ความคืบหน้าเหตุปะทะระหว่างทหารพรานกองร้อยทหารพรานที่ 2608 ฐานปฏิบัติการช้างดำ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 กองกำลังสุรนารี (กกล.สุรนารี) กองทัพภาคที่ 2 ฝ่ายไทย กับกองกำลังทหารและตำรวจตระเวนชายแดนที่ 402 กัมพูชา บริเวณหลักเขตแดนที่ 13-14 ช่องโชกและช่องปลิง ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ตรงข้ามหมู่บ้านจ็อมกาเจก ซึ่งเป็นหมู่บ้านกันชนชายแดนก่อตั้งใหม่ ต.โอร์เสม็ด อ.กรุงสำโรง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ช่วงเช้าวานนี้ (17) ขณะทหารออกลาดตระเวนตามแนวชายแดน และพบกับทหารกัมพูชารุกล้ำเขตแดนไทย ปลูกสร้างบ้านเรือนในพื้นที่ที่ไม่มีการปักปันเขตแดนอย่างชัดเจน เป็นเหตุให้ปะทะกันนานเกือบชั่วโมง โดยจุดปะทะห่างจากด่านถาวรช่องจอมไปทางทิศตะวันออกเพียง 8 กิโลเมตร ต่อมาเกิดการปะทะรอบ 2 นาน 15 นาที
พ.อ.ชินกาจ รัตนจิตติ ผอ.กองกิจการพลเรือน กองทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า พล.ต.ชวลิต ชุนประสาน ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ได้เจรจาร่วมกับ พ.อ.จุม สะไรย์ รองหัวหน้าสำนักงานกิจการชายแดนภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชา เพื่อยุติการยิงต่อสู้กันของทหารทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว โดยทั้ง 2 ฝ่ายได้ร่วมประชุมสรุปความเสียหาย พร้อมทั้งให้ถอนกำลังออกนอกพื้นที่พิพาท และไม่ให้ฝ่ายกัมพูชาสร้างบ้านเรือนรุกล้ำเข้ามายังเขตแดนไทย ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ฝ่ายกัมพูชายินดีปฏิบัติตามข้อตกลง ขณะที่ ผบ.กกล.สุรนารี ได้ย้ำให้ทหารในพื้นที่ทั้ง 2 ฝ่าย ห้ามปะทะกันอีก
สำหรับสถานการณ์ในวันนี้ (18) ทหารทั้ง 2 ฝ่ายก็ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ไม่มีความตึงเครียด เจ้าหน้าที่ทหารไทยยังลาดตระเวนตามพื้นที่ตามแนวชายแดนเช่นเคย โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจผิดระหว่างกัน และจากนี้ไปเมื่อทั้ง 2 ฝ่าย ทำความเข้าใจกันแล้ว บรรยากาศก็จะดีขึ้น ส่วนที่ทหารพรานกองร้อยทหารพรานที่ 2608 หายตัวไประหว่างการสู้รบกับทหารกัมพูชา 1 นาย ล่าสุดเจ้าหน้าที่ทหารไทยชุดเข้าเคลียร์พื้นที่หลังการสู้รบได้พบตัวทหารพรานคนดังกล่าวแล้ว เนื่องจากเดินทางหลงป่าขณะสู้รบอยู่ในเขตแดนไทย สภาพร่างกายที่ปลอดภัย
ทั้งนี้ผู้นำทางทหารในพื้นที่ชายแดนทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา ได้มีการนัดเจรจาหารือและร่วมรับประทานอาหารกันอีกครั้ง เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และเป็นการลดความตึงเครียดตามพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมสร้างความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวต่อกัน โดยเฉพาะบริเวณตลาดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ต่อไป
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
**************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น