คาด"เสื้อแดง"ใช้รถก่อกวน-ปิดแยกล้อมสถานที่สำคัญ-บ้านวีไอพี "ประวิตร"ห่วงมือที่3 "สุเทพ"ซักซ้อมใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หากสถานการณ์ 1-2 วันนี้วุ่นวาย นายกฯมั่นใจบริหารจัดการม็อบชุมนุมใหญ่ได้ ชี้มวลชนที่ใช้ความรุนแรงสุดท้ายจะเสียหายเอง รับปากดูแลไม่ให้กลุ่มหนุน-ต้านออกมาปะทะกัน
"สุเทพ” เรียกประชุมฝ่ายกม.ด่วน หาช่องประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้เดินทางมายังที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ โดยได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมาย อาทิ กระทรวงยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี โดยใช้เวลาการประชุมนานกว่า 3 ชั่วโมง
รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมวันนี้ เพื่อหารือถึงความรอบคอบในการบังคับใช้กฎหมายและการซักซ้อมทำความเข้าใจในเรื่องการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อเตรียมการหากมีความจำเป็นที่ต้องประกาศใช้ในช่วงวันที่ 3 และ 4 เม.ย.นี้ เพราะหากการชุมนุมของคนเสื้อแดงเกิดความวุ่นวาย รุนแรง และจลาจล ก็จะสามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง
ภายหลังการประชุมนายสุเทพกล่าวถึงการเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 2-5 เม.ย.นี้ ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่า “อาจจะไปไม่ได้ เพราะงานยุ่งจริงๆ แต่ถ้ามีเวลาก็อยากจะไป เพราะจะไปคุยกับฮุนเซนซะหน่อย ให้เบาๆๆบ้าง เพราะผมคิดว่าผมคุยได้”
ตร.ประเมินม็อบป่วน3รูปแบบ
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) กล่าวว่า เป็นห่วงสถานการณ์การชุมนุม เพราะกลุ่มที่มีความเห็นต่างกันอาจเผชิญหน้ากัน โดยพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษา (สบ 10) แจ้ง บช.น. ให้แจ้งความประสงค์หากต้องการกำลังสนับสนุน ซึ่งพร้อมเข้าสมทบภายใน 3 ชั่วโมง โดยตำรวจใช้กำลัง 42 กองร้อย พร้อมทั้งร้องขอกำลังทหารไปแล้วเพื่อสนับสนุนตามสถานการณ์ด้วย
พล.ต.ต.ปิยะกล่าว ผู้มาร่วมชุมนุม มาจากต่างจังหวัดโดยเฉพาะแถบภาคเหนือ กรุงเทพฯและปริมณฑล
น่าจะเคลื่อนไหว 3 ลักษณะ คือ
1.ปิดล้อมสถานที่สำคัญ หรือบ้านพักบุคคลสำคัญ
2.ใช้รถจักรยานยนต์ รถยนต์วิ่งไปก่อกวนตามสถานที่ต่างๆ และ
3.ปิดทางร่วม ทางแยกต่างๆ
เตรียมพร้อมรับสถานการณ์รุนแรงสุด
พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) กล่าวถึงการชุมนุมใหญ่ 3 เมษายน ว่ามีโอกาสเกิดความรุนแรงขึ้นได้ ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้มาชุมนุม คำประกาศของแกนนำที่บอกว่าจะยกระดับการชุมนุมให้เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งได้เตรียมกำลังตำรวจร่วมกับทหารไว้พร้อมแล้ว และจะมีการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์อีกครั้งในวันที่ 3 เมษายน ตอนนี้ก็บอกไม่ได้ว่าจำนวนผู้ชุมนุมจะมากแค่ไหนต้องดูสถานการณ์ในวันชุมนุมก่อน
"เราเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่บนสมมติฐานที่ว่าสถานการณ์ความรุนแรงสูงสุด แต่ไม่ได้บอกว่าสถานการณ์รุนแรง การเตรียมการป้องกันต้องเตรียมให้พร้อมที่สุดต้องประเมินสูงสุดไว้ก่อนเพื่อจะรับสถานการณ์ที่อาจจะรุนแรงได้ แต่หากไม่มีความรุนแรงก็ลดระดับการดูแลลง เป็นการเตรียมความพร้อมตามหลักการรักษาความปลอดภัย ส่วนมือที่ 3 นั้นยังมีโอกาสเข้ามาสร้างสถานการณ์วุ่นวายตลอด เราก็ดูอยู่ตลอด" รรท.ผบ.ตร.กล่าว
"ประวิตร"เผยศอ.รส.ห่วงมือที่ 3
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ระหว่าง เป็นประธานในพิธีงานวันสถาปนาโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ครบรอบ 101 ปี โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. ร่วมพิธีถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ในวันที่ 3 เมษายน ว่า ศอ.รส.มีความเป็นห่วงมือที่สาม เพราะมีเหตุการณ์ที่ไม่เรียบร้อยเกิดขึ้นเป็นประจำ
นายกฯมั่นใจคุม"ชุมนุมใหญ่"ได้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เชื่อว่าจะบริหารจัดการ การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือมวลชนเสื้อแดง ในวันที่ 3 เมษายน ไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นได้ ในการให้สัมภาษณ์เมื่อบ่ายวันที่ 2 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เท่าที่คุยกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ได้รับการยืนยันว่าจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพยายามไม่ให้เกิดความรุนแรง คิดว่าทุกฝ่ายทราบดีว่าความรุนแรงไม่ช่วยแก้ปัญหา มีแต่จะเกิดความวุ่นวาย ความสูญเสีย รัฐบาลแสดงออกชัดเจนว่าจะไม่ให้เกิดความรุนแรง จึงเชื่อว่าจะบริหารจัดการได้ เพราะมวลชนที่ใช้ความรุนแรงสุดท้ายจะเสียหายเอง จึงเชื่อว่าทุกฝ่ายจะช่วยดูไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้น
นายกฯกล่าววว่า เรื่องการก่อเหตุต่างๆ เจ้าหน้าที่พยายามดูแลไม่ให้เกิดเหตุอยู่ ส่วนเหตุที่จับคนร้ายลอบวางระเบิดรายวันตามสถานที่ต่างๆ ไม่ได้สักทีนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ความจริงมีทั้งคนที่ถูกจับได้ คนที่ถูกออกหมายจับ และคนที่อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ทางตำรวจยืนยันว่าไม่มีตอ
จะดูไม่ให้กลุ่มต้าน-หนุนปะทะกัน
กรณีที่เริ่มมีบางกลุ่มออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน นปช. นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คิดว่าหากทุกฝ่ายเคารพสิทธิของฝ่ายอื่น ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร อยากให้สังคมช่วยกันบอกว่า ถ้ามีใจเป็นประชาธิปไตย ต้องยอมรับการแสดงความเห็นจากฝ่ายที่เห็นไม่ตรงกัน เมื่อถามว่าห่วงกรณีดังกล่าวหรือไม่ อย่างกรณีคนเสื้อชมพูที่ออกมาคัดค้าน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าแสดงออกอย่างสันติ มีสิทธิแสดงออก รัฐบาลจะพยายามดูแลไม่ให้เกิดการปะทะกันของประชาชน สำหรับท่าทีแกนนำ นปช.ที่ดูเหมือนออกมาข่มขู่ทุกกลุ่มที่ออกมาคัดค้านนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยากให้สังคมได้มองเห็นว่า หากเป็นประชาธิปไตยจริง ต้องไม่มีลักษณะการข่มขู่คุกคาม เพราะทุกคนมีสิทธิที่จะชุมนุมเช่นกัน ส่วนตัวอยากให้ผู้ชุมนุมทุกกลุ่มได้แจ้งมาก่อน รัฐบาลจะได้ส่งคนไปดูแล
ตั้ง2เงื่อนไขเปิดเจรจานปช.รอบ3
นายกฯกล่าวย้ำอีกครั้ง ถึงการเปิดเจรจารอบ 3 กับแกนนำ นปช.ว่า คงต้องให้การชุมนุม ไม่มีการเคลื่อนไหวและมีปัญหากับใคร เพราะนั่นคือเงื่อนไขการเจรจา ขณะนี้ยังไม่มีการเจรจารอบ 3 เงื่อนไข 9 เดือนยุบสภาที่เสนอไปนั้น สิ่งที่สำคัญไม่ได้อยู่เวลา แต่อยู่ที่ว่าจะทำอะไร
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การเจรจารอบ 3 จะมีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ 1.การเคลื่อนไหวผู้ชุมนุมเป็นอย่างไร หากยังเคลื่อนไหวในกรอบ รัฐบาลก็ไม่ได้ปิดทาง 2.การยุบสภาจะเป็นไปได้หรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับประโยชน์ส่วนรวม ไม่ใช่เพื่อความต้องการหรือไม่ต้องการของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ถ้ายอมรับจุดนี้ก็มาคุยกันได้ ถ้ายังไม่ยอมรับก็ไม่มีทาง
เมื่อถามว่า นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯ ยังคงประสานงานอยู่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นายกอร์ปศักดิ์รายงานว่ามีคนเสนอตัวเป็นคนกลาง และมีคนติดต่อมาแต่ยืนยันเงื่อนไขตรงนั้นไป
เผยศอ.รส.กำลังหาทางเปิดพื้นที่
ผลกระทบหลัง นปช.ชุมนุมต่อเนื่องมากว่า 20 วัน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า 1.ความรู้สึกที่เกิดความตึงเครียด จึงอยากให้ดูแลให้ดีที่สุด 2.การท่องเที่ยวที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงการเข้าไปทำงานในทำเนียบรัฐบาล เป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ว่าพยายามจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติให้มากที่สุด เมื่อถามว่า สงกรานต์นี้ประชาชนมีโอกาสฉลองอย่างมีความสุขหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พยายามอย่างเต็มที่ ทุกกลุ่มไม่ว่าใส่เสื้อสีอะไร อยากให้คนไทยทุกคนได้ฉลองสงกรานต์ เมื่อถามว่า นปช.ประกาศหากยังล้มรัฐบาลไม่ได้จะชุมนุมยืดเยื้อถึงสงกรานต์ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยู่ที่ผู้ชุมนุม แต่ผมว่าน่าจะกลับไปฉลองสงกรานต์กันมากกว่าŽ เมื่อถามว่า สถานที่ราชการอยู่ใกล้ที่ชุมนุมได้รับความเดือดร้อน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้ ศอ.รส.กำลังดูข้อกฎหมายต่างๆ ควบคู่กับการพูดคุยเพื่อหาทางเปิดพื้นที่ ส่วนจะฟ้องต่อศาลขอให้ออกคำสั่งเปิดพื้นที่หรือไม่ กำลังคุยกันอยู่เพราะยังมีความเห็นที่แตกต่างกัน
ปราม"แดง"ใจกว้างต่อกลุ่มอื่น
นายสุเทพกล่าว ระหว่างเข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลว่า รัฐบาลตั้งใจที่จะให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ปกติโดยเร็วที่สุด นายกฯกำชับตลอดให้หาทางให้ทุกอย่างกลับคืนสู่ปกติ และอยากเข้ามาทำงานในทำเนียบรัฐบาลหลายวันแล้ว ตนพยายามดูแลให้สถานการณ์คลี่คลาย ไม่อยากเห็นการเผชิญหน้าใดๆ และขณะนี้ในส่วนของข้าราชการก็เริ่มทยอยกลับมาทำงานในทำเนียบแล้ว ส่วนการประชุม ครม. วันที่ 7 เมษายน ที่กำหนดสถานที่ไว้ที่รัฐสภา จะกลับมาที่ทำเนียบรัฐบาลเหมือนเดิมได้หรือไม่นั้น นายสุเทพกล่าวว่า คงต้องดูก่อน ถ้าไม่มีอะไรอาจกลับมาประชุม ครม.ที่ทำเนียบรัฐบาล
เมื่อถามว่า กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศจะเคลื่อนขบวนไปสอบถามการรวมตัวของคณะอาจารย์และนักวิชาการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายสุเทพกล่าวว่า คนเสื้อแดงควรใจกว้าง เพราะที่ผ่านมาชุมนุมมาเป็นเดือนๆ อยู่กลางถนนทำให้ประชาชนคนกรุงเทพฯเดือดร้อนในการสัญจรไปมา ซึ่งได้แสดงความเห็นของตัวเองอย่างเต็มที่แล้ว เมื่อจะมีคนกลุ่มอื่นอยากจะแสดงความเห็นในบ้านเมืองบ้าง ไม่ทราบว่าจะไปโกรธเคืองทำไม ซึ่งที่ผ่านมาคนเสื้อแดงบอกว่าตัวเองเป็นพวกนิยมประชาธิปไตย ดังนั้น จึงควรมีความอดทนที่จะฟังความคิดที่แตกต่าง และไม่ควรไปรังควานคนอื่น ตั้งแต่ทราบว่าคนเสื้อแดงจะเคลื่อนขบวนไปได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลเข้าไประวังเหตุ ซึ่ง พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผช.ผบ.ตร. ได้ไปประชุมร่วมกับตำรวจนครบาลและหน่วยต่างๆ พร้อมแล้ว
ประเมินม็อบแผ่วเหตุใกล้สงกรานต์
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลประเมินว่าการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 3 เมษายน น่าจะมีผู้มาร่วมชุมนุมใกล้เคียงกับการชุมนุมที่ผ่านๆ มา แต่มีความเป็นไปได้ที่จะมีประชาชนมาร่วมน้อยกว่าการชุมนุมใหญ่ครั้งที่แล้ว เนื่องจากใกล้เทศกาลสงกรานต์ ประชาชนน่าจะอยากเดินทางออกจาก กทม. มากกว่าอยากเดินทางเข้ามา รัฐบาลกังวลเรื่องผลกระทบด้านการจราจร และความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นคู่ขนาน เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้ไม่หวังดีใช้อาวุธสงครามสร้างสถานการณ์ในยามวิกาล แต่ในระยะหลังมานี้ได้เปลี่ยนเป้ามาก่อเหตุในที่ชุมชน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการคุกคามชีวิตประชาชน ดังนั้น จะมีการปรับมาตรการรักษาความปลอดภัยต่อไป
นายกฯเลื่อนเดินทางถกสุดยอดผู้นำ
นายปณิธานกล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ได้ตัดสินใจเลื่อนกำหนดการเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ที่ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 7-9 เมษายน จากเดิมมีกำหนดออกเดินทางในวันที่ 7 เมษายนนี้ เป็นเดินทางในวันที่ 8 เมษายนแทน เนื่องจากนายกฯต้องการอยู่ร่วมประชุม ครม.ในวันที่ 7 เมษายน เพราะจะมีการพิจารณาว่าจะต่ออายุการประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรในพื้นที่ กทม. และปริมณฑลหรือไม่ อีกทั้งในวันที่ 10-15 เมษายน นายกฯยังมีกำหนดเดินทางไปประชุมสุดยอดนิวเคลียร์ที่ประเทศสหรัฐด้วย
กลุ่ม40ส.ว.จี้รบ.เข้มชุมนุมใหญ่
กลุ่ม 40 ส.ว.อาทิ ทพ.อนุศักดิ์ คงมาลัย นางตรึงใจ บูรณสมภพ พล.อ.อ.วีรวิทย์ คงศักดิ์ ส.ว.สรรหา นางสาวสุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี นายสาย กังกะเวคิน ส.ว.ระยอง ลุกขึ้นอภิปรายระหว่างการประชุมวุฒิสภาวันเดียวกัน ในช่วงเปิดให้หารือ โดยแสดงความวิตกอาจเกิดความรุนแรงขึ้นกับการชุมนุมใหญ่ของมวลชนเสื้อแดง พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อควบคุมการชุมนุมให้เข้มแข็งเข้มงวดกว่านี้
นอกจากนี้ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ ศรีอรุณ นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา ยังกล่าวในทำนองเดียวกัน ไม่เห็นด้วยกับการที่กลุ่ม นปช.ออกมาพูดในลักษณะข่มขู่ จะเคลื่อนพลไปขัดขวางการออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนเสื้อสีชมพู เนื่องจากเป็นการละเมิดสิทธิผู้ออกมาแสดงจุดยืน
ขู่ยื่นถอดถอน"ตู่"พ้นเก้าอี้ส.ส.
ส่วนนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา เรียกร้องให้รัฐบาลขยายผลการจับกุมนายพันธวุฒิ หรือหนุ่ม ผู้จัดทำเว็บไซต์ นปช.USA และ นปช.USA2.com ที่มีเนื้อหาหมิ่นเหม่จาบจ้วงสถาบัน อยากให้กลุ่ม นปช.แถลงให้ชัดเจนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับ นปช.ยูเอสเอมีส่วนเกี่ยวพันกับกลุ่มเสื้อแดงหรือไม่Ž นายคำนูณกล่าว
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว. ยังแถลงว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย (พท.) แกนนำ นปช. - ข่มขู่คุกคามการใช้สิทธิประชาชนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ลานอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 สวนลุมพินี เป็นการขัดขวางการใช้สิทธิของประชาชน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 การกระทำนายจตุพรส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ โดยภายในสัปดาห์จะมีกลุ่มประชาชนเข้าชื่อ 20,000 รายชื่อยื่นต่อประธานวุฒิสภา เพื่อดำเนินการถอดถอนนายจตุพรออกจาก ส.ส.ตามมาตรา 270 และมาตรา 271 ของรัฐธรรมนูญ
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
*************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น