กรณี น.พ.กุศล ประวิชไพบูลย์ อ้างผลตรวจเลือดที่เสื้อแดงนำไปเท พบเชื้อไว้รัสตับอักเสบ และเชื้อเอดส์
และว่า ผลตรวจดีเอ็นเอ พบเลือดมีส่วนผสมของเลือดหมูกับเลือดคน
รวมถึงการที่ น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ เป็นแกนนำนัดหมายกลุ่มสีชมพูแสดงพลัง ที่สวนลุมฯ
นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์หลากหลาย และมีความเห็นจากเพื่อนร่วมวิชาชีพ ดังนี้
น.พ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา
นายกแพทยสภา
การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองถือเป็นเสรี ภาพส่วนบุคคลที่แพทย์สามารถทำได้
แต่การแสดงความคิดเห็นนั้นไม่ควรนำความเป็นแพทย์มาเกี่ยวข้อง หรือใช้ว่าตัวเองเป็นนายแพทย์ แพทย์หญิง แม้ว่าจะไม่มีกฎกติกากำหนดไว้แต่เป็นเรื่องไม่เหมาะสม
ไม่ควรเอาวิชาชีพไปเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง อยากให้แพทย์ทุกคนยึดหลักแห่งวิชาชีพที่เป็นผู้ช่วยเหลือทุกคนโดยไม่เกี่ยวข้องกับลัทธิ ความเชื่อ ศาสนา
จำเป็นต้องรักษาความเป็นกลางไว้ แต่ไม่ได้หมาย ความว่าจะมีความชอบหรือแสดงความคิดเห็นทางการเมืองไม่ได้เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพ
ขอฝากเตือนบรรดาแพทย์ทั้งหลายว่าการจะกระ ทำการใดๆ ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่สามารถกระทำได้
แต่หากไม่เกี่ยวข้องกับทางการแพทย์หรือการรักษาพยาบาลก็ไม่ควรใช้คำว่า "นายแพทย์" นำหน้าชื่อ และไม่ควรแต่งกายด้วยแบบฟอร์มของแพทย์
แต่หากจะใช้คำว่า "หมอ" สามารถทำได้ เพราะหมอมีตั้งแต่หมอดูและหมอนวดเต็มไปหมด
ที่ผ่านมาก็มีหมอหลายคนที่ขอลาออกจากแพทยสภาเพื่อไปเล่นการเมืองก็มี ซึ่งแพทยสภาไม่ได้ห้ามหรือบัญญัติไว้ แต่เป็นความรับผิดชอบส่วนตัว
กรณีการนำผลการตรวจเลือดมาเปิดเผยต่อสาธารณะไม่ใช่เรื่องผิดเพราะไม่มีการเปิดเผยชื่อ แต่เป็นการเตือนประชาชนให้รับทราบ
ถึงไม่ออกมาเตือนก็บอกได้ว่าเลือดมีปัจจัยเสี่ยงเป็นอันตรายอยู่แล้ว แพทย์ทุกคนรู้ดี เมื่อต้องสัมผัสเลือดก็จะใส่ถุงมืออย่างดี
แต่คนที่ไม่รู้ไม่มีการป้องกันก็อาจได้รับอันตรายได้
จากสถิติพบว่าผู้ใหญ่อายุ 30 ปีขึ้นไปที่เป็นพาหะโรคไวรัสตับอักเสบ 8-10% หรือใน 100 คน พบ 10 คน ส่วนโรคเอดส์มีคนไทยที่ติดเชื้อเอชไอวีนับล้านคน เสียชีวิต 5 แสนคน เหลืออยู่ในสังคมประมาณ 5 แสนคน หรือใน 100 คน พบ 1 คน
ดังนั้น การที่มีผู้มาร่วมกันเจาะเลือดหลายร้อยคนก็ย่อมมีเชื้อต่างๆ ปะปนอยู่แล้วโดยที่ไม่ต้องตรวจเก็บตัวอย่างเลือด
การโดนเลือดตามเยื่อบุต่างๆ ก็ทำให้ติดเชื้อได้ ซึ่งสามารถกินยาป้องกันได้หากรู้ว่าได้รับความเสี่ยง แต่ถึงขณะนี้คงไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้หากได้รับเชื้อจริงก็คงต้องสวดมนต์อย่างเดียว
การเจาะเลือดของคนเสื้อแดงไม่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพเวชกรรมแต่เป็นเรื่องทางไสยศาสตร์ ความเชื่อของบุคคล และไม่อยากยุ่งเกี่ยวเพราะเป็นเรื่องทางการเมือง ไม่ใช่หลักเกณฑ์ทางวิชาการ
และขอเตือนแพทย์ว่าไม่ควรเจาะเลือดลักษณะเช่นนี้อีก เพราะส่วนใหญ่คนป่าจะทำ และคนในเมืองไม่ทำ ทำแล้วอายเขา
น.พ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
ผอ.ศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลก
ด้านค้นคว้าและอบรมโรคติดเชื้อไวรัสสัตว์สู่คน
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
การที่แพทย์ไปเคลื่อนไหวทางการเมือง ตราบใดที่ไม่ได้เอาความคิดทางการเมืองไปแบ่งแยกการรักษาพยาบาลคนไข้ ผมไม่คิดว่ามีปัญหา
แต่เมื่อใดที่ประกาศว่าจะใช้ความคิดทางการเมืองไปแบ่งแยก ไม่รักษาคนที่มีความเชื่อทางการเมืองแตกต่างกับตัวเอง อย่างนี้ถือว่าไม่ถูก
ผมมองต่างกับพระสงฆ์ ที่ผมไม่เห็นด้วย 100% ที่พระสงฆ์จะเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะพระสงฆ์มีหน้าที่อบรมบ่มจิตใจคน
กรณีน.พ.กุศล ประวิชไพบูลย์ ต้องดูวัตถุประสงค์การออกมาพูด ผมมองว่าการออกมาบอกว่าพบเลือดบวก พบเชื้อไวรัสในเลือด เพื่อเป็น การเตือน เพราะหลายฝ่ายได้ออกมาเตือนเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนมีการเจาะเลือดแล้วว่าการเจาะเลือดแบบนี้อาจสุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
วันนี้ก็เป็นหลักฐานยืนยันว่าการที่เราเตือนอันตรายนั้นเกิดขึ้นจริง
การออกมาพูดก็ขึ้นกับวิธีการนำเสนอว่าบางตัว อย่างมีเชื้อโรค ตามที่เราสันนิษฐานตั้งแต่ก่อนเจาะเลือด ผมคิดว่าเป็นการพูดเพื่อให้ระวังเรื่องความปลอดภัย
ส่วนกรณี น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ความจริงก็เป็นรุ่นน้องผม แต่การออกมาพูดแบบทั้งองค์กรคงไม่ถูก เพราะองค์กรเดียวกันความคิดเห็นก็อาจแตกต่างไม่เหมือนกัน
วันนี้ผมก็ไปร่วมที่สวนลุมฯ เพราะเห็นว่าการแถลง การณ์เพื่อต้องการให้สงบ รักกัน ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ไม่ก้าวร้าวยั่วยุว่าจะปิดประตูกัน
คิดว่าหมอออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ต้องไม่เอาตำแหน่งนายแพทย์หรือแพทย์หญิงนำหน้าเพื่อโน้มนำความน่าเชื่อถือ ต้องมาด้วยความเป็นตัวเองเป็นนาย นาง นางสาว
การอ้างความเป็นหมอไม่ผิด แต่หากอ้างว่าเป็นหมอเป็นผู้มีปัญญาเลิศแล้วมาพูดว่าคนต้องเชื่อตัวเองอย่างนั้นคงไม่ถูก
น.พ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์
คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล
การเคลื่อนไหวทางการเมืองของแพทย์ถือเป็นสิทธิของแต่ละบุคคล การเคลื่อนไหวทางการเมืองความจริงมีทุกวิชาชีพ แต่ เมื่อมีหน้าที่ตามวิชาชีพก็ต้องทำ งานก่อน
กรณีน.พ.กุศล ออกมา ผมไม่รู้เหตุผลการกระทำ แต่คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของการชี้ให้เห็นอันตรายของการเจาะเลือดมากกว่า ส่วนกรณีน.พ.ตุลย์ ผมก็ไม่อยากให้เอาองค์กรวิชาชีพไปเกี่ยวข้องทางการเมือง
เรื่องแบบนี้เป็นความเห็นส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องของวิชาชีพแพทย์ การเคลื่อนไหวทางการเมืองของแพทย์จึงไม่น่าจะมีผลกระทบต่อวิชาชีพ เนื่องจากแพทย์มีหน้าที่ต้องรักษาพยาบาล ไม่ว่าฝ่ายไหน เมื่อเข้ามาอยู่ในวิชาชีพนี้แล้วไม่ว่าศัตรู ข้าศึก เราก็ต้องดูแล
ดังนั้น เรื่องการเคลื่อนไหว บทบาท ความคิดเห็นทางการเมือง จึงเป็นเรื่องส่วนบุคคล
แต่ต้องไม่ทำให้กระทบต่อองค์กรและวิชาชีพการทำงาน
น.พ.ชูชัย ศุภวงศ์
อดีตเลขาธิการแพทยสภา
หากจะมองในแง่ของจริยธรรมวิชาชีพ ต้องพิจาร ณาว่าแพทย์คนดังกล่าวได้ทำผิดจรรยาบรรณวิชา ชีพหรือไม่ ซึ่งมีอยู่ 3 ประเด็นที่ควรพิจารณา คือ
ประการแรก คือการทำผิดการประ กอบวิชาชีพเวชกรรม เช่น การรักษา การใช้วิชาชีพในการรักษาอย่างผิดวิธี หรือทำให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่นหรือไม่
ประการที่สอง ทำให้เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ศรีของวิชาชีพหรือไม่ เช่น การขู่อาฆาตต่อชีวิตของผู้อื่น เพราะถือว่าขัดต่อวิชาชาชีพแพทย์ที่ต้องให้การช่วยเหลือผู้อื่น
ประการที่สาม คือการกระทำผิดต่อกฎหมายบ้านเมือง
การชุมนุมทางการเมืองถือเป็นการแสดงความคิดเห็นตามระบอบประชาธิปไตยที่สามารถใช้เสรีภาพแสดงความคิดเห็นได้ ตราบใดที่การกระทำนั้นไม่ผิดกฎหมายบ้านเมือง หรือใช้วิชาชีพไปในทางที่ผิด หรือทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ศรีของวิชาชีพ
ในกรณีของน.พ.กุศล ถือว่าเป็นการบอกความจริงต่อสังคม
บอกให้สังคมได้ระวังในอันตรายที่จะเกิดขึ้น
ที่มา.ข่าวสดรายวัน
คอลัมน์ รายงานพิเศษ
***************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น