--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

กัมพูชาสวมกอดกับทักษิณ


ที่มา : New York Times

กรุงเทพฯ – นี่เป็นการยั่วโมโหมากที่สุดครั้งหนึ่งของอดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกขับออกจากตำแหน่งของไทยเมื่อสามปีที่แล้วทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเดินทางมาเยือนเพื่อนบ้านกัมพูชาสัปดาห์นี้ นี่เป็นการเพิ่มความตึงเครียดระหว่างสองประเทศและหล่อเลี้ยงจิตใจผู้สนับสนุนไปพร้อม ๆ กัน

ในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาทักษิณกล่าวหารัฐบาลไทยว่า “ปลุกกระแสคลั่งชาติ” ซึ่งจะทำให้ไม่ลงรอยกันไปในระยะยาวรวมถึงการเผชิญหน้ากันด้านการทหารกรณีปราสาทพระวิหารด้วย

แต่การยั่วโมโหรัฐบาลไทยของทักษิณครั้งนี้คำพูดนั้นเทียบไม่ได้กับภาพลักษณ์ที่แสดงออกมาในการเยือนกัมพูชาประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดบ้านเกิดซึ่งให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและเดินทางไปรอบโลกไม่ว่าจะเป็นที่ลอนดอน ฮ่องกง นิการากัวจนถึงมอนเตเนโกร และมาปักหลักที่ดูไบ ถึงกระนั้นเขาก็ยังยืนยันว่าอยากกลับบ้าน ทักษิณถูกกล่าวหาจากรัฐบาลไทยและขอให้กัมพูชาส่งตัวให้เนื่องจากข้อหาทุจริตในขณะที่เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่

ปวิน ชัชวาลย์พงศ์พันธ์ ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา ที่สิงคโปร์กล่าวว่าทักษิณเปิดแนวรุกครั้งใหม่ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อตัวเขาเลย “ผมอยากบอกว่านี่เป็นเรื่องที่ทักษิณทำร้ายตนเองเรื่องใหม่”
“ผมคิดว่าทั้งคู่ การเคลื่อนไหวของทั้งคู่เป็นการวางแผนและคิดคำนวณมาอย่างดีแล้ว” เขากล่าวเสริม อ้างถึงทักษิณและฮุนเซน ผู้ที่เป็นเจ้าบ้านที่ดีของทักษิณ และใช้การเยือนของทักษิณเป็นประเด็นในเรื่องข้อพิพาทชายแดน

เมื่อวันพุธกัมพูชาปฏิเสธที่จะไม่ส่งตัวทักษิณในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนตามที่รัฐบาลไทยร้องขอมา

“ถ้าเขาแสดงต่อหน้าสาธารณะให้ทุกคนเห็นว่าอภิสิทธิ์ไม่สามารถรับมือกับวิกฤตและแก้ไขปัญหานี้ได้ ก็จะเสมือนเป็นการตบหน้ารัฐบาล (ไทย) พร้อมทั้งจะเกิดคำถามในเรื่องความชอบธรรมในการบริหารประเทศของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์” ปวินกล่าวในตอนท้าย

ทักษิณมาเยือนกัมพูชาครั้งนี้ทำให้การเผชิญหน้ากันระหว่างไทยกับกัมพูชาเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งได้มีข้อพิพาทกันมาตั้งแต่ปี ๒๐๐๘ เรื่องเขตแดนปราสาทพระวิหาร ซึ่งมีการปะทะกันระหว่างทหารทั้งสองประเทศจนเกิดการนองเลือดขึ้นหลายครั้งและยังคงตึงเครียดอยู่

ทางการทั้งสองประเทศเรียกฑูตกลับประเทศของตนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ฮุนเซนได้เชิญทักษิณมาเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของตนเองและรัฐบาล ขณะเดียวกันทางการไทยกล่าวว่าจะพิจารณาเรื่องข้อตกลงของทั้งสองประเทศเสียใหม่ในเรื่องผลประโยชน์ทางทะเล น้ำมันและก๊าซ

ในการปฏิเสธการขอตัวทักษิณตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่ทางการกัมพูชาตอบไทยนั้น รัฐบาลกัมพูชาใช้ “ตัวพิมพ์ใหญ่” ในการอธิบายเรื่องการที่ทักษิณถูกขับออกจากอำนาจ “เขาได้รับการเลือกตั้งที่ ล้นหลามและเป็นประชาธิปไตยโดยประชาชนคนไทย”

ฮุนเซนนั้นอาจจะมองไกลไปถึงเรื่องผลประโยชน์ระยะยาวในกรณีทักษิณในเรื่องที่ว่าเขาจะได้มาเป็นผู้นำของไทยอีกครั้งในอนาคต ปวินกล่าว

อภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัติย์ของเขานั้นอ่อนแอลงทุกวัน ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างคาดการณ์ว่าไม่ว่าการเลือกตั้งครั้งใหนๆ ผู้สนับสนุนทักษิณก็จะชนะการเลือกตั้งทุกครั้ง

ฮุนเซนต้อนรับทักษิณด้วยการโอบกอดและย้ำว่าตัวเขาและทักษิณเป็น “เพื่อนแท้” ซึ่งดูแล้วเป็นการกระแหนะกระแหนนายอภิสิทธิ์ผู้ซึ่งได้รับการลงคะแนนจากสภาฯ เพื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย ด้วยการหนุนหลังของทหารและไม่ได้รับการเลือกตั้งมาจากประชาชนแต่อย่างใด ซึ่งเป็นผลพลอยได้ทางอ้อมหลังการทำรัฐประหารทักษิณให้ออกจากตำแหน่ง

“ถ้านายอภิสิทธิ์แน่จริงทำไมไม่ยุบสภาฯ แล้วเลือกตั้งใหม่?” ฮุนเซนถามเมื่อวันพฤหัสบดี “เขากลัวอะไร? ผมเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชาซึ่งได้รับคะแนนถึงสองในสามของสภาฯ นายอภิสิทธิ์ได้รับเท่าไหร่? หรือเขาปล้นเอามาจากคนอื่น?”

ฮุนเซนในวัย ๕๘ และอภิสิทธิ์ในวัย ๔๔ ทั้งสองมาจากคนละโลกเลยก็ว่าได้ ฝ่ายแรกนั้นโตมาด้วยเท้าเปล่าเป็นเด็กวัด จับอาวุธขึ้นมาต่อสู้ตอนเขมรแดง ส่วนอีกฝ่ายเป็นเด็กจากอีตันและอ็อกซ์ฟอร์ด เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษและวิถีตะวันตก

ฮุนเซนไม่ได้แสดงท่าทีปกปิดว่าตนเองนั้นปรามาสเหยียดหยามนายอภิสิทธิ์เลย

“ปัญหาระหว่างประเทศไทยและกัมพูชานั้นจริง ๆ แล้วเป็นปัญหาของผมและ “คุณ” อภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรีของไทย” ฮุนเซนใช้คำนำหน้าว่าคุณซึ่งเป็นคำพูดที่ให้เกียรติกันในหมู่คนไทย “ก่อนที่ใครต่อใครจะพูดเรื่องนี้กัน ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าผมทำงานด้านการเมืองมานานและตั้งแต่นายกรัฐมนตรีของไทยยังเป็นเด็กอยู่เลย”

หากทักษิณต้องการที่จะตีโต้รัฐบาลไทยและทำให้ตนเองตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ในเมืองไทย ดูเหมือนเขาจะประสบความสำเร็จ

“Rejected!” เขียนเป็นตัวหนังสือสีแดงตัวใหญ่หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่นเมื่อวันพฤหัสบดี หลังจากที่กัมพูชาปฏิเสธการขอให้ส่งตัวทักษิณกลับเมืองไทย

หนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับนำสำเนาหนังสือของรัฐบาลกัมพูชามาลงหน้าหนึ่งซึ่งประทับตราตัวใหญ่ว่า “แท้จริงอย่างที่สุด” (ABSOLUTE REALITIES) ซึ่งมีความหมายโดยนัยว่าทักษิณมีสิทธิ์อันชอบธรรมในฐานะนายกรัฐมนตรีของไทย

หนังสือพิมพ์ยังลงกำหนดการเดินทางในกัมพูชาของทักษิณในสองสามวันข้างหน้าว่าจะไปนครวัด และออกรอบตีกอล์ฟกับฮุนเซน รวมถึงการพบปะผู้สนับสนุนตัวเขาที่นั่งรถบัสมาจากประเทศไทย

ทักษิณผู้ซึ่งลึกลับและชาญฉลาดใด้ระบุเอาไว้ท้ายสุดของกำหนดการนั้นว่า “หลังจากนั้นจะเดินทางออกจากกัมพูชา โดยไม่รู้จุดหมายปลายทาง”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น