วิธีปลุกปั่นมวลชน ถือเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง

-ชี้ก่อการร้ายโทษถึงประหาร

ที่ศูนย์แถลงข่าว ศอฉ. ภายในกรมทหารราบที่ 11 นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงว่า คณะกรรมการคดีพิเศษมีมติให้การกระทำความผิด ซึ่งเกี่ยวข้องกับ 4 กรณีต่อไปนี้ เป็นคดีพิเศษที่ต้องสอบสวนตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ ได้แก่ การกระทำผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย การกระทำที่เกี่ยวกับขู่บังคับรัฐบาล การกระทำที่เป็นการประ ทุษร้ายต่อประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐ และการกระทำต่ออาวุธยุทธภัณฑ์ของทางราชการ คดีทั้ง หมดเหล่านี้จะอยู่ในความรับผิดชอบของกรม สอบสวนคดีพิเศษ โดยมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานข่าวกรองฯ สำนักงานสภาความมั่นคงฯ และหน่วยงานอื่นๆ อีก 12 หน่วยงานเข้ามาร่วมรับผิดชอบ

นายธาริต กล่าวว่า แต่ยังมีเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งการระเบิดเสาไฟฟ้าสัญ ญาณแรงสูง การยิงจรวดอาร์พีจีใส่คลังน้ำมัน และการใช้ระเบิดทำลายสถานที่และมีประชาชนได้รับอันตรายจำนวนมากที่ถนนสีลม ซึ่งเข้าลักษณะความผิดฐานก่อการร้าย ในนามของดีเอส ไอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอประณามการกระทำของผู้ที่อยู่เบื้องหลัง และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายครั้งนี้ ขอเตือนว่าการกระทำดังกล่าวมีโทษตามกฎหมายถึงขั้นประหารชีวิต และให้ยุติการกระทำความรุนแรงต่อผู้บริสุทธิ์เสีย ส่วนผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง ขอให้หลีกเลี่ยงการชุมนุม ขณะนี้ถือว่าเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย

-เมธีรับยิงใส่ทหาร-ซัดคนสั่ง

นายธาริต กล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 22 เม.ย. เจ้าหน้าที่ได้จับกุมนายเมธี ดาราเสื้อแดง ตามหมายจับฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยนายเมธี มีความผิดหลายเรื่อง เรื่องหนึ่งคือความผิดฐานใช้อาวุธยุทธ ภัณฑ์ของทางราชการ ซึ่งมีโทษถึงประหารชีวิต จากการสอบปากคำนายเมธีให้การสารภาพว่า ร่วมเป็นแนวหน้าในเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อวันที่ 10 เม.ย. โดยในการปะทะกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐ บริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา กลุ่มนายเมธีได้ยึดอาวุธของทางราชการไปจำนวนหนึ่ง โดย นำปืนกลของทางราชการไปแจกจ่ายให้บุคคล อื่นหลายคน และเก็บไว้เองด้วย ต่อมานายเมธีปฏิเสธว่าให้คนอื่นไปหมดแล้ว ทั้งนี้จากการตรวจค้นรถยนต์ของนายเมธี เจ้าหน้าที่ค้นพบอาวุธปืนกลมือร้ายแรงของทางราชการ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้นายเมธียอมรับว่า มีการยึดอาวุธร้ายแรงของทหารไปใช้ในการต่อสู้จริง

นายธาริต กล่าวว่า นายเมธียังยอมรับว่าในการปะทะกัน กลุ่มของนายเมธีได้ใช้อาวุธร้ายแรงยิงใส่ทหารที่ขอคืนพื้นที่ นายเมธียอมรับว่าได้ยินเสียงคนที่สั่งยิงมาจากฝั่งเสื้อแดง โดยได้ระบุชื่อ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ขอเปิดเผยในขณะนี้ นอกจากนี้นายเมธียังระบุด้วยว่ามีการประชุมของฝ่ายสนับ สนุน เพื่อหารือแนวทางกันทุกวัน เมื่อคืนนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ที่ใช้วางแผนการดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ขอระบุว่าเป็นสถานที่ใด แต่เป็นสถานที่เอกชนที่คนทั่วไปเข้าออกได้ และอยู่ใกล้กับสถานที่ชุมนุม ส่วนเหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 บริเวณสีลม เมื่อคืนที่ผ่านมา ยังไม่สามารถบอกได้ว่า ผู้กระทำผิด มีความความเชื่อมโยงกับผู้กระทำผิดในเหตุการณ์อื่นๆ ก่อนหน้านี้หรือไม่ แต่พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าเชื่อมโยงกันหมด

อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ควบคุมตัวนายเมธีไว้ที่ค่ายทหารแห่งหนึ่ง ซึ่งตามพระราชกำหนด เจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวได้ครั้งละ 7 วัน สูงสุดไม่เกิน 30 วัน แต่หลังจากนั้นอาจจะมีการควบคุมตัวต่อในความผิดฐานอื่นร่วมด้วย ทั้งนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสืบสวนอย่างตรงไปตรงมา และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

-วีระถอยแล้วให้ยุบใน 30 วัน

เวลา 17.30 น. ที่เวทีราชประสงค์ พรรคเพื่อไทยนำเอกอัครราชทูตและตัวแทนทูต 5 ประเทศ ประกอบด้วย ออสเตรีย เดนมาร์ก เปรู อิตาลี อาร์เจนตินา มาบริเวณเวที โดยผู้ชุมนุมร้องต้อนรับว่า "เวลคัม ทู เดอะ แลนด์ ออฟ เรดเชิ้ต" จากนั้นคณะทูตหารือกับแกนนำ นปช. 30 นาที โดยน.พ.เหวงเป็นล่าม ผู้แทนทูตออสเตรีย ถามถึงโอกาสเจรจาระหว่างรัฐบาลกับคนเสื้อแดง นายวีระตอบว่า นปช.เปิดประตูตลอด เบื้องต้นนปช.เสนอยุบสภาใน 15 วัน แต่เมื่อเกิดเหตุ การณ์ 10 เม.ย. กลุ่มคนเสื้อแดงจึงเปลี่ยนข้อเรียกร้องมาเป็นยุบสภาทันที แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ซ้ำในวันที่ 22 เม.ย. ทั้งสองครั้ง มีคนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก กลุ่มคนเสื้อแดงจึงตระหนักถึงชีวิตและความปลอดภัยของประชาชน เราจึงยินดีเปิดการเจรจากับรัฐบาล โดยมีเงื่อนไขใหม่บนความต้องการรักษาชีวิตของประชาชน จึงยอมเสียสละขอให้รัฐบาลยุบสภาภายใน 30 วัน เวลาในช่วงนั้น รัฐบาลสามารถดำเนินการเรื่องสำคัญๆ ได้ หลังจากนั้นรัฐบาลยังอยู่ใต้เงื่อนไขรัฐธรรม นูญ คือมีเวลารักษาการอีก 60 วัน รวมระยะเวลาแล้ว รัฐบาลมีเวลา 90 วัน ตัวเลขนี้เป็นตัวเลขกลางๆ ที่นักวิชาการและกลุ่มอื่นๆ เห็นชอบร่วมกัน เชื่อว่ารัฐบาลคงตัดสินใจได้ หวังว่ารัฐบาลจะแสดงความรับผิดชอบกับการเสียชีวิตของประชา ชน คืนนี้จะพูดจากับคนเสื้อแดงให้สบายใจ

-ประกาศกลางราชประสงค์

นายวีระขึ้นกล่าวถึงผลการหารือกับคณะทูตให้ผู้ชุมนุมบนเวทีฟังว่า แต่ละประเทศเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าต้องการเห็นสันติภาพ การเจรจา และการตกลงกันภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสม ไม่มีใครอยากเห็นการเสียชีวิต เลือดเนื้อของคนไทย เราได้รับคำสรรเสริญจากหลายประเทศว่าใช้แนว ทางสันติ อหิงสา เขาสนับสนุน แต่ต้องหาทางป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นอีก ทั้งนี้ นปช.มีข้อเสนอไปยังรัฐบาลว่ายินดีเปิดการเจรจาภายใต้เงื่อนไขใหม่ 3 เงื่อนไขคือ 1.รัฐบาลต้องยุติการคุกคามทุกรูปแบบ 2.มีกรรมการอิสระเป็นกลางสอบสวนเหตุการณ์ 10 เม.ย. และ 22 เม.ย. โดยรัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบ 3.นปช.ยินดียืดเวลาการยุบสภาเป็นภายใน 30 วัน เพื่อรัฐบาลจะได้เตรียมการเท่าที่จำเป็น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการหารือ นายวีระพยายามบอกน.พ.เหวงให้เชิญเอกอัครราชทูตขึ้นไปปรากฏตัวบนเวทีหลังเวลาเคารพธงชาติ แต่ทูตได้หารือกันและมีความเห็นตรงกันว่า จะไม่ขึ้น เนื่องจากไม่อยากให้เกิดข้อเปรียบเทียบกับการที่รัฐบาลจะเจรจากับนปช.อีกครั้ง ไม่ให้ใครได้หน้า หรือเสียหน้ากันอีก หลังจากนั้นจึงเดินทางกลับทันทีภายหลังการหารือเสร็จ

-ม็อบหลากสีถึง 1 หมื่นแล้ว

ส่วนที่ลานพระบรมรูปทรงม้า กระทั่งเวลา 17.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมหลากสีทยอยมารวมตัวประมาณ 1 หมื่นคน จนเต็มลานพระบรมรูปฯ เลยไปถึงถนนศรีอยุธยา และมีบางส่วนเลยไปถึงถนนพิษณุโลก บนเวทีมีการปราศรัยโจมตีการชุมนุมคนเสื้อแดง และเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามารับผิดชอบดำเนินการอย่างเด็ดขาด ต่อมาเวลา 18.30 น. น.พ.ตุลย์อ่านแถลงการณ์ รวมพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดินตอนหนึ่งว่า ขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ แสดงความกล้าหาญและเสียสละ ในการจัดการกับการชุมนุมที่ไม่เป็นไปตามวิถีระบอบประชาธิปไตยโดยเด็ดขาด ด้วยการออกกฎอัยการศึก และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น เพื่อแก้ปัญหาของแผ่นดินและนำประเทศกลับคืนสู่ความสงบและสันติโดยเร็ว และนัดหมายชุมนุมอีกครั้งวันที่ 24 เม.ย. เวลา 16.00 น. ที่สวน จตุจักร จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมสลายตัวไปในเวลา 19.00 น.

-โรงเรียนเก่าอัปเปหิ"ณัฐวุฒิ"

จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มศิษย์เก่าโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.นครศรีธรรม ราช นำโดยนายสุเมธ สอดจิตต์ ออกแถลงการณ์ใบปลิวเชิญชวนศิษย์เก่า ทุกรุ่น ร่วมแสดงพลัง "อัปเปหิ" นายณัฐวุฒิ ออกจากสายสัมพันธ์แห่งเลือดแดง-ขาว (สีสัญลักษณ์ของโรงเรียน) โดยด่วน เชิญพบปะ พูดคุย และลงบัญชีหางว่าว ณ ลานพระบรมรูปเสด็จพ่อ ร.5 ร.ร.เบญจมราชูทิศ จ. นครศรีธรรมราช" วันที่ 26 เม.ย.53 เวลา 09.00 เป็นต้นไป นอกจากนั้นยังเชิญชวนพี่น้องชาวนครศรีธรรมราชมาร่วมแสดงพลัง ปกป้องประเทศไม่ให้กลุ่มคนเสื้อแดงที่กระทำการเพื่อคนเพียงคนเดียว ยอมทำลายประเทศ ทำลายสถาบันอันเป็นที่หวงแหนของคนทั้งชาติอย่างไม่มียาง อาย

-ประชาไทฟ้องถูกปิด-ศาลยก

เวลา 18.00 น. ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านพิพากษาในคดีที่ 1455/ 2553 ที่มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน โดย น.ส.จีรนุช เปรมชัยพร ผู้รับมอบอำนาจ เป็นโจทก์ฟ้องนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) กระทรวงไอซีที และกระทรวงการคลัง เป็นจำเลยที่ 1-5 เรื่องละเมิด โดยฟ้องว่าเป็นเจ้าของเว็บไซต์ ข่าวประชา ไท ซึ่งถูกจำเลยร่วมกันสั่งปิด ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการปิดกั้นเว็บไซต์ของโจทก์ และให้จำเลยที่ 1-4 เปิดการเข้าถึงเว็บไซต์ ข่าวประชาไท และให้จำเลยทั้งหมดร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย 350,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย. และให้ชดใช้ค่าเสียหายรายวัน วันละ 20,000 บาท นับจากวันที่ 23 เม.ย. ซึ่งเป็นวันฟ้อง จนกว่าจะหยุดกระทำ

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การประกาศสถาน การณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเมื่อวันที่ 7 เม.ย. เป็นการใช้อำนาจบริหารราชการแผ่นดินตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ระบุไว้ การกระทำของจำเลยที่ 1- 2 จึงอยู่ในขอบเขตที่กฎหมายให้อำนาจไว้ ส่วนจำเลยที่ 3 ในฐานะ รมว.ไอซีทีซึ่งต้องปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยที่ 1 จึงเป็นเพียงผู้ดำเนินการตามคำสั่ง โดยอาศัยอำนาจของจำเลยที่ 2 การกระทำของจำเลย 1- 3 จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย 4 -5 ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐได้ พิพากษายกฟ้อง

-จตุพรแจงบนเวที-เหตุถอย

เวลา 19.15 น. นายจตุพร ขึ้นปราศรัยว่า ทราบว่ามีประชาชนไม่สบายใจเรื่องเงื่อนไขให้ยุบสภาภายใน 30 วัน เป็นเพราะวันนี้ตัวแทนทูตจากหลายประเทศมาดูคนเสื้อแดง ในขณะที่เราถูกกล่าวหาว่ารุนแรง แข็งกร้าว ตลอดจนก่อการร้าย นายวีระจึงต้องสื่อสารกับตัวแทนทูต เหมือนกับที่ได้คุยกับองค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ว่าคนเสื้อแดงต้องการประชาธิปไตย ไม่ต้องการให้มีการสูญเสียล้มตายเหมือนวันที่ 10 เม.ย.อีก หรือในเหตุการณ์วันที่ 22 เม.ย. ที่ถูกนายสุเทพระบุว่าระเบิดยิงมาจากฝั่งหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.6 ซึ่งเป็นจุดที่คนเสื้อแดงอยู่ ก็เป็นการป้ายสี มีทหารแตงโมแจ้งมาว่าวิถีกระสุนที่น่าสงสัยที่สุด คือมาจากตึกซีพี หรือธนาคารกรุงเทพ สาขาสำนักงานใหญ่ พวกม็อบหลากสีจริงๆ ก็มาจากแก๊งสีน้ำเงินกับพวกเสื้อเหลืองที่ไปเจอกันที่อเมริกา สิ่งที่เกิดขึ้นคือกำลังมีการเอาชีวิตประชาชนต่อชีวิตรัฐบาล แม้กระทั่งใช้เลือดพวกเดียวกันมาอุ้มตัวเองก็ยอม นปช.ประชุมกันและเห็นว่าสถาน การณ์ถัดจากนี้ รัฐบาลกำลังใช้สงครามตัวแทน เอาประชาชนเป็นเครื่องห้ำหั่น

นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อทูตมาพบเราก็ต้องแสดงให้เห็นว่าเสื้อแดงใจกว้าง มีเหตุผลกับนานาประเทศ และเสื้อแดงก็มีจุดถอย แต่เงื่อนไขนี้เราไม่เคยคาดหวังกับนายอภิสิทธิ์ หรือรัฐบาลชุดนี้ว่าจะรับข้อเสนอ ยืนยันว่าจุดเดียวที่ไม่ถอยคือ ต้องดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ ฐานเข่นฆ่าประชาชน เราต้องการอธิบายโลกว่า เราไม่อยากให้มีความสูญเสียอีก คนที่เป็นแกนนำเจ็บปวดที่สุดที่เวลาเกิดเหตุ ประชาชนตาย แกนนำรอด จึงต้องมีมตินี้ออกมาเพื่อไม่ให้ใครตายอีก ที่หลายคนเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจว่าจะรออีก 30 วันหรือ ขอให้คิดว่าเราร่วมกันสู้มา 4 ปี พวกตนไม่ทรยศทุกคน แต่นี่คือยุทธวิธีที่ต้องให้เห็นว่าเราสงบ สันติ อหิงสา พร้อมถอยบางก้าวให้ต่างชาติเห็นว่าคนเสื้อแดงมีเหตุผล เป็นประชาชนต้อง การความเป็นธรรม ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าเพิ่งน้อยใจเก็บผ้ากลับบ้าน เรายังคงปักหลักต่อสู้ต่อไป

-ม็อบสีลมไม่กลัว-มาโห่ต่อ

เวลา 19.00 น. ที่แยกศาลาแดง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเจรจาให้กลุ่มคนเสื้อแดงย้ายเต็นท์ร่นไป 150 เมตร เพื่อป้องกันเหตุปะทะกับคนเสื้อหลากสี เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายร้อยนายประจำการตามจุดต่างๆ โดยรอบ รวมทั้งนำรถผู้ต้องขัง 4 คัน มาขวางไว้ ทั้งนี้เหตุการณ์เป็นไปอย่างปกติ ไม่มีเหตุรุนแรง ฝั่งกลุ่มคนเสื้อแดงที่อยู่ฟากพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 หลายร้อยคน ร่วมปักหลักฟังการปราศรัยจากแกนนำที่ตั้งเป็นเวทีย่อยที่ดัดแปลงมาจากรถ 6 ล้อติดกับป้อมปราการคนเสื้อแดง ขณะที่ฝั่งกลุ่มคนเสื้อหลากสี ฝั่งสีลมมีกว่า 100 คน ที่ยืนและโบกธงชาติ ต่างโห่ฮาคนเสื้อแดงที่ปราศรัย อยู่เป็นระยะ แต่ไม่มีเหตุรุนแรง

-ณัฐวุฒิฟันธง-มาร์คอยากเลิก

เวลา 19.50 น. ที่เวทีสี่แยกราชประสงค์ นายณัฐวุฒิปราศรัยว่า ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.จนถึงวันนี้ 40 กว่าวันแล้วที่ยืนหยัดต่อสู้ ไม่มีใครเชื่อว่าเราจะเดินมาได้นานขนาดนี้ รัฐบาลดูถูกว่าไปไม่รอด แต่เราก็ผ่านมาได้อย่างแข็งแกร่ง ทำให้รัฐบาลไม่สบายใจ เกจิอาจารย์นักวิเคราะห์ต่างเห็นว่าเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย หากจำเป็นต้องต่อสู้อีก 3-5 เดือน หรือต่อสู้จนกว่าจะได้รับชัยชนะก็อยู่ได้ ความสำเร็จของเราแลกมาด้วยคราบเลือดและคราบน้ำตา จากเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย.

นายณัฐวุฒิปราศรัยว่า วันนี้นายอภิสิทธิ์ยังอยู่ในตำแหน่งนายกฯ ยังไม่ตัดสินใจใดๆ ทางการเมือง จากที่ผ่านมานายกฯ คนใดมือเปื้อนเลือดไม่สามารถอยู่ต่อได้ ตั้งแต่จอมพลถนอม กิตติขจร มาถึงพล.อ.สุจินดา คราประยูร เป็นนายกฯ จน ถึงวันนี้กว่า 10 วันแล้วนายอภิสิทธิ์ยังไม่ออก เราต้องมองความจริงว่าสิ่งที่เราสู้อยู่ไม่ใช่นายอภิสิทธิ์ แต่เป็นกลุ่มคนกลุ่มอำนาจที่อยู่เบื้องหลัง ตนฟันธงล้านเปอร์เซ็นต์นายอภิสิทธิ์ต้องการไปจากเก้าอี้นายกฯ นานแล้ว แต่อำมาตย์ให้นั่งอยู่ต่อ ถ้าเราต้องการชนะเราประสบชัยชนะตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.แล้ว เป็นวันที่นายอภิสิทธิ์ถึงแก่กรรมทาง การเมือง ไม่เหลือความชอบธรรมใดๆ ที่จะอยู่ในตำแหน่งนายกฯ ได้อีกต่อไป

-ท้า 30 วันคือท้าทายป๋าเปรม

นายณัฐวุฒิปราศรัยว่า การที่ทูต 40 ประเทศมาดูแลแสดงความห่วงใยเรา นายอภิสิทธิ์หมดราคา ตายทางการเมืองไปแล้ว แต่วิญญาณอำมาตย์ยังสิงอยู่ สิ่งที่จะทำคือหาจังหวะสลายการชุมนุม ทำลายความชอบธรรม วันนี้เราประชุมกัน ก่อนแกนนำมีมตินี้เราคิดโดยละเอียด ตั้งแต่การต่อสู้วันที่ 12 มี.ค.ไม่เคยเพลี่ยงพล้ำ ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบนายอภิสิทธิ์ การประกาศเป็นเงื่อนไขให้ยุบสภาภายใน 30 วัน เป็นการท้าทายอำนาจที่อยู่ข้างหลังนายอภิสิทธิ์คือพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ว่าจะทำอย่างไร จะใช้นายอภิสิทธิ์เป็นร่างทรง ใช้กำลังทหารตำรวจสลาย หรือให้นายอภิสิทธิ์ใช้อำนาจของประชาชนยุบสภาเลือกตั้งใหม่

"ถ้าพรุ่งนี้นายอภิสิทธิ์ประกาศยุบสภาแสดงว่าอำมาตย์ยอมรับเงื่อนไข ถ้าพรุ่งนี้ไม่รับข้อเสนอทั้งโลกจะรู้ว่าอำนาจอำมาตย์ต้องการเข่นฆ่าประชาชน เราต้องการถามพล.อ.เปรม ต้องการคืนอำนาจให้ประชาชน หรือวางแผนฆ่าประชา ชนข้างถนนกันต่อไป ถือเป็นการรุกของเรา การยุบสภาเป็นโอกาสเดียวที่จะยุติการนองเลือด การสูญเสียของประชาชน ทำให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้" นายณัฐวุฒิกล่าว

-ถ้าไม่รับก็จะรบกันต่อ

นายณัฐวุฒิปราศรัยว่า หากนายอภิสิทธิ์ยืนยันจะยุบสภาภายใน 6 เดือนเราไม่ออกจากที่นี่ จะอยู่ต่อไป นายอภิสิทธิ์ต้องตัดสินใจ หากจะเจรจาว่าภายใน 1 เดือนจะยุบสภาต้องเตรียมทำอย่างไรก็มาคุยกันได้ แต่ถ้าไม่ยอมรับเงื่อนไขก็คุยกันไม่ได้ หลังจากวันที่ 24 เม.ย.เราจะได้เตรียมต่อสู้ ไม่ว่าจะเดินหน้ายื่นเรื่องให้ยูเอ็น ส่งกำลังมาสังเกตการณ์ปกป้องเรา การเรียกร้องให้ถอยคน ละก้าว วันนี้เราถอยให้เห็นแล้ว ถ้านายอภิสิทธิ์ไม่ยอมรับเงื่อนไขก็ต้องสู้กันใหม่ สัปดาห์หน้าประกาศยุทธวิธีการรบใหม่ เพราะเราจะยอมถอยง่ายๆ ได้อย่างไร เป็นยุทธวิธีบี้หัวใจอำมาตย์ จะได้เห็นหน้าเห็นหลังกันตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ไม่เกิน 5 วันรู้เรื่อง

นายณัฐวุฒิปราศรัยว่า ถ้านายอภิสิทธิ์ดึงดัน แล้วเราต้องพ่ายแพ้ แกนนำถูกจับ ประชาชนก็กลับบ้านไป แต่ถ้านายอภิสิทธิ์ดึงดันแล้วเราชนะ จะสอยลงทั้งพวง ทั้งอำมาตย์และรัฐบาลอำมาตยาธิปไตย คราวนี้จะมัดพวงอำมาตย์ ถ้าชัยชนะของรัฐบาลคือการเข่นฆ่าประชาชน ซากศพของประชาชนที่เพิ่มขึ้น ชัยชนะของคนเสื้อแดงคือ ยุติการเข่นฆ่า และทุกคนปลอดภัย เปิดเส้นทางประชธิปไตยให้เดินหน้าไปได้

-มาร์ควอนสีลมอย่าเผชิญหน้า

เวลา 20.30 น. ที่ศอฉ. นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่า จากเหตุการณ์คืนวันที่ 22 เม.ย. วันนี้มีการปรับปรุงและกำชับเรื่องกำลังเพื่อดูแลและแก้ไขสถานการณ์ สิ่งที่ทำมากที่สุดคือกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเผชิญหน้าระหว่างกัน ทางตำรวจได้ดำเนินการกับผู้ชุมนุมให้ปรับเรื่องเต็นท์และจุดที่ชุมนุม เพื่อถอยห่างออกมาจากสวนลุมพินี ขณะเดียวกันได้ขอร้องผู้ชุมนุมของถนนสีลมว่าถ้าจะแสดงออก ขออย่าออกมาเผชิญหน้าหรืออยู่บริเวณถนน

นายกฯ กล่าวว่า ขอย้ำอีกครั้งว่าตนและผู้เกี่ยวข้องพยายามแก้ปัญหา ตนเข้าใจความรู้สึกของคนจำนวนมาก และยืนยันว่าไม่มีเหตุผลที่เราจะต้องจำนนต่อพฤติกรรมในลักษณะเช่นนี้ แต่การจะแก้ไขสถานการณ์ ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดในระยะยาว แต่มีข้อจำกัดที่ต้องขจัดทิ้งไป ยอมรับว่าการดำเนินการของภาครัฐไม่สามารถทำได้ตามใจชอบ แม้แต่ที่ศาลแพ่งมีคำวินิจฉัยออกมา ก็ยืนยันว่าการเข้าไปสลายหรือดำเนินการต่างๆ ต้องเป็นกรณีจำเป็น ทำตามหลักสากล ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากในการต่อสู้กับคนที่ใช้นอกรูปแบบและใช้วิธีที่ผิดกฎหมาย รัฐบาลไม่มีสิทธิทำอะไรที่ผิดกฎหมายในแบบเดียวกัน ยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหาให้ได้

-แยกผู้ก่อการร้ายออกมาไม่ง่าย

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ คำวินิจฉัยของศาล รัฐบาลคงไม่อุทธรณ์ สิ่งที่ศาลยืนยันคือการชุมนุมในปัจจุบัน ถือว่าเกินเลยขอบเขตรัฐธรรมนูญและศาลได้บอกว่าการมาขอความคุ้มครองเด็ดขาดเพื่อไม่ให้สลายการชุมนุมนั้น ศาลให้ไม่ได้ แต่สิ่งที่ศาลย้ำคือการปฏิบัติการอะไร รัฐบาลต้องทำเท่าที่จำเป็น ต้องมีขั้นตอนและปฏิบัติตามหลักสากล ไม่เช่นนั้นจะถือว่ารัฐบาลทำผิดกฎหมาย

นายกฯ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นคือผู้ก่อการร้ายกับเด็ก ผู้หญิง ประชาชนที่ไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายอยู่ปะปนกัน การกระทำที่จะทำได้ต้องทำกับผู้ก่อเหตุเท่านั้น เราจึงพยายามเดินหน้าแยกกลุ่มคนเหล่านี้ออกมา ซึ่งไม่ง่าย แต่เราจะทำให้ถึงที่สุด และหาทางแก้ไขต่อไป วันนี้ทราบดีว่าอารมณ์ ของคนไปไกลและคงไม่สามารถบอกได้ว่าคนเหล่านี้ไม่มีเหตุผล หรือไม่มีสิทธิ์ที่จะคิดหรือรู้สึกเช่นนั้น แต่การแก้ไขปัญหาให้สังคมเกิดความสงบสุขได้อย่างยั่งยืน บางครั้งไม่สามารถใช้วิธีการอย่างที่เรานึกหรือคิดได้ แต่ต้องคำนึงถึงปัจจัยและผลกระทบที่จะตามมา และยืนยันว่าเราจะต้องบริหารไม่ให้ความรู้สึกของประชาชนจำนวนมาก นำไปสู่การปะทะหรือใช้ความรุนแรงเข้าใส่กัน

-ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้-ไม่ขออยู่

เมื่อถามว่าวันนี้ประชาชนรู้สึกไม่สามารถพึ่ง พาอำนาจรัฐได้ จนออกมาแก้ไขเองจะดำเนินการอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า "ผมคงไม่ให้ไปถึงจุดนั้นและผมคงปล่อยไปถึงจุดนั้นไม่ได้ ถ้าผมทำไม่ได้ ผมก็ไม่ควรอยู่ ผมยืนยันว่าเราพยายามทำทุกอย่าง แต่ทราบดีว่ายังไม่ดีพอในขณะนี้ ซึ่งผมมีการประเมินอยู่ตลอดเวลา ถึงจุดหนึ่งถ้าหากมีความชัดเจนว่าเราทำอะไรไม่ได้ ผมก็ต้องรับผิดชอบ ไม่ต้องกังวลตรงนั้น เพราะผมไม่ได้เข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้เพื่อการต่อสู้ให้ตัวเอง"

เมื่อถามย้ำว่า การที่นายกฯพูดว่าทำไม่ได้ก็อยู่ไม่ได้หมายความว่าอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อย่างที่พูดไปแล้ว ตนมีหน้าที่แก้ไขปัญหา ถ้าตนแก้ไม่ได้ก็ไม่ควรอยู่ แต่ขณะนี้ตนได้ติดตามและมีแนวทางอยู่ ซึ่งอาจไม่ตรงกับความคิดของหลายคน แต่ต้องพยายามไม่ให้เกิดความเสียหายมากกว่านี้ ถ้าเป็นเช่นนั้นจะกลายเป็นกฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย ต่อไปใครไม่พอใจรัฐบาลจะออกมาเคลื่อนไหวเช่นนี้ต่อไป ทั้งนี้ คนที่เขาไม่พอใจก็อยากให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ บางคนบอกให้ลาออกไป ตนก็เพียงบอกว่าตนไม่อยู่ ถ้าตนไม่คิดจะแก้ไขปัญหา และสภาพที่เป็นอยู่เชื่อว่าตนทุกข์ไม่แพ้คนอื่นเหมือนกัน และตนตั้งใจจะแก้ไขปัญหา

-เมินข้อเสนอแดงท้ายุบ 30 วัน

นายกฯ กล่าวถึงการจับกุมนายเมธีว่า มีส่วนช่วยสืบทราบเบาะแสต่างๆ และขยายผล มีภาพที่ต่อได้ชัดเจนขึ้น สามารถขยายผลต่อไปได้ แต่วันนี้ยังไม่สามารถลงรายละเอียดเรื่องการสอบสวนได้ทั้งหมด แต่สิ่งที่ได้จากการสอบปากคำมา 2 วันเป็นประโยชน์หลายด้าน โดยเฉพาะความชัด เจนของกลุ่มคนชุดดำ และกลุ่มที่ใช้อาวุธ

เมื่อถามถึงนายวีระ เสนอยุบสภาภายใน 30 วัน และมีการเจรจาในคืนวันนี้ นายกฯ กล่าวว่า ที่อ้างว่าจะมีการเจรจาในคืนนี้ ตนเข้าใจว่าเป็นความพยายามนัดหมาย โดยกลุ่มสันติวิธี แต่ไม่มีการพบกัน เมื่อถามว่านายวีระ ยื่นเงื่อนไขยุบสภา 30 วัน นายกฯ กล่าวว่า เบื้องต้นสิ่งสำคัญคือ ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย และทุกคนต้องรับผิดชอบกับการกระทำที่เกิดขึ้น ส่วนปัญหาการเมืองเป็นหน้าที่ฝ่ายการเมืองต้องแก้ปัญหากันต่อไป

เมื่อถามว่าทำไมทุกครั้งที่ยื่นเงื่อนไขเจรจา จะเกิดเหตุรุนแรงขึ้นทุกครั้ง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถามทางฝ่ายเขามากกว่า แต่ตนยืนยันว่าการจะหาคำตอบทางการเมือง ต้องไม่ใช่ลักษณะที่เป็นผลมาจากการใช้วิธีการข่มขู่ เรื่องอย่างนี้เป็นไปไม่ได้ เมื่อถามถึงข้อเสนอตั้งคณะกรรมการกลางตรวจสอบอาวุธ คืบหน้าถึงไหน นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้มีแนวทางต้องให้เข้าไปตรวจค้นให้ได้ การดำเนินการของตำรวจจนผู้ชุมนุมร่นถอย ถือเป็น การคุ้มครองส่วนหนึ่ง ถ้าผู้ชุมนุมยืนยันจะชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ ต้องเปิดโอกาสให้ตรวจพื้นที่อย่างชัดเจนว่าไม่มีอาวุธ ซึ่งกลไกของรัฐมีการแก้ ไขและกำชับกำลังในการดำเนินการ

เมื่อถามว่าในฐานะผู้นำประเทศ การที่มีคนเสียชีวิตจากปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นจะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์ ไม่ตอบคำถาม ก่อนจะแหวกวงล้อมผู้สื่อข่าวเดินกลับไปที่กองบัญชาการ ศอฉ.ทันที

ที่มา.ข่าวสด
*************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น