--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

โผรอง ผบ.ตร.ผบช.เด็กนักการเมืองเพียบ ทั้ง 'สุเทพ-พินิจ-ชวน' ขึ้นพรวด ส่งเพื่อน 'พัชรวาท'เข้ากรุ


ก.ตร.ถกตั้ง "รอง ผบ.ตร.-ผบช." นายกฯให้นโยบาย ทำงานได้ เข้าใจสถานการณ์ ลั่นไม่มีเด็กฝากนักการเมือง คาด "สัณฐาน" คนใกล้ชิด "สุเทพ" ข้ามห้วยนั่ง "ผบช.น." ดันพี่ชาย "พินิจ" คุมภาค 8 พร้อมคู่เขย เสธ.ทบ.ผงาด "ผบช.ภ.1ž " เด้งเพื่อน"พัชรวาท" เก็บกรุ ส่ง "พงษ์สันต์" อดีตตำรวจตาม "ชวน" เสียบแทน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 2 พฤศจิกายน นายสุเทพนัดประชุม ก.ตร.เพื่อพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผบ.ตร.-ผบช. มีตำแหน่งรอง ผบ.ตร.ว่าง 3 ตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร.ว่าง 5 ตำแหน่ง และ ผบช.ว่าง 16 ตำแหน่ง


ทั้งนี้ ก่อนการประชุม ก.ตร. เวลา 09.00 น. จะมีการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกข้าราชการตำรวจ หรือ บอร์ดกลั่นกรอง ที่มี นายสมศักดิ์ บุญทอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธาน พร้อมด้วย ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิอีก 5คน ร่วมกับ รรท.ผบ.ตร.และรองผบ.ตร. เพื่อพิจารณารายชื่อตำรวจที่คาดว่าจะได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งที่ว่าง


โดยพล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ และหนึ่งในบอร์ดกลั่นกรอง กล่าวว่า การคัดเลือกข้าราชการตำรวจขึ้นดำรงตำแหน่งต่างๆยังยึดหลักเกณฑ์เดิม คือหลักอาวุโส ความรู้ ความสามารถและประวัติการทำงาน นอกจากอาวุโสแล้ว ต้องพิจารณาร่วมกับความรู้ ความสามารถ ประวัติการทำงานจริง ๆ ไม่ใช่มีผลงานทางโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์อย่างเดียว ตรงนั้นจะเป็นความรู้ความสามารถแบบผักชีโรยหน้า


รายข่าวแจ้งว่าสำหรับ รองผบ.ตร.ที่ว่างลง 2 ตำแหน่ง คาด พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต ที่ปรึกษา(สบ 10) เข้าดำรงตำแหน่ง รองผบ.ตร. ซึ่งเป็นตำแหน่งหลัก ส่วนอีก 1 เก้าอี้ คาดว่าบอร์ดกลั่นกรองจะตั้ง พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วยผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 ขึ้นนั่งรองผบ.ตร. อย่างไรก็ตามในที่ประชุมก.ตร.อาจเสนอชื่อ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา(สบ 10) แทน พล.ต.ท.วุฒิ หากที่ประชุมก.ตร.มีมติให้ตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ 10) ของพล.ต.อ.วิเชียร และพล.ต.อ.ชลอ ชูวงษ์ เป็นตำแหน่งถาวร ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(สง.ก.ต.ช.)มีความเห็นเสนอสำนักงานกำพลมาก่อนหน้านี้


นอกจากนี้คาดว่า พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว และพล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วยผบ.ตร. จะได้ขึ้นเป็นที่ปรึกษา(สบ 10) ส่วนระดับผู้ช่วยผบ.ตร.จะเลื่อน พล.ต.ท.ฉัตรชัย โปตระนันทน์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. พล.ต.ท.จิโรจน์ ไชยชิต ผบช.ศ. พล.ต.ท.บรรจง ตันศยานนท์ จเรตำรวจ (สบ8) และพล.ต.ท.ประชิน วารี จเรตำรวจ (สบ 8) ขึ้นผู้ช่วยผบ.ตร.ขณะที่ พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล(ผบช.ส.) เป็นรองจเรตำรวจแห่งชาติ (สบ9)


ตำแหน่งระดับผบช. สำคัญ คาดว่าจะมีการแต่งตั้ง พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.ภ.8 คนสนิทนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร กับ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก ขึ้นเป็น ผบช.น. พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รองผบช.น. คู่เขย พล.อ.ประยุทธ เป็น ผบช.ภ. 1 พล.ต.ต.พิทักษ์ จารุสมบัติ รองผบช.สตม. พี่ชายนายพินิจ จารุสมบัติ อดีตกรรมการพรรคไทยรักไทย ขึ้นเป็น ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รองผบช.น. อดีตนายตำรวจติดตามนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เป็น ผบช.ภ.7 แล้ว พล.ต.ท.ถวิล สุรเชษฐพงษ์ ผบช.ภ.7 เพื่อนร่วมรุ่นพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร. เก็บกรุเป็นจเรตำรวจ (สบ8)


พล.ต.ต.เฉลิมชัย จงศิริ รองผบช.ภ.4 เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ขยับ เป็น ผบก.สกพ. พล.ต.ต.เดชาวัต รามสมภพ รองผบช.ภ.3 ขยับเป็น ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.ภัทรชัย หิรัญญะเวช รองผบช.กมค. อดีตนายเวร พล.ต.อ.สนอง วัฒนวรางกูร อดีตรองอ.ตร.พ่อตา นายอนุทิน ชาญวีรกูล ขึ้นนั่ง ผบช.สตม. ขณะที่ พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล รองผบช.ส. คนสนิทนายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คาดหมายว่าจะเป็นผบช.ส. อาจถูกคัดค้านในบอร์ดกลั่นกรอง เนื่องจากอาวุโสน้อย


รายงานข่าวแจ้งว่า นายสุเทพ นัด ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ รับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรมแห่งหนึ่ง แต่มีก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ บางคนไม่ได้เดินทางมา ซึ่งคาดว่าจะหารือเกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับ รองผบ.ตร.-ผบช.


ก่อนหน้านี้ ที่สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 (สทท. 11) เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 1 พฤศจิกายน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ลงมา ว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี รายงานว่าจะเรียกประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งคิดว่าน่าจะได้ข้อสรุปในวันดังกล่าว สำหรับคุณสมบัติของบุคคลที่จะได้รับการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งคือต้องทำงานได้ เราก็รู้ว่าสถานการณ์ในขณะนี้ต้องเข้มแข็งในการทำงาน นี่คือนโยบายหลักที่ให้ไป ส่วนผู้ที่มีเรื่องร้องเรียน หรือถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนนั้น ขึ้นอยู่กับว่าอยู่ในขั้นตอนไหนอย่างไร



ผู้สื่อข่าวถามว่า รายชื่อที่ปรากฏตามหน้าสื่อส่วนใหญ่เป็นเด็กนักการเมือง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนเห็นว่าพอชื่อไหนโผล่ขึ้นมาก็บอกว่าเป็นเด็กคนนั้นเด็กคนนี้ จึงบอกไปว่าหลักสำคัญที่สุดคือต้องทำงานได้ และต้องรู้ว่าสถานการณ์ขณะนี้ต้องทำงานหนักด้วย โดยเฉพาะในตำแหน่งสำคัญๆ



เมื่อถามว่า การที่ฝ่ายการเมืองเข้าไปฝากคนและได้ตามที่ฝาก จะทำให้ข้าราชการตำรวจเสียขวัญและกำลังใจหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีหรอกครับ บอกไปแล้วว่าให้ดูเรื่องความสามารถในการทำงาน ไม่ได้ให้ดูว่าใครเป็นคนฝาก เมื่อถามว่า ดูเหมือนวันนี้ตำรวจต้องเป็นคนของใครเท่านั้นถึงจะมีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่ง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ใช่ บอกแล้วว่าให้ดูเรื่องการทำงาน ได้ย้ำเรื่องนี้ไปหลายครั้งเลย



ผู้สื่อข่าวถามว่า ตัวผบ.ตร. คนใหม่จะได้เมื่อไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก็ต้องรอการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) คงจะมีการประชุมกรรมก.ต.ช. โดยตำแหน่งในเร็วๆ นี้ เพื่อพิจารณาเลือกกรรมการก.ต.ช. ผู้ทรงคุณวุฒิ เนื่องจากตำแหน่งว่างลงระยะหนึ่งแล้ว ส่วนก.ต.ช. จะประชุมได้เมื่อไหร่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง



เมื่อถามว่า แสดงว่าจะรอให้มีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งก.ต.ช. ผู้ทรงคุณวุฒิก่อนถึงจะเรียกประชุมก.ต.ช. เพื่อเลือกผบ.ตร. คนใหม่ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่จำเป็น จะดูว่าก.ต.ช. เหมาะสมเมื่อไรก็จะเรียก



"พร้อมพงศ์"เจ้าประจำร้องนายกฯแสดงภาวะผู้นำตั้งผบ.ตร.

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง จะเรียกประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ในวันพรุ่งนี้ (2 พ.ย.) เพื่อพิจารณาเรื่องการแต่งตั้งนายตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลงมาว่า ขอตั้งข้อสังเกตถึงความพยายามแต่งตั้งดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องแปลกที่รัฐบาลแต่งตั้งนายตำรวจระดับนายพล ขณะที่ผู้ร่วมพิจารณายังเป็นแค่รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พรรคจึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีอย่าซื้อเวลา แต่ควรแสดงภาวะผู้นำในการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ให้ได้ก่อนที่จะมีการแต่งตั้งรอง ผบ.ตร.และระดับผู้บัญชาการ เพื่อรักษากติกาและธรรมเนียมปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และยังเป็นการป้องกันการฟ้องร้องต่อศาลว่า การประชุม ก.ตร.เพื่อเสนอบัญชีรายชื่อผู้บริหาร สตช.ครั้งนี้ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ที่นายพร้อมพงศ์ระบุว่า มาตรา 18 ให้อำนาจ นายอภิสิทธิ์ในฐานะประธาน ก.ต.ช.จะต้องแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ก่อนที่ ผบ.ตร.จะเกษียณอายุราชการ เมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมานั้น แต่ในมาตรา 18 ซึ่งอยู่ในลักษณะ 3 ว่าด้วย คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (3) ระบุว่ าพิจารณาดำเนินการคัดเลือกข้าราชการตำรวจเพื่อดำเนินการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น