โยงรง.ที่วังน้อย ไม่เกี่ยวม็อบแดง
ตร.ชาร์จจับจ.ส.ต.เจ้าของระเบิดเอ็ม 79 ได้แล้วกลางสี่แยกที่ลำลูกกา-ปทุมธานี ขณะขับปิกอัพไปเบิกเงิน 7 แสนบาทเตรียมเผ่นไปต่างจังหวัด ผบช.ภาค 1 ระบุตามเช็กความเคลื่อนไหวของคนร้ายพบมีการไปเบิกเงินหลายแบงก์จึงส่งทีมออกไล่ล่ากระทั่งมาเจอที่กลางสี่แยก ค้นในรถพบปืน 9 ม.ม. 1 กระบอก จ.ส.ต.สารภาพหมดเปลือกกำลังจะเอาเอ็ม 79 ทั้ง 63 ลูกไปส่งรถทัวร์ไปแม่สาย ขายให้ชนกลุ่มน้อย แต่มาเจอด่านสห.ไล่กวดจับจนต้องโยนของกลางทิ้ง บัตรปชช.ที่พบขโมยมาจากโรงพักใช้เป็นหลักฐานส่งพัสดุทางรถทัวร์ อาวุธทั้ง หมดรับมาจากโรงงานอาวุธสงครามที่วังน้อย-อยุธยา ปฏิเสธลั่นไม่เกี่ยวกับเสื้อแดง
จากเหตุการณ์ด่านทหารอากาศที่ดอนเมืองพบชายต้องสงสัยขี่รถจักรยานยนต์ตรงจุดหน้าฐาน ทัพอากาศดอนเมือง ฝั่งวิภาวดีฯ ขาเข้า ช่วงหลังเกิดการปะทะกันระหว่างทหารตำรวจกับม็อบเสื้อแดง จึงขอตรวจค้น แต่ชายคนดังกล่าวขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปทางหมู่บ้านบัณฑิตโฮม เป็นซอยตัน ปรากฏว่าคนร้ายทิ้งรถจักรยานยนต์ และถุงสีดำขนาดใหญ่ไว้ ก่อนปีนหนีเข้าป่าหญ้าหลบหนีไปได้ จากการตรวจสอบภายในถุงพบกระสุนเอ็ม 79 จำนวน 63 นัด รุ่นเจาะเกราะหรือเอ็ม 43 HEDP จำนวน 42 นัด รุ่นหัวแตกหรือเอ็ม 406 HE จำนวน 20 นัด ถุงดังกล่าวมีเอกสาร และบัตรประชา ชนตกอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นทราบว่าผู้ต้องหารายนี้คือจ.ส.ต.ปริญญา มณีโคตม์ ผบ.หมู่งานปราบปราม สภ.คูคต จ.ปทุมธานี ซึ่งตำรวจกำลังเร่งติดตามจับกุมตัว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกลุ่ม นปช.ออกแถลง การณ์ว่า ศอฉ.แถลงข่าวการจับอาวุธเอ็ม 79 และอื่นๆ ได้เป็นจำนวนมากได้ที่หน้ากองทัพอากาศ เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา เป็นการจัดฉากของ ศอฉ.ว่า ตนไม่ทำเช่นนั้นแน่นอน ขอให้จำไว้ว่านิสัยของตนไม่เคยจัดฉาก และใครจะมองว่าอย่างไรตนก็ไม่ทราบ ตนทำตามข้อเท็จจริง ตนไม่เคยสร้างสถานการณ์ ตนทำตามข้อเท็จจริงโดยไม่กลัวการใส่ร้ายป้ายสีอะไรทั้งนั้น และไม่กลัวผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ตนเห็นว่าวันนี้มีหน้าที่รักษาบ้านเมือง รักษาสถาบันตนก็จะทำให้ดีที่สุด
เมื่อถามว่ามีการยึดอาวุธสงครามจำนวนมากจากผู้ชุมนุมคนหนึ่งทิ้งไว้ระหว่างถูกเจ้าหน้าที่ไล่จับกุมใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังแก้ปัญหากลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ มีคนคนนี้พยายามเข้าไปสนับสนุนฝ่ายผู้ชุมนุมแต่ถูกตำรวจจราจรและสารวัตรทหารอากาศเห็นพิรุธจึงเข้าจับกุม และเกิดการหลบหนีจึงทิ้งลังอาวุธไว้ ซึ่งเป็นระเบิดเอ็ม 79 จำนวน 62 ลูก พร้อมกับบัตรประจำตัวต่างๆ ก่อนปีนกำแพงหลบหนีไป แต่ขณะนี้จากหลักฐานทั้งหมดทราบแล้วว่าเป็นใคร ชื่ออะไร ก็จะติดตามมาดำเนินคดีต่อไป ยืนยันว่าอาวุธที่จับกุมได้ไม่ใช่การจัดฉาก เพราะเป็นการรวบรวมพยานหลักฐานไว้พร้อมแล้ว
ต่อข้อถามว่าอาวุธที่ตรวจสอบเชื่อมโยงกับการก่อวินาศกรรมหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า เป็นอาวุธที่เตรียมไปให้ยิงทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ทั้งนี้ อาวุธที่ตรวจพบไม่มีเลขรหัสที่ยืนยันว่าเป็นของทางราชการ จึงยืนยันว่าอาวุธดังกล่าวไม่ใช่อาวุธของทางราชการ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วยผบ.ตร. ในฐานะโฆษกตร. กล่าวถึงกรณีที่ทหารยึดระเบิดเอ็ม 79 จำนวน 63 ลูกที่ดอนเมือง ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าจ.ส.ต.ปริญญา ผู้ต้องหารับราชการที่ สภ.คูคต ตั้งแต่จบโรงเรียนพลตำรวจ จ.สระ บุรี บ้านเกิดอยู่ที่ อ.เถิน จ.ตาก มีภรรยาและลูกชายอายุ 3 ขวบ อยู่ที่ จ.เชียงราย
พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกศปก.ตร. กล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติการรับราช การตำรวจของจ.ส.ต.ปริญญา ตลอด 15 ปีที่ สภ.คูคต ไม่พบประวัติเสีย ส่วนความเกี่ยวข้องกับอาวุธเอ็ม 79 ที่ตรวจพบพบว่าจ.ส.ต. ปริญญามีความเชื่อมโยงกับขบวนการค้าอาวุธ โดยใช้เส้นทางลำเลียงจากต่างจังหวัดผ่านเส้นทางที่มีการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่และกลุ่มนปช.
ผู้สื่อข่าวถามว่า อาวุธเอ็ม 79 ที่พบเชื่อมโยงกับการใช้อาวุธชนิดเดียวกันก่อเหตุรุนแรงก่อนหน้าหรือไม่ พล.ต.ต.ประวุฒิกล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ชัดเจนอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าอาวุธเหล่านี้เคยถูกนำไปใช้ที่ใดบ้าง เช่นนำไปเปรียบเทียบกับลูกที่ใช้ก่อเหตุแต่ยังไม่ระเบิด โดยเรื่องนี้มอบให้ดีเอสไอและสำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลางตรวจสอบร่วมกัน ส่วนความเชื่อมโยงกับขบวนการค้าอาวุธในระดับใด ส่วนกรณีตำรวจจับกุมนายสมพร กัสยากร อายุ 46 ปี พนักงานฝ่ายซ่อมเครื่องบินบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมอาวุธและเครื่องกระสุนจำนวนมาก และมีข่าวว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มที่ยิงพ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น จากการสืบสวนสอบสวนยังไม่ยืนยันในเรื่องนี้ แต่พบว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มนปช. โดยนายสมพรเป็นผู้ขับรถพาคนมาร่วมชุมนุม
เช้าวันเดียวกัน ที่ สภ.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พล.ต.ท.กฤษฎา พันธ์คงชื่น ผบช. ภาค 1, พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รอง ผบช.ภาค 1, พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง ผบก. ภ.จว.ปทุมธานี, พ.ต.อ.นราเดช ทิพย์รักษ์ ผกก. สภ.คูคต พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบ สวน ร่วมประชุมเกี่ยวกับกรณีจ.ส.ต.ปริญญา มณีโคตม์ ผบ.หมู่งานปราบปราม สภ.คูคต เจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.คูคต ที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการขนเครื่องกระสุนชนิดเอ็ม 79 จำนวนมากใกล้อนุสรณ์สถานดอนเมือง
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตรวจค้นบ้านพักย่านสายไหม กทม. และรถเก๋งยี่ห้อมาสด้า 323 สีแดง ทะเบียน กค-7163 สระบุรี สภาพเก่า ไม่สามารถใช้งานได้ ตรวจสอบเป็นทะเบียนรถ ปลอมของจ.ส.ต.ปริญญา พบอาวุธปืน, เครื่องกระสุนและอุปกรณ์อีกหลายรายการ ส่วนใหญ่เป็นอะไหล่อาวุธสงคราม เบื้องต้นทราบว่า จ.ส.ต.ปริญญาไม่ได้เดินทางเข้าทำงานเมื่อเวลา 08.00 น.ของวันนี้ และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าวออกจากราชการแล้ว พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการสอบสวนว่าจะมีส่วนพัวพันกับเหตุการณ์ดังกล่าวและคดีอื่นๆ หรือไม่ และเตรียมออกหมายจับเพื่อติดตามตัวมาสอบสวนดำเนินคดี
พ.ต.อ.สุรพันธ์ กอบเงินทอง ผกก.ฝ่ายสรรพา วุธ 3 หน่วยเก็บกู้ระเบิด กองสรรพาวุธตำรวจ เปิดเผยว่า หลังได้รับแจ้งว่ามีการตรวจสอบพบอาวุธของจ.ส.ต.ปริญญา จากที่บ้านพักและรถเก๋ง จึงเข้าตรวจสอบภายในรถดังกล่าวเนื่องจากเกรงว่าจะมีวัตถุระเบิดหรืออาวุธสงครามซุกซ่อนอยู่ในรถชนิดคาร์บอมบ์ เพราะรถคันดังกล่าวถูกจอดทิ้งไว้มานานอยู่ที่บริเวณที่จอดรถด้านข้างแฟลตตำรวจ มีสภาพเก่า หม้อแบตเตอรี่ถูกถอดออก และจากการตรวจสอบไม่พบระเบิดในรถ ส่วนอาวุธที่ตรวจพบได้ต้องนำไปตรวจสอบอีกครั้ง
พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าวเคยเป็นทหารเกณฑ์จากทหารอากาศ แล้วสอบเข้าเตรียมพลตำรวจ รุ่นที่ 5 จ.สระบุรี จากนั้นเข้ารับราชการตำรวจฝ่ายงานจราจร สภ.คูคต มานานจนได้รับเลื่อนเป็น ผบ.หมู่ปราบปราม กระทั่งมาเกิดเรื่อง แต่โดยปกติเพื่อนตำรวจด้วยกันจะทราบว่าจ.ส.ต.ปริญญามีนิสัยไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เดิมเป็นคน จ.เชียงราย และทำธุรกิจส่วนตัวในการซื้อขายอาวุธปืนสั้น ซ่อมและหาอะไหล่อาวุธปืน และสืบสวนก็ทราบว่าจ.ส.ต. ปริญญามีส่วนเกี่ยวข้องกับการตรวจค้นพบอาวุธสงครามที่ อ.วังน้อย จ.พระนคร ศรีอยุธยา และที่ จ.สมุทรปราการ ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวออกจากราชการแล้ว และออกหมายจับติดตามตัวต่อไป
ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ต.ท.กฤษฎา พร้อมด้วยพล.ต.ต.เมธี นำกำลังตำรวจเข้าจับกุม จ.ส.ต. ปริญญาได้ที่สี่แยกไฟแดงคลอง 7 หมู่ 5 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พร้อมด้วยของกลางรถปิกอัพยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นสตาร์ด้า สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ณส-4360 กทม. ตรวจสอบเป็นทะเบียนปลอม, อาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. 1 กระบอก, อุปกรณ์ลำกล้องส่องติดตั้งปืน 1 ชุด, อาวุธมีดพก 2 เล่ม, เงินสด 7 แสนบาท, แผ่นป้ายทะเบียนปลอม ณน-7305 กทม. 2 แผ่นป้าย, แผ่นป้ายทะเบียนปลอม ณต-9925 กทม. เสื้อผ้าและกระเป๋าลายพรางทหารจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จ.ส.ต.ปริญญาให้การว่า ติดต่อซื้อขายอาวุธปืน หาอะไหล่และซ่อมปืนให้กับเพื่อนตำรวจ และพรรคพวกที่รู้จักกันเป็นเจ้าของอาวุธต่างๆ ที่ถูกตรวจยึดได้นั้นจริง แต่ไม่ได้เป็นคนเสื้อแดงและไม่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุรุนแรงใดๆ ส่วนกระสุนปืนชนิดเอ็ม 79 จำนวน 63 ลูกมีผู้ติดต่อซื้อกับตนในราคาลูกละ 1,000 บาทเมื่อวานนี้ จึงจะนำไปส่งให้กับลูกค้าแถวไปรษณีย์ย่านคูคต แต่เจ้าหน้าที่จะตรวจค้นจับกุมจึงหลบหนีไป ส่วนผู้ซื้อตอนนี้ทราบว่าหลบหนีไปประเทศลาวแล้ว ตนทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจะจับกุมจึงเดินทางไปเบิกเงินที่ธนา คารย่านตลาดสี่มุมเมืองและที่ศูนย์การค้าเซียร์ รังสิต จากนั้นขับรถมาที่ห้างบี๊กซี คลอง 5 ถนนลำลูกกาเพื่อเบิกเงินอีก จากนั้นขับรถออกมาตามถนนลำลูกกาเพื่อจะหลบหนี แต่ยังไม่รู้จะไปที่ไหน เมื่อมาถึงแยกไฟแดงก็มาถูกเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมได้เสียก่อน
พล.ต.ท.กฤษฎากล่าวว่า ได้ติดตามตัว จ.ส.ต.ปริญญา โดยติดตามจากการเบิกจ่ายเงินกระทั่งทราบว่าเวลา 10.30 น. จ.ส.ต.ปริญญาเข้าไปเบิกเงินสดจำนวน 290,000 บาทที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาเซียร์ รังสิต จากนั้นก็เข้าไปเบิกเงินอีกครั้งที่ธนาคารกรุงไทย สาขาตลาดสี่มุมเมือง จำนวน 300,000 บาท จึงประสานงานให้ทีมสืบสวนทั่ว จ.ปทุมธานี ติดตามดูพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์และการเบิกจ่ายเงิน กระทั่งมาทราบว่าจ.ส.ต.ปริญญาเดินทางมาทำธุรกรรมเบิกเงินที่ห้างบิ๊กซี คลอง 5 ถนนลำลูกกา จึงวิทยุสกัดจึงสามารถจับกุมได้ขณะ ติดไฟแดงบริเวณดังกล่าว โดยจับกุมได้โดยละม่อมและไม่มีการต่อสู้รุนแรง
พล.ต.ท.กฤษฎากล่าวว่า ในส่วนอาวุธต่างๆ ที่ถูกจับได้เป็นของจ.ส.ต.ปริญญา แต่ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนเสื้อแดง และในวันที่ถูกตรวจค้นเจอเครื่องอาวุธต่างๆ นั้น ก็เพราะจะนำของเหล่านั้นไปส่งให้ลูกค้า เบื้องต้นเรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของ จ.ส.ต. ปริญญา เพราะทางการสืบสวนนั้นพบว่าจ.ส.ต. ปริญญามีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าอาวุธสงครามรายใหญ่ที่เคยถูกจับกุมไปแล้วที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา และที่ จ.สมุทรปราการ ซึ่งเราคงต้องควบคุมตัวไว้สอบสวนอย่างละ เอียดอีกครั้ง โดยอาจจะมีการโอนคดีไปยัง สภ.คูคต เพื่อสะดวกต่อการทำงาน อีกทั้งยังไม่ทราบว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะรับโอนคดีไปทำเองหรือไม่ เพราะยังอยู่ในช่วงการประกาศใช้พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ซึ่งคงจะได้ประสานงานกันต่อไป
รายงานข่าวเปิดเผยว่า จากการสอบสวน จ.ส.ต.ปริญญาให้การรับสารภาพหมดเปลือกว่าระเบิดเอ็ม 79 ทั้งหมดรับมาจากโรงงานผลิตอาวุธที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยเตรียมจะนำไปส่งให้ชนกลุ่มน้อยตามตะเข็บแนวชายแดนไทย ซึ่งก่อนถูกจับกำลังจะขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งให้ที่ท่ารถทัวร์แห่งหนึ่งย่านประชาชื่น แต่เกิดฝนตกหนักจึงต้องเปลี่ยนเส้นทางที่ใช้ประจำ ก่อนมาเจอด่าน สห.ทหารอากาศจึงต้องหลบหนี จ.ส.ต.ปริญญายังให้การอีกว่า การส่งอาวุธสงครามจะใช้ส่งทางรถทัวร์เป็นประจำ โดยปลายทางเป็น อ.แม่สาย จ.เชียง ราย ซึ่งลูกค้าจะส่งคนมารับที่ปลายทาง ส่วนบัตรประชาชนที่พบตกอยู่ในที่เกิดเหตุนั้นได้ขโมยมาจากโรงพัก เพราะการส่งพัสดุทางรถทัวร์ต้องมีบัตรประชาชนเป็นหลักฐาน นอกจากนี้จ.ส.ต.ปริญญายังยืนยันว่าระเบิดดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับม็อบเสื้อแดงเลย
วันเดียวกัน พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พร้อมด้วยพ.ต.อ.เศรษฐศักดิ์ ยิ้มเจริญ ผกก.สน.บางมด พ.ต.ท.ธวัชชัย ศรีสุรางค์ รอง ผกก.ปป.สน.บางมด แถลงข่าวจับกุมนายโยธิน หรือเล่ นันทา อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109/1 หมู่ 5 ต.ห้วยขมิ้น อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี และนายบี (นามสมมติ) อายุ 17 ปี พร้อมของกลางระเบิดแบบขว้าง เอ็มเค-2 (ระเบิดน้อย หน่า) 1 ลูก ปืนอัดลมพลาสติกแบบลูกซองสไลด์สีดำ 1 กระบอก กระบอกไม้ไผ่ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 นิ้วครึ่ง 1 ใบ เศษผ้ายืดสีชมพู 1 ผืน เศษโฟมสีขาว 3 ชิ้น และรถจักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่นคลิก สีดำ ทะเบียน ษกย-349 กรุงเทพฯ
เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย, ร่วมกันมีสิ่งเทียมอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ ขณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันออกตรวจตราพื้นที่ โดยจัดเป็นกลุ่มชุดรถจักรยานยนต์และรถยนต์ร่วมกันออกลาดตระเวน เมื่อผ่านไปถึงปากซอยพุทธบูชา 26/2 พบนายโยธินขับขี่รถจักรยานยนต์โดยมีนายบีเป็นคนซ้อนท้าย สังเกตพบนายบีกำลังถือปืนแบบลูกซองสไลด์อยู่ในมือข้างซ้าย จึงเข้าประกบและบังคับให้หยุดรถตรวจค้น ตรวจสอบพบว่าเป็นปืนอัดลมพลาสติก และพบเป็นระเบิดขว้างอีก 1 ลูก จากการสอบสวนผู้ต้องหาอ้างว่า ระเบิดดังกล่าวซื้อมานานแล้วในราคา 400 บาทและกำลังจะนำไปทิ้ง เนื่องจากมีเหตุการณ์ไม่ปกติ แต่ระหว่างทางก็ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเสียก่อน โดยที่ผ่านมาไม่เคยร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดง
ต่อมา ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 1 บช.น. พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ที่ปรึกษา (สบ 10) หัวหน้าคณะทำงานสืบสวนคดีระเบิดในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เรียกประชุมติดตามความคืบหน้า โดยพล.ต.อ.ภาณุพงศ์กล่าวก่อนเริ่มประชุมว่า ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. เป็นต้นมา ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีเหตุเกิด 46 คดี ในส่วนของภาคอื่นมี 15 คดี โดยการสืบสวนคืบหน้าไปมากพอสมควร โดยขณะนี้ที่ชัดเจนคือ การจัดกลุ่มชุดคนร้ายที่กระทำผิด โดยสามารถรวบรวมพยาน หลักฐาน และออกหมายจับได้เป็นบางกลุ่ม โดยมี 4 กลุ่มในตอนนี้ กลุ่มแรกคือ กลุ่มที่ใช้ระเบิดขว้างเอ็ม 67 ซึ่งจะเชื่อมคดีที่กระทรวงกลาโหม โดยในส่วนนั้นสามารถออกหมายจับส.ต.ต.บัณฑิต สิทธิทุม อดีตตำรวจสระแก้ว และชายไทยอีกคนหนึ่ง ซึ่งจากการประมวลและรวบ รวมหลักฐานทั้งหมด ตำหนิ รูปพรรณ อาวุธที่ใช้ปรากฏว่า อาวุธที่ใช้คือเอ็ม 67 ไปตรงกับอีก 8 คดี ซึ่งพอสรุปเบื้องต้นได้ว่าคนร้ายที่ใช้ระเบิดขว้างเอ็ม 67 มี 1 ชุดที่ปฏิบัติการในห้วงที่ผ่านมา ซึ่งตนได้จัดชุดดำเนินการจับกุมโดยเฉพาะแล้ว
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์กล่าวอีกว่า กลุ่มที่ 2 เป็นส่วนที่ใช้การยิงเอ็ม 79 ซึ่งมีทั้งหมด 14 คดี ตำรวจได้ตำหนิรูปพรรณที่ชัดเจนในหลายคดีที่มาประกอบกัน โดยได้มีการจัดชุดของ บช.น. และบช.ก. ในการติดตามจับกุมคนร้ายในชุดนี้เช่นเดียวกัน กลุ่มที่ 3 สามารถตรวจสอบตำหนิ รูปพรรณ ยานพาหนะได้ คือ ชุดที่ใช้อาวุธปืนขนาด .38 ยิงธนาคารกรุงเทพ สาขาสะพานขาว และบางยี่ขัน และกลุ่มที่ 4 ที่รวบรวมหลักฐาน และออกหมายจับได้คือคาร์บอมบ์ที่โพไซดอนได้ โดยออกหมายจับนายอัครเดช สุขลักษณ์ และชายไทยอีกคน
ที่ จ.จันทบุรี นายสุชาติ ล้อมวงศ์ อายุ 44 ปี ที่อยู่เลขที่ 73/1 หมู่ที่ 1 ต.ตะกาดเง้า อ.ท่า ใหม่ จ.จันทบุรี เป็นคนงานขุดวางท่อเมนการประปา ส่วนภูมิภาคจันทบุรี เข้าแจ้งความ ร.ต.ท.ไชยเชษฐ์ แก้วไตรรัตน์ พนักงานสอบ สวน สภ.เมืองจันทบุรี ว่าพบถุงผ้าสีเขียว สงสัยว่าจะมีวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดจำนวน 2 ถุง แขวนที่ลวดหนาม และพงหญ้ารกข้างทาง ริมถนนสายวัดจันทนาราม-แยกบ้านเกาะรงค์ หมู่ที่ 11 ต.พลับพลา อ.เมืองจันทบุรี จึงรายงานถึงพ.ต.อ.ผดุงศักดิ์ รักษาสุข ผกก.สภ.เมืองจันท บุรี รุดไป ตรวจสอบพบระเบิดเอ็ม 79 จำนวน 4 ลูก พบปลอกกระสุนชนิดเดียวกัน 12 นัด และซองใส่กระสุนพลาสติกจำนวน 2 ตับ จึงกู้เก็บขึ้นไปเก็บรักษาไว้
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจเพิ่มเติมพบเครื่องยิงระเบิดเอ็ม 79 ห่างจากจุดที่พบระเบิดประมาณ 2 ก.ม. โดยจะเร่งตรวจสอบว่าเป็นของใคร และเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรมในกรุงเทพฯ หรือไม่
ที่มา.ข่าวสดรายวัน
**********************************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น