--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เพื่อไทยยุ 'มาร์ค' โชว์ภาวะผู้นำ เชือดกลุ่ม 16 "พ่อมดราเกซ" นอนคุกอยากหม่ำบะหมี่สำเร็จรูป บ่นร้อน!!!

เพื่อไทยตั้งทีมสาวข้อมูลนักการเมืองเอี่ยวคดี "ราเกซ" พร้อมแฉให้สังคมทราบ ยุนายกฯพิสูจน์ภาวะผู้นำเชือดกลุ่ม 16 นอนคุกคืนแรก "พ่อมด" ขอกินบะหมี่กึ่งสำเร็จ บ่นอากาศร้อน รักษาการ ผบ.เรือนจำเผยหน้าตาเริ่มสดใส กำชับผู้คุมยึดระเบียบเคร่งครัด รับสินบนเจอฟันวินัย "มาร์ค" เปิดทางลูกพรรคที่มีข้อมูลร่วมมือตร.สางคดีอย่างมีประสิทธิภาพ


นายราเกซ สักเสนา อดีตที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการ (กก.ผจก.) ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การหรือบีบีซี วัย 57 ปี ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์ ซึ่งถูกส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม โดยถูกควบคุมตัวอยู่บริเวณสถานพยาบาล ชั้น 2 ภายในเรือนจํานั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน นายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ รักษาการผู้บัญชาการเรือนจําพิเศษกรุงเทพฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการควบคุมตัวนายราเกซว่า ตลอดทั้งคืนการดูแลนายราเกซ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น มีเจ้าหน้าที่ผู้คุมคอยดูแลอย่างใกล้ชิดเพราะเกรงจะเกิดอันตราย ทั้งนี้ในห้องพยาบาลสั่งให้เจ้าหน้าที่นําเตียงพยาบาลที่ปรับระดับได้ไปให้นายราเกซใช้ เนื่องจากนายราเกซเดินไม่ได้ หากใช้เตียงดังกล่าวจะทําให้ผู้ดูแลทํางานสะดวกขึ้นช่วยพยุงนายราเกซให้ลุกขึ้นนั่งหรือลงจากเตียงไปเข้าห้องน้ำได้ ส่วนอาการอิดโรยของนายราเกซ จนถึงเช้าวันนี้ (1พ.ย.) พบว่าหน้าตาเริ่มสดใสขึ้นเล็กน้อย คาดว่าคงพักผ่อนน้อยเพราะเดินทางมาไกล ประมาณ 2-3 วันน่าจะดีขึ้น เริ่มรับประทานอาหารได้บ้าง ประเภทข้าวต้มและผลไม้ คืนที่ผ่านมานายราเกซ ขอรับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซึ่งเรือนจําจัดให้ พร้อมทั้งบอกว่าอากาศภายในเรือนจําร้อน ไม่เหมือนเรือนจําแคนาดา อากาศแค่ 5 องศา จึงจัดพัดลมให้ 1 ตัวเป็นที่ชอบใจของนายราเกซ


"ได้กำชับเจ้าหน้าที่ผู้คุมทุกคนที่เข้าเวรยามดูแลนายราเกซตามระเบียบเรือนจําอย่างเคร่งครัด เช่นเดียวกับนักโทษรายอื่นๆ ห้ามรับสินบนใดๆ ทั้งสิ้นหากพบจะดําเนินการทางวินัยทันที อย่างไรก็ตาม ส่วนการจัดระเบียบการเข้าเยี่ยมนายราเกซ ในวันที่ 2 พฤศจิกายน เป็นไปตามกฎของทางเรือนจํา อนุญาตให้เยี่ยมวันละ 2 รอบ รอบเช้าเวลา 08.30 น. และรอบบ่ายเวลา 14.30 น." นายโสภณกล่าว


ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงบทเรียนที่เกิดขึ้นจากกรณีนายราเกซ ว่า ถ้าพูดในเชิงระบบตั้งแต่เกิดเรื่องตอนปี 2537 ต้องถือว่าระบบการกำกับตรวจสอบของธนาคารกลางได้เปลี่ยนแปลงไปมาก อย่างในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินรอบใหม่ในโลก ระบบสถาบันการเงินของไทยก็ค่อนข้างเข้มแข็ง แต่ในแง่ความรับผิดชอบต้องเริ่มต้นจากกระบวนการยุติธรรม บังเอิญเราต้องใช้เวลานานมากกว่าจะได้ตัวกลับมา เมื่อได้ตัวนายราเกซกลับมาแล้วต้องเดินหน้าที่ตรงนี้ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเวลาที่ผ่านไป อาจทำให้การขยายผลยากขึ้น


ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง ควรขยายผลเรื่องนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นี่คือเหตุผลที่ต้องดำเนินคดี และต้องดูต่อไปว่าไปเกี่ยวข้องอะไรกับใคร ถ้าเจ้าหน้าที่อยากได้ข้อมูลจากพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยใช้อภิปราย ยินดีให้ข้อมูลอย่างเต็มที่เพื่อให้การดำเนินการมีประสิทธิภาพ เมื่อถามว่า ยินดีให้ข้อมูลแม้จะส่งผลกระทบต่อแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลหรือ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า "ต้องให้ครับ ต้องยึดถือผลประโยชน์ของประเทศ"


เมื่อถามว่า พอจะบอกได้หรือไม่ว่ามีนักการเมืองในซีกรัฐบาลชุดปัจจุบันเข้าเกี่ยวข้องกับคดีนี้มากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่ได้ดูว่าการเริ่มต้นตั้งคดีเป็นอย่างไร แต่ยินดีที่จะบอก ส.ส.ทุกคนที่เคยตรวจสอบในเรื่องนี้ว่าต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ส่วนที่หลายฝ่ายแสดงความเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของนายราเกซนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องดูแลให้ดี เมื่อถามถึงกระแสข่าวนายกรัฐมนตรี จะไปพบนายราเกซ นายอภิสิทธิ์ปฏิเสธว่าไม่ได้พูดเลย


ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ตามที่นายอภิสิทธิ์ แถลงต่อสื่อมวลชนว่าคดีของนายราเกซ ที่ยักยอกเงินบีบีซี เกี่ยวโยงกับบุคคลใด ไม่ว่าจะอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ก็จะดำเนินคดีโดยไม่ละเว้นนั้น ขอให้นายอภิสิทธิ์รักษาคำพูดและดำเนินการอย่างจริงจังตามที่ได้พูดไว้ เพราะข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏเป็นข่าวได้ระบุว่าน่าจะมีบุคคลที่เป็นนักการเมืองในอดีตสังกัดกลุ่ม 16 บางคน ซึ่งดำรงตำแหน่งในรัฐบาลขณะนั้นได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดด้วย ซึ่งหลักฐานต่างๆ เป็นเรื่องที่ตรวจสอบและพิสูจน์ได้ไม่ยาก


"นายอภิสิทธิ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีสามารถใช้อำนาจตามกฎหมายสั่งการให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเรื่องดังกล่าวได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องออกมาพูดในลักษณะของการสร้างภาพ จึงเรียกร้องว่าจะกล้าทำตามที่พูดหรือไม่ เพราะบุคคลที่น่าจะเกี่ยวข้องมีส่วนสำคัญที่ทำให้นายอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรี และอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งจะเป็นข้อพิสูจน์ภาวะความเป็นผู้นำของนายอภิสิทธิ์ว่าจะเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนหรือผลประโยชน์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ถ้าทำไม่ได้อย่างที่พูดจะหมดความน่าเชื่อถือในสายตาประชาชนทันที ส่วนอดีตสมาชิกกลุ่ม 16 ที่อยู่ในซีกพรรคเพื่อไทย ผมมั่นใจว่าไม่มีใครเกี่ยวข้องด้วยแน่นอน เพราะได้ตรวจสอบมาแล้ว ตัวละครหลักๆ ที่เกี่ยวข้องก็คือนักการเมืองใหญ่อักษรย่อ "น" และ "ส" " นายพร้อมพงศ์กล่าว


นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า นายราเกซจะเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะเปิดเผยข้อมูลของผู้ร่วมขบวนการที่เป็นต้นเหตุของวิกฤตสถาบันการเงินในปี 2540 จึงขอฝากให้นายอภิสิทธิ์ให้ความคุ้มครองกับราเกซให้ดี หากนายราเกซเป็นอะไรไปในระหว่างนี้ จะทำให้นานาชาติขาดความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลและกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์อยู่ต่อไปไม่ได้


ด้าน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีนายราเกซ อาจให้การถึงนักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการยักยอกทรัพย์จนธนาคารถูกปิดกิจการ ว่า ในทางกฎหมายคำให้การซัดทอดของจำเลยในชั้นศาล ถือว่ามีน้ำหนักน้อย เว้นแต่มีพยานแวดล้อมอื่นมาสนับสนุนจนมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีใครรู้ว่านายราเกซจะให้การอย่างไร สำหรับคดียักยอกทรัพย์บีบีซีนั้น แม้เป็นคดีความผิดตาม พ.ร.บ.แนบท้ายการสอบสวนคดีพิเศษ แต่เป็นคดีที่เกิดขึ้นก่อนดีเอสไอจะก่อตั้งขึ้น คดีที่สอบสวนไว้ทั้งหมดแล้วกว่า 20 สำนวน จึงเป็นอำนาจสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เว้นแต่คดีมีข้อเท็จจริงใหม่ปรากฏขึ้นดีเอสไอก็จะนำมาพิจารณาว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่



นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชนสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการดำเนินคดีกับนายราเกซว่า ในการประชุม กมธ.วันที่ 4 พฤศจิกายน จะนำกรณีของนายราเกซเข้าหารือเป็นการด่วน เนื่องจากเป็นที่สนใจของประชาชนและเป็นต้นตอของการทำลายระบบโครงสร้างเศรษฐกิจไทยอย่างร้ายแรง ตนจะขอเอกสารคำอภิปรายของฝ่ายค้านในขณะนั้น ได้แก่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ที่อภิปรายไม่ไว้วางใจในสมัยที่นายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรีมาศึกษาข้อมูล รวมถึง กมธ.จะออกหนังสือเชิญให้นายกอร์ปศักดิ์ ในฐานะบุคคลที่เคยเดินทางไปหานายราเกซเพื่อขอข้อมูลในเชิงลึก มาชี้แจงข้อมูลที่ได้รับกับ กมธ.ว่ามีใครอยู่เบื้องหลังหรือร่วมเครือข่ายกับนายราเกซด้วย


รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแจ้งว่า พรรคเพื่อไทยได้ตั้งทีมเฉพาะกิจขึ้นมารวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคดีนายราเกซ โดยจะหาข้อมูลจากอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายโอฬาร ไชยประวัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมให้ข้อมูลด้วย เมื่อพรรคเพื่อไทยได้ข้อมูลตัวบุคคลที่เชื่อมโยงกับนายราเกซแล้ว จะเปิดเผยให้สาธารณชนรับทราบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น