--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2553

"จาตุรนต์"หนุนรัฐบาล-แกนนำเสื้อแดง เจรจารอบ 3 หวังยุติความเสียหายทั้งสองฝ่าย

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวกรณีที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้รัฐบาลกับแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ เปิดการเจรจารอบ 3 ว่า ควรจะเป็นอย่างนั้นมาถึงขั้นนี้แล้ว เพราะการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย.เห็นแล้วว่าทำให้เกิดการเสียหายทั้ง 2 ฝ่าย ไม่สามารถหยุดการชุมนุมได้ ทั้งนี้ศาลแพ่งได้สั่งคุ้มครองชั่วคราวการดำเนินการต้องจากเบาไปหาหนัก เท่ากับเป็นการส่งเสริมไม่ให้มีการใช้ความรุนแรง ซึ่งทางแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงก็ได้ประกาศแล้วพร้อมที่จะเจรจา และเปลี่ยนข้อเสนอไปบ้างแล้ว เมื่อเป็นอย่างนี้ทางออกที่ดีที่สุดควรเจรจากัน เหลือแต่ทางรัฐบาลว่าพร้อมที่จะเจรจากันหรือไม่ แต่เท่าที่ดูนายกรัฐมนตรีเองก็ยังพูดว่า จะดำเนินการตามกฎหมาย จะไม่ทำตามคำข่มขู่ พูดคล้าย ๆ ว่า ยังไม่ต้องการเจรจา ทั้ง ๆ ที่การชุมนุมผิดแค่การปิดการจราจรกับเรื่องความสะอาดและจะให้เลิกการชุมนุมไปเลย

"แต่สิ่งที่สำคัญในเวลานี้นายกฯควรจะคิดก็คือ การเจรจายุบสภาเร็วขึ้น ซึ่งตรงนี้ไม่ใช่เป็นการแพ้หรือยอมแพ้เสื้อแดง แต่เป็นการหาทางออกประเทศ หลีกเลี่ยงคนไทยรบลาฆ่าฟันกันเอง หลีกเลี่ยงการรัฐประหาร เนื่องจากคุมสถานการณ์ไม่ได้ การตัดสินใจไม่ควรมองเรื่องแพ้หรือชนะ หรือเป็นการยอมคนเสื้อแดง และการเจรจาไม่ควรเจรจาออกทีวี แต่ควรมีการพูดคุยกันนอกรอบ หาข้อสรุปสาระที่สำคัญ แล้วเปิดการพบปะกันอย่างเปิดเผย และเมื่อได้ข้อสรุปแล้วรัฐบาลควรยกเลิกกฎอัยการศึก ส่วนคนเสื้อแดงย้ายการชุมนุมกลับไปที่ผ่านฟ้าหรือสนามหลวง ส่วนเรื่องของเงื่อนไขเวลาน่าจะมากกว่า 3 เดือน เพราะต้องยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นห่วงเรื่องของการยุบพรรคที่คดี 29 ล้านที่น่าจะใช้เวลาเดือนกว่าที่จะได้ข้อยุติ ตรงนี้ 2 เดือนก็น่าจะพอ แต่ถ้าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยก็น่าไม่เกิน 3 เดือน"

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า เวลานี้ต่างฝ่ายต่างรับข้อมูลที่ไม่ตรงกัน พบหลักฐานสร้างสถานการณ์จากฝ่ายเจ้าหน้าที่และมือที่สามอย่างต่อเนื่อง มีการขวางระเบิดขวดเข้าไปยังผู้ชุมนุมตำรวจจะจับทหารก็ขวางไว้ ฝ่ายที่สามยิงใส่คนสีลม จึงเห็นได้เลยว่าข้อมูลไม่ตรงกัน ยิงมาจากทางไหน รัฐบาลกลับด่วนสรุปว่ามาจากฝั่งเสื้อแดง ออกข่าวฝ่ายเดียว ทำให้คนไทยเกลียดชังกันจึงต้องรีบเปิดการเจรจาหยุดทำให้คนไทยเกลียดชังกัน และหยุดการสูญเสีย ซึ่งทูตประเทศต่างๆ รัฐบาลอีกหลายประเทศ รวมทั้งเลขาฯยูเอ็นก็ห่วงใย ไม่อยากให้รัฐบาลใช้ความรุนแรงแก้ไขปัญหา อยากให้แก้ไขปัญหาอย่างสันติ ส่วนที่ทางศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ศอฉ.ระบุว่า ถ้าผู้ชุมนุมเหลือน้อยก็ต้องมีการสลายนั้น ก็เป็นการสวนทางของทุกฝ่ายที่ต้องการให้มีการเจรจา เพราะทางศอฉ.พูดจาจนทำให้น่ากลัวไปหมดแล้ว และเชื่อว่าเป็นการข่มขู่เท่านั้น

เมื่อถามว่า มีข่าวว่านายกฯเปลี่ยนคนเจรจาจากนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นคนอื่นแล้ว นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ถ้ามีการเปลี่ยนตัวจริงก็ต้องดูกันก่อน ที่จริงนายกอร์ปศักดิ์มีท่าทีที่อยากให้มีการเจรจาอย่างชัดเจน และจากประสบการณ์ในการเป็นคนกลางประสานการเจรจาระหว่างนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช.กับนายกอร์ปศักดิ์ เพื่อหยุดการปะทะในวันที่ 10 เม.ย.ก็เห็นชัดเจนว่านายกอร์ปศักดิ์มีความตั้งใจยุติสถานการณ์ แต่หากเป็นคนอื่นโดยไม่ตั้งใจจะมาแก้ไขปัญหาก็น่าจะเสียหาย

ผู้สื่อข่าวถามว่า จนถึงเวลานี้แล้วการที่นายกฯยังไม่ตัดสินใจดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งรวมถึงการเจรจา มองได้หรือไม่ว่านายกฯถูกบีบจากหลายด้าน นายจาตุรนต์ กล่าวว่า จะมีใครบีบนายกฯหรือไม่นั้นพูดยาก ซึ่งเรื่องที่ทำให้นายกฯตัดสินใจได้ยากมีอยู่ 2 เรื่องคือ การแต่งตั้งผู้บัญชาการทหารบก เพราะนายกฯอยากอยู่ถึงการแต่งตั้ง ซึ่งถ้าอยู่ถึงการแต่งตั้งเดือนส.ค.ก็น่าจะแต่งตั้งได้แล้ว ส่วนอีกเรื่องคือคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่า พรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสสูงที่จะถูกยุบพรรค หากมีการยุบพรรคประชาธิปัตย์ในทันที จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์เสียเปรียบอย่างมาก พรรคประชาธิปัตย์อยากมีความชัดเจนก่อนในคดียุบพรรค หากถูกยุบในคดี 29 ล้าน พรรคประชาธิปัตย์จำเป็นต้องหาพรรคใหม่ จาก 2 เรื่องนี้ทำให้นายกฯตัดสินใจได้ยาก ส่วนจะใครบีบนายกฯหรือไม่นั้น ตนก็มองว่าหลายฝ่ายก็วิเคราะห์ไปในทางนั้น

ที่มา.กรุงเทพธุรกิจ
********************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น